บทที่ 2138 เป็นสุราดีจริงๆ ด้วย

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เถิงเฟยได้ฟังสิ่งเหล่านี้แล้วตกใจไม่เบา เรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อฝึกตนในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ สำหรับคนระดับพวกเขาแล้วไม่ใช่ความลับอะไร สถานที่อันตรายถึงชีวิตขนาดนั้น มีหรือที่หนิวโหย่วเต๋อจะไม่เตรียมป้องกันอย่างเข้มงวด แต่ไม่น่าเชื่อว่าประมุขชิงจะหาทางแทรกทัพใหญ่เข้าไปได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ไม่ว่าใครก็ต้องนึกกลัวทีหลังทั้งนั้น

เขาไม่รู้ว่าเหมียวอี้พูดจริงหรือโกหก แต่การที่ประมุขชิงกล้าทำอย่างนี้ก็ไม่แปลก ราชันคนหนึ่งที่ไม่สามารถควบคุมขุนนางเจ้าอาณาเขตได้อย่างเบ็ดเสร็จ จะใช้วิธีการไร้ยางอายบ้างก็ไม่น่าแปลกใจ สิ่งที่เขาอยากจะรู้ตอนนี้ก็คือ การที่เหมียวอี้พูดเรื่องประมุขชิงจะลงมือสังหารตัวเองไม่หยุดนั้นมีเจตนาอะไร อย่าบอกนะว่าจะดึงข้าไปร่วมก่อกบฏด้วย?

เถิงเฟยตกใจกับความคิดของตัวเอง แต่ปากก็พูดคล้อยตามอีกครั้ง “นึกไม่ถึงว่าจะทำกับขุนนางใหญ่ตำหนักสวรรค์อย่างนี้ ทำให้คนหวาดระแวงจริงๆ”

เมื่อเห็นเขาตอบไม่ตรงประเด็นเสียที เหมียวอี้จึงพูดเปิดเผยโดยตรงเลยว่า “คนที่รู้จักหนิวผู้นี้น่าจะรู้จักการวางตัวของข้า เรื่องบางเรื่องสามารถทนได้ แต่ไม่มีทางทนไปตลอด ประมุขชิงไร้คุณธรรมก่อน ก็อย่าโทษว่าอ๋องผู้นี้ว่าขาดศีลธรรมก็แล้วกัน ทำมาแล้วไม่ทำกลับจะเสียมารยาท!”

เถิงเฟยเงียบไปครู่หนึ่ง  รู้ว่าไม่มีทางหลบเลี่ยงได้แล้ว “ท่านอ๋องอยากจะให้เถิงช่วยอะไร?”

เหมียวอี้ยกจอกสุราคำนับ “จะช่วยหรือไม่ช่วยก็ต้องดูว่าท่านอ๋องคิดยังไง ถ้าพูดจากบางระดับ  ก็แค่ช่วยท่านอ๋องเท่านั้นเอง”

“อ้อ!” เถิงเฟยตอบกลับอย่างครบ “เช่นนั้นก็จะล้างหูรอฟัง”

เหมียวอี้เงยหน้ากรอกสุราลงท้อง แล้วถือโอกาสผลักจอกสุราออกไป ให้หยางเจาชิงรินให้ แล้วกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “มิอาจยอมให้ผู้อื่นมานอนกรนอยู่ข้างเตียง!”

เถิงเฟยชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ทัพใหญ่แดนรัตติกาลเหรอ?”

สิ่งนี้เดาได้ไม่ยาก บรรดาอ๋องสวรรค์พึ่งพากันและกัน เป็นความสัมพันธ์กึ่งร่วมมือกึ่งแข่งขัน ไม่ถึงขั้นเก็บอีกฝ่ายไว้ไม่ได้ และในเวลานี้มีเพียงทัพใหญ่แดนรัตติกาลที่ทำให้หนิวโหย่วเต๋อมองว่าเป็นคนที่มานอนกรนอยู่ข้างเตียงได้ เพราะนั่นคือกำลังพลที่ประมุขชิงควบคุม กอปรกับทัพใหญ่แดนรัตติกาลไม่มีความเสียหายในการรบอะไร กำลังเพิ่มขึ้นตลอดไม่เคยลด ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นใครก็รู้สึกไม่สงบใจทั้งนั้น เท่ากับว่าข้างหลังมีมีดสั้นจ่อและพร้อมจะแทงเข้ามาได้ทุกเมื่อ

เหมียวอี้ส่ายหน้า “ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือชิงหยวนจุน!”

