บทที่ 1377 กระบี่ทะลวงโล่

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,377 กระบี่ทะลวงโล่

การแข่งขันยังไม่จบลง อันที่จริงนั้น การแข่งขันยังคงอีกยาวไกล

เพราะเมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ บุรุษหนุ่มทั้งสองคนยังคงใช้พละกำลังทางกายภาพเป็นหลัก พวกเขายังไม่ได้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพ

“เจ้าคิดว่าตนเองแข็งแกร่งนักใช่หรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินรัวหมัดใส่ใบหน้าพานตั่วชิงไม่ยั้ง

โลหิตพุ่งกระฉูดออกมาจากปากและจมูกของพานตั่วชิง

“บัดซบ โดนไปขนาดนี้คอยังไม่หักได้ไงวะ”

หลินเป่ยเฉินคำรามด้วยความหงุดหงิดใจ

พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

ศีรษะของพานตั่วชิงจมหายเข้าไปในผนังหิน ตัวคนบิดหนึ่งร้อยแปดสิบองศา ราวกับว่าหลินเป่ยเฉินต้องการจะบิดให้กระดูกลำคอแตกหักให้ได้

“พอแล้ว… พอแล้ว”

เสียงครางแผ่วเบาดังออกมาจากในส่วนลึกลำคอของพานตั่วชิง

พรึ่บ!

ทันใดนั้น พลังศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกมาจากร่างของพานตั่วชิง

ลำแสงสีทองสาดประกายรอบบริเวณ ปกคลุมหุบเหวโหยหวนให้ตกอยู่ในสีทองคำ

มวลพลังจากลำแสงนั้นทำให้หลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นออกมา

เขาตีลังกาเจ็ดร้อยยี่สิบองศาและหมุนตัวอีกสามร้อยแปดสิบองศา ก่อนจะถอยหลังมายืนตั้งหลักห่างไกลร้อยกว่าวา ตัวคนตั้งตรงดุจคันทวน

หลินเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้นและนำขวดสเปรย์แต่งผมออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ เขาฉีดสเปรย์ใส่ศีรษะของตนเอง ก่อนจะกางนิ้วเสยผมไปทางด้านหลังอย่างวางมาดเท่

เลือดออกได้ กระดูกหักได้ แต่ผมจะเสียทรงไม่ได้เด็ดขาด!!

“เจี๋ยนเซียวเหยา!”

พานตั่วชิงแงะตัวเองออกมาจากผนังหินทีละนิด กระดูกทั่วร่างกายที่แตกหักค่อย ๆ ฟื้นฟูขึ้นมาจนกลับเป็นปกติ ดวงตาของพานตั่วชิงกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น “มดปลวกต่ำต้อยอย่างเจ้า เกิดมาเพื่อให้ข้าได้เหยียบย่ำก็เท่านั้น…”

“ขอโทษที เมื่อสักครู่ลืมตัวไปหน่อย”

เมื่อหลินเป่ยเฉินจัดแต่งทรงผมเรียบร้อย เขาก็นำเสื้อคลุมสีดำตัวใหม่มาสวมใส่พลางกล่าวว่า “แต่เรามาสู้กันอย่างลูกผู้ชายไม่ได้หรือไร? เหตุไฉนเจ้าถึงต้องพูดจาเหยียดหยามข้าทุกคำขนาดนี้ด้วย”

เปลวไฟสีทองคำลุกโชนขึ้นมาบนฝ่ามือซ้ายขวาของพานตั่วชิง

และเปลวไฟนั้นก็เปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นหอกทองคำเล่มหนึ่ง

นี่คือหอกแสงสนธยา

นอกจากนี้ เปลวไฟอีกหนึ่งดวงยังได้เปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นโล่ทองคำรูปทรงสามเหลี่ยมอีกด้วย

นี่คือโล่สุริยะ

เมื่อมีหอกแสงสนธยาและโล่สุริยะอยู่ในมือทั้งสองข้าง พานตั่วชิงก็ไม่ต้องเกรงกลัวอะไรอีกแล้ว

ร่างกายของเขาเคลือบฉายด้วยแสงสีทองคำ ตัวคนก้าวเดินออกมาข้างหน้าด้วยความองอาจสง่างาม ไม่ต่างจากเทพเจ้าบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนกลับมาจากโลกแห่งความตาย

“เจ้าหลอกข้า”

เขามองหน้าหลินเป่ยเฉิน ยกมือขึ้นและแทงหอกออกมา

หลินเป่ยเฉินดีดตัวสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า

พื้นหินน้ำแข็งใต้เท้าเขาระเบิดกระจุย

“เฮ้อ ที่เมื่อสักครู่นี้ข้ายอมถูกเจ้าทุบตีก็เพราะต้องการจะเลื่อนขั้นพลังในวิชากระบี่เร้นกายหรอกนะ บัดนี้ ข้าทำได้สำเร็จแล้ว ไม่มีทางยอมให้เจ้าทำผมข้าเสียทรงเป็นครั้งที่สองแน่”

หลินเป่ยเฉินหมุนข้อมือวูบ

แล้วกระบี่สีดำเล่มใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

หลินเป่ยเฉินโจมตีออกไปด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่หก

เงากระบี่พุ่งออกไป

และเพียงลมหายใจเดียวเท่านั้น หลินเป่ยเฉินก็มาปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าพานตั่วชิงด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

พานตั่วชิงยกแขนซ้ายขึ้นป้องกันตามสัญชาตญาณ

เคร้ง!

