บทที่ 1410 การคุกคามมาเยือนถึงที่

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1410 การคุกคามมาเยือนถึงที่ !!

นี่คือ?

สีหน้าของเขารู้สึกไม่พอใจในทันที แววตาก็เปลี่ยนจนเย็นชาสุดๆ

ไม่กี่นาทีต่อมา เมื่อเขากลับไปที่ห้องผู้ป่วยอีกครั้ง ได้รับเนื้อหาการแชททั้งหมดของเด็กสาวคนนี้บนโซเชียลมีเดียช่วงสองสามวันนี้ในโทรศัพท์

[เชียนหยวน ชิกะ :ไม่อยากให้ฉันยั่วยุให้คนในครอบครัวโกรธเหรอ? ได้สิ แกให้เงินฉัน แกไม่รู้เหรอ? ว่าตอนนี้ฉันทำเเบบนี้ก็เพราะแก ทำแบบนี้ก็เพราะสามีคนนั้นของแก ฉันใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ฉันไม่ไปขายร้องขายเต้นในบาร์ ฉันจะหาเงินได้จากที่ไหนกันล่ะ?

[เชียนหยวนล๋ายเย่ : พี่—]

[เชียนหยวนล๋ายเย่ : ได้ พี่ต้องการเท่าไหร่?]

[เชียนหยวน ชิกะ: แน่นอนว่ายิ่งมากยิ่งดี เชียนหยวนล๋ายเย่ ตอนนี้แกเริ่มเป็นคุณนายท่านประธานหิรัญชากรุ๊ปแล้วนี่ แกยังจะขาดเงินได้เหรอ? ให้มาสักล้านสิบล้านแล้วแต่สะดวก]

[เชียนหยวนล๋ายเย่ :เชียนหยวน ชิกะ พี่ทำเกินไปแล้วนะ! พี่ทำอะไรอย่าให้มันมากจนเกินไป!]

นี่คือประวัติการสนทนาตอนที่เด็กสาวบอกว่าจะไปซื้ออาหารเช้าในวันนั้น และไปเป็นเวลานาน

คณาธิปมองจนสายตามุ่งร้ายและโหดเหี้ยม

แต่ว่า พวกนี้ก็ยังนับว่าดี เขาเปิดต่อไปเรื่อยๆ หลังจากที่เห็นเด็กสาวคนนี้ส่งให้ผู้หญิงนั่นไปหลายแสน ผู้หญิงนั่นก็ยังเป็นฝ่ายเรียกร้องเธออีก

[ เชียนหยวน ชิกะ: เชียนหยวนล๋ายเย่ เพิ่งจะหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นเอง ที่แกส่งมานั่นเรียกว่าขอทาน!]

[เชียนหยวนล๋ายเย่ : น้องมีมากแค่นั้น อีกทั้ง นั่นไม่ใช่สกุลเงินเรอัลบราซิล เเต่เป็นเงินของเราที่นี่ หลังจากที่แปลงสกุลเงิน พี่ก็มีหลายล้านแล้วนะ]

มีจอกั้นอยู่ ก็สามารถรับรู้ถึงความน้อยอกน้อยใจและความอดทนอดกลั้นนั้นได้

แต่ว่า ยัยเชียนหยวน ชิกะนี่ก็ไม่ได้ซาบซึ้งน้ำใจเลยสักนิด และเธอเริ่มโจมตีน้องสาวแท้ๆของเธอด้วยคำพูดจาที่รุนแรง

[เชียนหยวน ชิกะ: หลายล้านเหรอ? เชียนหยวนล๋ายเย่ แกไม่ได้บ้านี่ แกรู้ไหมว่าตอนนี้แกฐานะอะไรอยู่? แกรู้ไหมว่าที่วันนี้ฉันกลายเป็นแบบนี้ ก็เพราะใครกันแน่?]

