สุดท้ายจ้าวโจ๋วเยว่ถึงรู้ว่าตัวเองถูกหลอกแล้ว

ความจริงแล้วเจี่ยงหมิงไม่ได้รวยอย่างที่เขาพูด ไม่ได้ประสบความสำเร็จขนาดนั้น ไม่เพียงแค่นี้ จ้าวโจ๋วเยว่กลับก่อปัญหาที่ใหญ่ให้กับตัวเอง

เขาไปชนรถโฟล์คสวาเกน แฟตันของหม่าจงเหลียงจนเสีย และต้องการซื้อคันใหม่เพื่อชดใช้ให้หม่าจงเหลียงด่วนที่สุด นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมเขาถึงหลอกเงินหกแสนสองจากฉันไป

แต่สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือ เขาตายไปแล้ว

ก็หมายความว่าเงินหกแสนสองของฉัน จะไม่มีวันได้คืนมาแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ ใจของเขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง เจ็บยิ่งกว่าบาดแผลบนร่างกายอีก

หม่าจงเหลียงที่เมื่อกี้ซ้อมเขาอย่างหนักนั้น เห็นจ้าวโจ๋วเยว่ในตอนนี้ไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนเมื่อกี้ เขาถึงโล่งใจและพูดกับจ้าวโจ๋วเยว่ว่า: “มึงคงเห็นชัดแล้วสินะ กูจะขับรถกลับไปแล้วนะ มึงน่าจะไม่มีข้อโต้แย้งอะไรแล้วนะ”

ถึงหม่าจงเหลียงจะดูถูกจ้าวโจ๋วเยว่ แต่เมื่อที่จ้าวโจ๋วเยว่กลายเป็นเหมือนคนบ้าระห่ำแบบนี้ หม่าจงเหลียงมากหรือน้อยก็มีความหวาดกลัวเขาอยู่

เขาก็เป็นคนที่อยู่ในวงการอิฐผลมืดมานาน ดังนั้นเขารู้ว่าคนอย่างจ้าวโจ๋วเยว่นี้ก็น่ากลัวเหมือนกัน ถ้าไปมีเรื่องกับเขาจริงๆ เขาอาจจะสู้กับฉันด้วยชีวิตก็ได้

เมื่อจ้าวโจ๋วเยว่ได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ใจของจ้าวโจ๋วเยว่เศร้าหมองทันที

ตอนนี้จ้าวโจ๋วเยว่ไม่กล้าคิดเลยว่า หนึ่งอาทิตย์ต่อไปตัวเองจะทำอย่างไร?

เพราะหนึ่งอาทิตย์ต่อไป ต้องชำระเงินคืนให้สถาบันที่กู้ยืมเงินมาแล้ว ถึงตอนนั้นถ้าไม่มีเงินคืนให้เขา ไม่รู้เขาจะจัดการอย่างไรกับตัวฉันอีกด้วย

หม่าจงเหลียงเห็นเขากำลังเหม่อลอย เหมือนวิญญาณได้ออกจากร่าง เขาก็เลยขี้เกียจที่จะไปพูดมากกับเขา เลยรีบสตาร์ทรถและขับรถออกไป

จ้าวโจ๋วเยว่ลุกขึ้นมานั่งอยู่คนเดียว และดมกลิ่นควันที่หลงเหลือของรถโฟล์คสวาเกน แฟตัน ตอนนี้เขาร้องไห้จนน้ำตาเต็มใบหน้าไปแล้ว

น้ำตาของเขาไหลลงมาไม่หยุด น้ำตาที่ไหลลงมาไหลผ่านเลือดและขี้ฝุ่นบนใบหน้าเป็นทางลงมมาอย่างชัดเจน

ตอนนี้เพื่อนเขาที่ขับรถมาลากรถ ถึงกล้าที่จะลงจากรถ และเดินมาอยู่ตรงหน้าเขา นั่งยองๆ และตีไปที่ไหล่ของเขาแล้วถามไปว่า: “โจ๋วเยว่ จะให้ฉันช่วยนายแจ้งตำรวจมั้ย?”

จ้าวโจ๋วเยว่ร้องไห้และพูดว่า: “ชีวิตฉันจบแล้ว ใครที่ทำให้ชีวิตฉันพังก็ตายไปแล้ว แจ้งตำรวจจะมีประโยชน์อะไร…….”

เพื่อนของเขาไม่รู้ว่าเขาเผชิญอะไรมาบ้าง ตอนนี้เพื่อนเขาก็ถอนหายใจเบาๆ : “โจ๋วเยว่ งั้นรถนายยังจะลากอีกมั้ย?”

จ้าวโจ๋วเยว่ด่าด้วยความโกรธว่า: “แม่มึงตาบอดหรือ นายไม่เห็นหรือว่ารถถูกคนอื่นขับไปแล้ว? จะให้ลากอะไรล่ะ!”

อีกฝั่งอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและคิดในใจว่า ถ้าไม่ใช่เมื่อกี้ฉันตะโกนไป ตอนนี้นายคงโดนซ้อมตายไปแล้ว ตอนนี้ฉันใจดีมาถามนายด้วยความห่วงใย นายยังจะมาอวดเก่งกับฉันใช่มั้ย?ได้ นายอวดเก่งไปเลย กูไม่ยุ่งกับมึงแล้ว!

นึกถึงตอนนี้เขาลุกขึ้นมา และพูดกับจ้าวโจ๋วเยว่ว่า: “ถ้านายไม่ลากรถแล้วฉันจะกลับแล้วนะ”

จ้าวโจ๋วเยว่ได้สติกลับมา และรีบพูดออกมาว่า: “งั้นเงินแปดร้อยคืนให้ฉันก่อน นายค่อยกลับสิ!”

อีกฝ่ายพูดความโมโหว่า: “นายจะมีเรื่องกับพวกเราหรือ ฉันมาไกลขนาดนี้แบบฟรีๆหรือ? ฉันเปิดอู่ซ่อมรถนะ ถ้าออกเดินทางไปแล้ว ก็เหมือนได้ทำงานแล้ว ไม่ว่านายจะลากหรือไม่ลากรถ ฉันกลับไปต้องไปรายงานรายรับกับทางอู่ซ่อมรถด้วย!”

จ้าวโจ๋วเยว่โกรธและพูดอย่างลนลานออกมา: “ฉันไม่สนเหตุผลอะไรของนาย มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลย ฉันรู้แค่ว่าฉันไม่ได้ให้นายลากรถ ดังนั้นนายต้องคืนเงินให้ฉัน!”

อีกฝ่ายก็เริ่มลนลานขึ้นมาและพูดด้วยความโกรธว่า: “ฉันว่านายคนนี้ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องใช่มั้ย? อู่ซ่อมรถมีกฎว่า ถ้ารถออกเดินทางไปแล้วก็ต้องคิดค่าใช้จ่ายตามจริง นายจะให้ฉันคืนเงินให้นาย แล้วฉันกลับไปแล้วหัวหน้าอู่ซ่อมรถมาเอาเงินกับฉัน จะให้ฉันทำอย่างไร?”

จ้าวโจ๋วเยว่พูดอย่างเยือกเย็นว่า: “ช่างแม่มึงสิว่าจะทำอย่างไร มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน นานรีบคืนเงินให้ฉัน!”

อีกฝ่ายไม่คิดเลยว่าจ้าวโจ๋วเยว่คนนี้จะเป็นคนที่ไร้เหตุผลแบบนี้ และโมโหมากและพูดว่า: “คนแบบนี้สมน้ำหน้าแล้วที่ถูกคนหลอกจนหมดตัว!”