“มีอะไรต่างกัน?” เถิงเฟยแปลกใจ

“ถ้าชิงหยวนจุนอยากจะก่อกบฏล่ะ?” เหมียวอี้ถามกลับ

เถิงเฟยสูดลมหายใจอย่างตระหนก ถามอย่างตกใจว่า “จะเป็นไปได้ยังไง? ทัพใหญ่แดนรัตติกาลอยู่ในการควบคุมของประมุขชิง ต่อให้ชิงหยวนจุนมีความคิดนั้นแต่ก็ไม่กล้าทำหรอก!” พอเพิ่งจะพูดจบก็รู้สึกว่าไม่ถูกอีก รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะยิงธนูโดยไร้เป้า อดไม่ได้ที่จะถามว่า “หรือว่าชิงหยวนจุนบอกจุดประสงค์อะไรให้ท่านอ๋องรู้?”

เหมียวอี้โค้งมุมปากแสยะยิ้ม “ถ้าเขาไม่กบฏ ข้าก็จะบีบให้เขากบฏ!”

เถิงเฟยส่ายหน้า “ในมือเขาไม่มีกำลังพล ต่อให้บีบไปก็ไม่มีประโยชน์ อย่าบอกนะว่าท่านอ๋องเตรียมจะช่วยเขาอีกแรง?” เขาไม่คิดว่าเหมียวอี้จะสามารถส่งกำลังทหารไปช่วยชิงหยวนจุนต่อต้านประมุขชิงโดยตรง

เหมียวอี้ตอบว่า “ชิงหยวนจุนจะก่อกบฏสำเร็จหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือทำให้ประมุขชิงคิดว่าลูกอกตัญญูคนนี้คิดจะแทนที่เขาจริงๆ ก็พอแล้ว!”

“ประมุขชิงไม่ได้โง่ขนาดนั้น เกรงว่าคงไม่เกิดความเข้าใจผิดนี้ได้ง่ายๆ” เถิงเฟยกล่าว

เหมียวอี้กล่าวอย่างใจเย็น “ถ้าประมุขชิงคิดจะให้ลูกของจ้านหรูอี้มาแทนที่ชิงหยวนจุนล่ะ?”

เถิงเฟยส่ายหน้า “เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ต่อให้ประมุขชิงจะมีความคิด แต่มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะทำจริง การเปลี่ยนองค์รัชทายาทไม่ใช่เรื่องเล็ก ทำให้ใต้หล้าเกิดความวุ่นวายใหญ่โตได้ง่าย นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมประมุขชิงประกาศชัดเจนมาตั้งแต่แรกว่าโอรสสวรรค์ต้องถือกำเนิดจากราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เท่านั้น ต่อให้ประมุขชิงจะชอบจ้านหรูอี้ขนาดไหน แต่ก็ไม่คิดจะถอดเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ออกจากตำแหน่งแล้วให้จ้านหรูอี้มาแทนที่ได้ง่ายๆ ในเมื่อประมุขชิงกล้าให้ชิงหยวนจุนแยกตัวออกมาเป็นเจ้าอาณาเขต คาดว่าคงมีมาตรการอะไรที่ทำให้ชิงหยวนจุนสงบใจได้ คงไม่ให้ใครมาเสี้ยมสองพ่อลูกได้ง่ายๆ ชิงหยวนจุนจะได้ไม่ถูกหลอกใช้!”

เหมียวอี้ชูตะเกียบบอกใบ้ให้อีกฝ่ายกินอาหาร อย่ามัวแต่พูดอย่างเดียว หลังจากลิ้มลองอาหารเลิศรสแล้ว ก็กล่าวกลั้วหัวเราะอีกว่า “หลักการน่ะ พวกเราล้วนเข้าใจ แต่ความแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมักจะอยู่ตรงนี้ เกรงว่าผู้หญิงคงจะไม่คิดอย่างนี้ ยกตัวอย่างเช่นเซี่ยโห้วเฉิงอวี่!”

เถิงเฟยที่กำลังขบเคี้ยวอาหารอร่อยเริ่มหยุด เผยแววตาเข้าใจในฉับพลัน เขาเข้าใจแล้ว ชิงหยวนจุนจะก่อกบฏสำเร็จหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ประมุขชิงจะอยากให้ลูกที่เกิดกับจ้านหรูอี้มาแทนที่ชิงหยวนจุนหรือไม่ก็ไม่สำคัญเช่นกัน ขอเพียงทำให้คิดว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างนี้ก็พอแล้ว

พอคิดได้อย่างนี้ ก็แอบรู้สึกตกใจทันที ช่างเป็นแผนที่ชั่วร้ายเลวทรามยิ่งนัก นี่คิดจะใช้ประโยชน์จากความริษยาของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เพื่อเสี้ยมให้ชิงหยวนจุนกับประมุขชิงสองพ่อลูกกลายเป็นศัตรูกัน! เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกว่า “ดูท่าแล้วท่านอ๋องคงคิดจะเริ่มลงมือจากเซี่ยโห้วเฉิงอวี่กับจ้านหรูอี้ผู้หญิงสองคนนี้!”