[เชียนหยวนล๋ายเย่ : ……]

[เชียนหยวน ชิกะ : ฉันจะบอกแกให้นะ ก็คือสามีผู้แสนดีคนนั้นของแก !! เปิดโปงเรื่องที่น่าอับอายขายหน้าของฉันทั้งหมดออกมาอย่างลับๆ ทำให้ฉันชื่อเสียงป่นปี้ในโตเกียว สุดท้ายจึงทำได้แค่แต่งไปตระกูลเทนคา ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าเขาทำทั้งนั้น]

[เชียนหยวนล๋ายเย่ : ……]

เป็นเวลานาน หลังจากประวัติการสนทนานี้ ก็ไม่มีข้อความปรากฏขึ้นอีก

คณาธิปเห็นแล้ว ฉันพลัน ราวกับมีของอะไรยื้อยุดไว้ อยู่ที่หน้าอกของเขา เขาที่ใจเย็นมาโดยตลอด และควบคุมอารมณ์ของเขาได้อย่างง่ายดาย

นึกไม่ถึงว่าเป็นครั้งแรกที่ กระวนกระวายจนเปิดลงไปโดยทันที

เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับยัยเด็กนี่จริงๆ และในตอนนั้น ก็ไม่ได้ไปคิดอะไรมากขนาดนั้นอีกด้วย

แต่ว่าตอนนี้ หลังจากที่เขาเห็นเรื่องนี้ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมานิดหน่อย กังวลว่ายัยเด็กนั่นจะโกรธไหม? หลังจากที่หญิงชั่วช้าคนนี้พูดเรื่องพวกนี้ไป

เป็นไปได้ไหมว่า…… จากนี้จะไม่สนใจเขาแล้ว?

เขาเปิดอย่างรวดเร็ว

[เชียนหยวนล๋ายเย่ : นั่นก็เป็นการลงโทษที่พี่สมควรได้รับมันอยู่แล้ว สามีของน้องไม่ได้ทำอะไรผิดอย่างแน่นอน!]

อีกวันต่อมา เด็กสาวคนนี้ถึงจะตอบพี่สาวของเธอ

ส่วนประโยคแรกของเธอนั้น นึกไม่ถึงว่ายังคงเข้าข้างคณาธิปอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ

จนคณาธิปตกตะลึงอยู่ตรงนั้นเลยทีเดียว

เวลานี้ ในอกของเขา ฉับพลัน ความรู้สึกอบอุ่นที่หายไปนาน ซึ่งหายไปหลังจากอายุสิบแปดปี ความรู้สึกแบบนั้นที่ติดอยู่ในใจ และฝังอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ

กลับมาอีกแล้ว

ใช่ ตอนที่เขามีความรู้สึกแบบนี้เพียงหนึ่งเดียว ก็คือสิบปีนั้นที่ถูกรับเลี้ยงโดยตระกูลวชิรนันท์

สิบปีนั้น ถึงแม้ว่า น้าณีของเขาไม่สามารถพาเขากลับตระกูลวชิรนันท์อย่างเปิดเผยบริสุทธิ์ได้ แต่ว่า น้าดูแลเขา เอาใจใส่เขาได้อย่างทั่วถึงจริงๆ

ตั้งแต่เข้าเรียน น้าก็เตรียมเสื้อผ้าและของใช้ประจำวันอย่างครบถ้วนให้แก่เขา และทุกสุดสัปดาห์หลังเลิกเรียน ก็จะเข้ามาเยี่ยมเขาด้วยตัวเองภายในลานบ้านเล็กๆที่เช่าไว้ และทำของอร่อยๆให้เขาทาน แถมน้ายังกำชับให้คนรับใช้ที่ดูแลเขาในตอนนั้นว่า จะต้องนำเรื่องของเขามาบอกเธอได้ตลอดเวลา