คุยกับคนฉลาดก็ลดความยุ่งยากไปได้เยอะ เหมียวอี้ยิ้มพลางโบกมือเบาๆ “ท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะลงมือกับผู้หญิงสองคนนี้ แต่เป็นท่านต่างหากที่อยากลงมือกับผู้หญิงสองคนนี้!”

“อ้อ!” เถิงเฟยวางตะเกียบ รู้ว่าในที่สุดก็คุยกันจนถึงขั้นตอนต่อรองเงื่อนไขแล้ว เขายิ้มพร้อมบอกว่า “ข้ารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้นะ”

เหมียวอี้เอนตัวพิงเก้าอี้ด้านหลัง สีหน้าท่าทางผ่อนคลายแล้ว กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “ท่านอ๋องจะคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้นะ ต้องคำนึงถึงข้าด้วยสิ! ข้าบอกแล้ว ถ้าทำมาแล้วไม่ทำกลับจะเสียมารยาท ประมุขชิงกดดันทำร้ายข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าไม่มีทางถอยแล้ว ทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจ ว่าต่อให้ครั้งนี้ข้าจะยอมถอยให้ แต่ประมุขชิงก็ต้องมีครั้งหน้าแน่นอน สรุปก็คือถ้าข้าไม่ตาย ประมุขชิงก็จะไม่หยุด! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เลยตัดสินใจจะสั่งสอนเขาคืนสักหน่อย กองทัพองครักษ์สิบล้านที่ดักซุ่มอยู่ไหนแดนมรณะดึกดำบรรพ์นั่น ข้าจะให้เขากลับไปง่ายๆ ได้ยังไงล่ะ? ในเมื่อประมุขชิงไร้ศีลธรรมก่อน ข้าก็ไม่มีอะไรต้องเกรงใจเช่นกัน เมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด ถือโอกาสกำจัดภัยพิบัติในภายภาคหน้าอย่างทัพใหญ่แดนรัตติกาลไปด้วยเสียเลย ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล”

เถิงเฟยแววตาวูบไหว “ในเมื่อท่านอ๋องมีแผนการที่ละเอียดรอบด้านแล้ว ก็สามารถดำเนินการเองได้เลย จำเป็นต้องให้ข้าช่วยด้วยเหรอ?”

เหมียวอี้บอกว่า “จะพูดอย่างนี้ก็ไม่ได้ ในใจท่านอ๋องน่าจะรู้ชัด ว่าพวกเราไม่มีศักยภาพที่จะแตกหักกับประมุขชิงจนถึงที่สุด ใครใช้ให้อีกฝ่ายมีประมุขพุทธะล่ะ ไม่อย่างนั้นพวกเราจำเป็นต้องลำบากฟังคำสั่งประมุขชิงอย่างนี้ด้วยเหรอ การสั่งสอนคืนหรือกำจัดปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง ก็ไม่ได้แปลว่าข้าจะแตกหักกับประมุขชิง เวลาที่ควรจะทำแต่พอดีก็ต้องทำแต่พอดี ดังนั้นเรื่องบางเรื่องข้าไม่สะดวกจะทำเอง ถ้าข้าวางแผนทำอะไรกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่และจ้านหรูเมื่อไหร่ เนื่องจากแผนการลอบสังหารข้า ประมุขชิงจะต้องสงสัยข้าทันที ปฏิกิริยาของชิงหยวนจุนน่าจะทำให้เขามองออกได้ง่ายมาก ดังนั้นเรื่องนี้ข้าไม่สะดวกจะออกหน้า ให้ท่านอ๋องทำเหมาะสมที่สุด! เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะท่านอ๋องอยากจะคุมอาณาเขตทัพตะวันออกแต่เพียงผู้เดียวไง ข้าเองก็เปลืองแรงช่วยท่านอ๋องเฉยๆ ไม่ได้ ต่อให้ข้าสนับสนุนท่านอ๋อง แต่ถ้าประมุขชิงไม่ตอบตกลง มีมีดอย่างทัพใหญ่แดนรัตติกาลจ่ออยู่ข้างหลังข้า ข้าจะกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเหรอ? ประมุขชิงตัดสินใจแน่แล้วว่าจะกำจัดข้าทิ้ง ข้าอาจจะโดนศัตรูขนาบทั้งข้างหน้าข้างหลังได้ทุกเมื่อ จะให้ข้าสงบใจไปสนับสนุนท่านอ๋องได้ยังไง?”

เถิงเฟยเงียบไป พอพูดแบบนี้ก็ถือว่าเป็นปัญหาจริงๆ ที่บอกว่าจะสนับสนุนตนต้องไม่ใช่คำพูดปากเปล่าแน่นอน จะต้องส่งกำลังพลออกมาเพื่อแสดงท่าทีต่อต้านวังสวรรค์แน่นอน ถ้าอีกฝ่ายส่งกำลังพลออกมาสนับสนุนฝั่งนี้ แต่ทัพเกรียงไกรห้าสิบล้านของแดนรัตติกาลฉวยโอกาสเข้ามา อาณาเขตทัพใต้จะต้องวุ่นวายใหญ่โตแน่นอน นี่คือเรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อมิอาจไม่กังวล แบบนี้พออยากจะได้การสนับสนุนจากอีกฝ่าย เขาก็ต้องช่วยอีกฝ่ายกำจัดหอกข้างแคร่อย่างทัพใหญ่แดนรัตติกาลทิ้งก่อน

ขณะสังเกตปฏิกิริยาอีกฝ่ายที่กำลังครุ่นคิด เหมียวอี้พูดต่อไปว่า “แต่ถ้าประมุขชิงกับลูกชายกลายเป็นศัตรูกัน สถานการณ์ก็จะแตกต่างออกไปมาก ท่านอ๋องก็ไม่ต้องขอร้องให้คนอื่นมาสนับสนุนมากเท่าไหร่ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ประมุขชิงจะยอมให้ชิงหยวนจุนก่อกบฏ ถึงตอนนั้นประมุขชิงคงยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดขยะในบ้าน ถ้าในเวลานี้ท่านอ๋องอยากจะเคลื่อนพลรวมทัพตะวันออกเป็นหนึ่งเดียว ก็จะไม่กดดันมากแล้ว  และถ้าข้าต้องการจะลงมือกับกองทัพองครักษ์ในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ ก็ต้องทำตอนที่ประมุขชิงแบ่งสมาธิไปยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดขยะในบ้าน ถึงตอนนั้นประมุขชิงไม่มีเวลามาสนใจ ทำได้เพียงมองดูข้ากินกำลังพลที่เขาส่งมาดักซุ่มในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ หลังจากนั้น ทัพใหญ่แดนรัตติกาลก็ถูกประมุขชิงกำจัดทิ้งแล้ว จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลได้ชื่อว่าก่อกบฏ ตอนพวกเราอยู่ในที่ประชุมขุนนาง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลตั้งขึ้นมาใหม่อย่างสง่าผ่าเผยอีก ทุกคนล้วนยินดีที่จะเห็นประมุขชิงสูญเสียกำลัง ท่านอ๋องรวมทัพตะวันออกได้ ส่วนข้าในเมื่อกำจัดปัญหาที่จะตามมาในภายหลังได้แล้ว ก็สามารถกำจัดทหารดักซุ่มของประมุขชิงทิ้งได้อย่างราบรื่น เรียกได้ว่าเป็นเรื่องดีที่ทำครั้งเดียวได้ประโยชน์หลายอย่าง มีแค่ประมุขชิงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ดีใจ! ท่านอ๋อง ขอร้องใครก็ไม่เท่าพึ่งพาตัวเอง เรื่องที่ทุกคนล้วนได้ประโยชน์ ล้วนดีกว่าคำสัญญาอะไรทั้งนั้น!”

เถิงเฟยเอียงหน้ามองเถิงจง พ่อบ้านของตัวเองแวบหนึ่ง แล้วยกสุราดื่มหมดจอก เถิงจงส่งสายตาสื่อสารกับเขา จากนั้นก็หยิบกาสุรามารินให้

หลังจากชูจอกสุราคารวะเหมียวอี้ เถิงเฟยก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้านท่านอ๋องก็พูดแบบนี้กับเฉิงไท่เจ๋อเหมือนกัน หลังจากเกิดเรื่องแล้วข้าก็จะพบปัญหานะ”