และตราบใดที่เขาก่อเรื่องที่โรงเรียน คนแรกที่ยืนออกมาปกป้องเขา ก็คือน้าคนนี้

เช่นเดียวกับ เด็กสาวคนนี้ในตอนนี้

เขาจับโทรศัพท์ไว้แน่น

จนข้อนิ้วมือ เกือบจะเป็นสีขาวทั้งหมด

อีกสิบนาทีต่อมา เชียนหยวนล๋ายเย่ถึงกลับมาสักที เธอจัดการอารมณ์ไปครู่หนึ่ง ค่อยไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา จนสามีดูไม่ออกจริงๆ เธอถึงจะกลับมา

“ที่รัก ฉันกลับมาแล้วค่ะ”

เธอเผยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนเคย และเรียกผู้ชายที่คอยอยู่ด้านในตามปกติ

คณาธิปหันกลับมา เห็นเธอ จึงยืนขึ้นมา

“ไปทานข้าวกันไหมครับ?

“ฮะ?”

เด็กสาวอึ้งจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“ทานข้าวเหรอคะ?”

แต่ว่า แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่ยอมที่จะลงไปทานข้าวชั้นล่างด้วยกันกับเธอไม่ใช่เหรอ? เพราะแบบนี้ไงถึงทำให้เธอถือติดมือกลับมาทุกๆวัน

เด็กสาวยังไม่ทันได้ปรับตัวเลยสักนิด

“ที่รัก พี่……”

“ยืดเส้นยืดสายหน่อยน่ะ ศักราชบอกพี่ว่าต้องเดินให้เยอะๆไม่ใช่เหรอ?” คณาธิปถอนสายตาอย่างเฉยเมย และเริ่มเปลี่ยนรองเท้า

“!!!!”

ในที่สุด สาวน้อยก็มีสติกลับมาสักที

ในเสี้ยววินาที หลังจากที่เห็นเพียงแสงสีประดุจดวงดาวปรากฎขึ้นในสายตาเธอ เธอจึงขานรับอย่างมีความสุข

“โอเคค่ะ เราไปทานข้าวกัน”

หลังจากนั้นเธอก็วิ่งไปหยิบกล่องอาหารสำหรับสองคนในตู้ออกมาแล้ว เธอเพิ่งจะหยิบออกไป ในเวลานี้เอง นิ้วของผู้ชายที่เรียวยาวและสมส่วนข้างหนึ่งกลับเข้ามา วางกล่องอาหารในมือของเธอลง

“ทานที่นั่นเเหละ ไม่ต้องถือติดมือกลับมาหรอกครับ”

“หา? อืมๆ โอเคค่ะ”

ใบหน้าอวบอิ่มของสาวน้อยยิ่งเปล่งปลั่งและมีเสน่ห์มากเพิ่มขึ้น

นั่นแน่นอนว่าดีที่สุด บางทีผู้ชายคนนี้อาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า ในโรงอาหารของโรงพยาบาลนั้น เพราะว่าที่นี่ไม่มีคนป่วยที่เดินไม่ได้ ดังนั้น พอถึงเวลาทานข้าวทุกครั้ง ครอบครัวและคนป่วยก็จะรับประทานอาหารร่วมกัน

เธอไม่รู้ว่ามีความอิจฉาอยู่มากน้อยแค่ไหนกัน

อีกทั้ง เธอตักข้าวมากไป คุณป้าที่โรงพยาบาลก็จะถามอยู่เสมอว่า ทำไมสามีถึงไม่มาด้วย

เด็กสาวตามอยู่ข้างสามีอย่างมีความสุข เธอก้มหัวมองไปทางแขนของสามี อยากไปโอบกอดเหลือเกิน แต่กลัวว่าเขาไม่ยอมอีก อย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้ เขาอยู่ในท่าทีที่เย่อหยิ่งและปฏิเสธผู้อื่นไม่ยอมให้เข้าใกล้มาโดยตลอด

แต่ในเวลานี้ มือที่สวยงามอย่างมากนั้น เป็นฝ่ายออกตัวเอื้อมมา

เพียงแค่จับเบาๆ มือเล็กๆของเธอ ก็ถูกโอบด้วยฝ่ามืออันอบอุ่นจากเขา

เชียนหยวนล๋ายเย่ : “!!!!”