เหมียวอี้ส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ “ท่านอ๋องพูดล้อเล่นอย่างนี้ทำไม? ความลับสุดยอดขนาดนี้ข้าจะตีสองหน้าได้เหรอ หลังจากเกิดเรื่องแล้วถ้าท่านหรือเฉิงไท่เจ๋อพบว่าตัวเองตกหลุมพราง ถามหน่อยว่าจะมีคนไหนรักษาความลับให้ข้าไหม? ถ้ามีคนเปิดโปงแผนการเสี้ยมประมุขชิงกับลูกชาย คาดว่าพอถึงตอนที่พ่อลูกสู้กันอย่างดุเดือดแล้วพบว่าตัวเองตกหลุมพราง ก็คงได้สติแล้วร่วมมือกันหันหัวหอกมาสู้กับข้าแทนทันที ข้าจะเสี่ยงอันตรายนี้ได้ยังไง? ตอนที่ประมุขชิงใช้กำลังทหารกับชิงหยวนจุน นั่นก็คือเวลาที่ท่านอ๋องลงมือ ตอนที่ท่านอ๋องเคลื่อนกำลังพล ก็เป็นเวลาที่ข้าลงมือเช่นกัน ไฟลุกพร้อมกันหลายด้าน ประมุขชิงทำได้เพียงรับมือกับด้านเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะกระจายกำลังทหารรับมือทั่วทุกด้าน ไม่อย่างนั้นเขาก็จะคุมฝั่งไหนไม่ได้เลย ทั้งเจ้าทั้งข้าจะทำสำเร็จได้อย่างสบายๆ! ตราบใดที่ข้าสนับสนุนท่านอ๋อง แล้วก็มีตระกูลเซี่ยโห้วกดดันอีก ต่อให้เฉิงไท่เจ๋อจะใช้วาทศิลป์โน้มน้าวยังไง แต่โค่วหลิงซวีกับก่วงลิ่งกงก็ไม่มีทางแตกความร่วมมือกันเพื่อเขาจนโดนประมุขชิงฉวยโอกาส มีแต่ต้องส่งกำลังทหารมาสนับสนุนท่านอ๋อง ถึงตอนนั้นเฉิงไท่เจ๋อตายแน่นอน ท่านอ๋องจะต้องได้คุมทัพตะวันออกคนเดียวแน่ แบบนี้จะสร้างสถานการณ์กึ่งร่วมมือกึ่งแข่งขันของสี่ทัพได้อีกครั้ง!”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เถิงจงก็รินสุราด้วยรอยยิ้ม ก้อนหินใหญ่ในใจเถิงเฟยตกลงพื้นทันที ที่ยิ่งกว่านั้นคือแอบซ่อนอารมณ์ตื่นเต้นดีใจเอาไว้ เรื่องที่ทุกคนล้วนได้ผลประโยชน์แบบนี้ใช้ได้ผลกว่าคำสัญญาอะไรทั้งนั้น เขาอารมณ์ดีมาก พูดหยอกล้อว่า “ท่านอ๋องไม่กลัวว่ากลับไปข้าจะเอาแผนนี้ไปขายให้ประมุขชิงเหรอ?”

เหมียวอี้กลับทำหน้าตึง ไม่ล้อเล่นกับเขา “ประมุขชิงอยากจะแบ่งอำนาจฝ่ายต่างๆ ให้อ่อนแอลงใจจะขาด ถ้าท่านอ๋องเอาแผนการนี้ไปขายให้ประมุขชิง แล้วประมุขชิงจะสนับสนุนให้ท่านอ๋องรวมทัพตะวันออกเหรอ? อย่าบอกนะว่าท่านอ๋องชอบเงินรางวัลเล็กน้อยพวกนั้น? และเรื่องราวก็ยังไม่เกิดขึ้น ต่อให้ท่านอ๋องเปิดเผยความลับแล้วยังไงล่ะ? ประมุขชิงจะลงโทษข้าเพียงเพราะคำพูดปากเปล่าไม่กี่คำงั้นเหรอ? ถ้าท่านอ๋องจะทำอย่างนั้นจริงๆ เท่ากับบีบให้ข้ายืนฝั่งเฉิงไท่เจ๋อโดยสิ้นเชิงแล้ว คาดว่าท่านอ๋องก็คงไม่อยากเห็นผลที่ตามมาเช่นกัน!”

“ล้อเล่นน่า ท่านอ๋องไม่ต้องคิดเป็นจริงเป็นจัง เป็นข้าที่พูดผิดเอง ควรจะดื่มลงโทษตัวเอง!” เถิงเฟยหัวเราะลั่นพลางสุราดื่มลงโทษตัวเอง พอวางจอกสุราลงแล้วก็พยักหน้าชมซ้ำๆ “เป็นสุราดีจริงๆ ด้วย!”

………………