โล่สุริยะของเขาสามารถป้องกันการโจมตีได้อย่างง่ายดาย

ไม่เพียงป้องกันเท่านั้น มันยังช่วยสลายพลังการโจมตีได้อีกด้วย

วูบ!

หอกทองคำถูกแทงเข้ามาใส่ช่วงท้องด้านล่างของหลินเป่ยเฉิน

หลินเป่ยเฉินรีบฉากกายหลบ ระเบิดพลังออกไปเป็นม่านกำบัง

เคร้ง!

สะเก็ดไฟสาดกระจาย

กระบี่ทมิฬเล่มนี้หลินเป่ยเฉินซื้อหามาจากร้านขายอาวุธระดับสูงของเผ่าเทพพงไพร ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อใช้ออกมาด้วยความหนักหน่วงเช่นนี้ มันจึงแตกกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยไปในพริบตา

“หอกของเจ้า”

หลินเป่ยเฉินยืนหยัดตั้งหลัก ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

“สมควรเป็นของข้า”

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยเสียงแปลกประหลาด ก่อนจะชักกระบี่เงินอีกเล่มหนึ่งออกมาฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

สะเก็ดไฟสาดกระจายไปรอบทิศทาง

กระบี่เงินในมือหลินเป่ยเฉินแตกสลายเหลือเพียงด้ามจับเท่านั้น

“ใช้แต่อาวุธที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นแบบนี้มันขี้โกงนี่หว่า”

เขาคำรามออกมาด้วยความไม่พอใจ

ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็เปลี่ยนกระบี่เล่มใหม่อีกรอบ

พานตั่วชิงหัวเราะเยาะ หอกทองคำในมือโจมตีต่อเนื่องด้วยจิตอาฆาต ลำแสงสีทองคำโอบล้อมฟ้าดิน

เพล้ง!

กระบี่ในมือหลินเป่ยเฉินแตกสลายไปอีกครั้ง

เด็กหนุ่มต้องกระโดดหลบหลีกเป็นพัลวัน เพื่อไม่ให้คมหอกของพานตั่วชิงโจมตีตนเองสำเร็จ

หลังจากที่เลื่อนขั้นสู่ระดับกระบี่กระดูกเพชร นอกจากร่างกายหลินเป่ยเฉินจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ความเร็วของเขาก็เพิ่มมากกว่าเดิมหลายเท่าอีกเช่นกัน บัดนี้ เขาจึงสามารถหลบหลีกการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไม่มีปัญหา…

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นสูงและนำกระบี่หน้าตาแปลกประหลาดออกมา

ย่อมเป็นสุดยอดกระบี่นอกสายตา

“เจ้าคิดว่าหอกของเจ้าแข็งแกร่งไร้เทียมทานใช่หรือไม่ ลองดูกระบี่ของข้าหน่อยเป็นไร”

หลินเป่ยเฉินตะเบ็งเสียงคำราม ควงกระบี่จนกลายเป็นแสงสีเงินแวววาว

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

สะเก็ดไฟสาดกระจายไปรอบบริเวณ

หอกทองคำและกระบี่เงินปะทะกันอย่างดุเดือด

กระบี่เงินหน้าตาประหลาดเล่มนี้พลันแตกหักเหลือเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

“เชี่ย…”

หลินเป่ยเฉินทำได้เพียงกำด้ามจับกระบี่เอาไว้ด้วยความร้อนรนและโกรธแค้น

“เจ้ามันหน้าไม่อาย ข้าใช้กระบี่ แต่เจ้าใช้หอก”

หลินเป่ยเฉินคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “เก่งจริงก็ทิ้งหอกทิ้งโล่มาสู้กันอย่างยุติธรรมสิวะ”

พานตั่วชิงหัวเราะเยาะ “เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่ว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร?”

หอกทองคำเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มันมีแสงสว่างแผดออกมาราวกับแสงตะวัน ทุกครั้งที่โจมตีออกมา น้ำแข็งและก้อนหินก็จะกลายเป็นฝุ่นผง มวลอากาศปั่นป่วน จิตสังหารครอบคลุมสะพานหินโบราณ

หลินเป่ยเฉินกระโดดหลบหลีกไปมาด้วยความคล่องแคล่ว

เขาพยายามใช้กระบี่ครึ่งเล่มในมือตนเองโจมตีออกไปอีกครั้ง “ฮ่า ๆๆ นี่คือกระบี่ที่คมที่สุดของข้า หอกของเจ้าไม่รอดแน่… ตายซะเถอะ”

เคร้ง!

หอกและกระบี่ปะทะกันอย่างหนักหน่วง

ในมือของหลินเป่ยเฉินแทบหลงเหลือเพียงกระบี่ที่ใช้งานไม่ได้แล้วเท่านั้น

พานตั่วชิงระเบิดเสียงหัวเราะสะใจ “ไร้ประโยชน์ หอกในมือของข้าคืออาวุธที่คมกริบที่สุดในดินแดนทวยเทพ โล่ที่อยู่ในมือของข้าก็คือโล่ที่แข็งแกร่งที่สุด… นี่คือหอกแสงสนธยาและโล่สุริยะ อาวุธทั้งหมดนี้ต่างก็เตรียมมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ ไม่มีสิ่งใดที่จะทำลายพวกมันได้เด็ดขาด”

“ข้าไม่เชื่อ”

หลินเป่ยเฉินยังคงกำด้ามจับกระบี่นอกสายตาแน่นและกล่าวว่า “งั้นนำหอกของเจ้าแทงใส่โล่ของเจ้าสิ ทีนี้พวกเราก็จะได้รู้ว่าอะไรแข็งแกร่งมากกว่ากัน”

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นตัวโง่งมหรือ?”

พานตั่วชิงยิ้มเยาะและโจมตีอีกครั้ง

หลินเป่ยเฉินกระโดดหลบอย่างรู้ทัน

วูบ!

กระบวนท่ากระบี่ที่หกถูกใช้งานออกมาอีกครั้ง

กระบี่ถูกแทงออกมาข้างหน้า

“ไร้ประโยชน์ กระบี่ชำรุดในมือเจ้า ต่อให้เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถ…”

พานตั่วชิงยกโล่สามเหลี่ยมของตนเองขึ้นตั้งรับและหัวเราะในลำคอ

แต่คำพูดกลับขาดหายไปกลางคัน

สวบ!

เพราะนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่กระบี่หน้าตาประหลาดแทงปลายแหลมของมันทะลุโล่ทองคำเสียบเข้าใส่แขนของพานตั่วชิงเลือดกระฉูด

พานตั่วชิงเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ

“กระบี่ของเจ้า?”

นี่คือครั้งแรกที่พานตั่วชิงตกตะลึงจนลืมความเจ็บปวด เขาจ้องมองกระบี่นอกสายตาในมือหลินเป่ยเฉินด้วยความตื่นตระหนก

หากนี่เป็นกระบี่เล่มเดียวกับที่ใช้มาก่อนหน้านี้ เหตุไฉนมันจึงสามารถแทงทะลุโล่สุริยะได้สำเร็จ?

“เจ้ากำลังประหลาดใจ ตกใจ หรือเจ็บใจล่ะ?”

หลินเป่ยเฉินเป็นฝ่ายที่ได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาบ้าง “ข้าคือเจี๋ยนเซียวเหยา ราชานักล่ามังกรในตำนาน แม้แต่นางพญางูขาวหมื่นปีก็ยังต้องสิ้นชีพด้วยน้ำมือของข้ามาแล้ว… อาศัยเพียงโล่ทองคำสุดแสนจะต่ำต้อยของเจ้า จะเอาอะไรมาต้านทานกระบี่ของข้าได้?”

พานตั่วชิงพลันเริ่มเกิดความคิดวุ่นวายสับสน

กระบี่ในมือเจี๋ยนเซียวเหยาคืออะไรกันแน่?

พานตั่วชิงรีบล่าถอยกลับมาตั้งหลัก

แต่หลินเป่ยเฉินยังคงโจมตีด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่หกต่อไป

ระยะประชิด

วูบ! วูบ! วูบ!

กระบี่หน้าตาแปลกประหลาดส่องแสงสีเงินแวววาว

ทันใดนั้น รูโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนร่างกายของพานตั่วชิง

โลหิตสีทองคำหยดลงสู่พื้นหิน

แม้แต่ชุดเกราะมหาธาตุก็ยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากกระบี่นอกสายตาเล่มนี้ได้อีกแล้ว

ฟู่!

รูโลหิตปรากฏขึ้นบนข้อมือของพานตั่วชิง

หอกแสงสนธยาร่วงหล่นลงจากมือที่ได้รับบาดเจ็บ

“ข้าบอกแล้วไงว่าหอกของเจ้าควรเป็นของข้า”

หลินเป่ยเฉินก้มหยิบหอกทองคำขึ้นไปถือ ส่วนอีกมือก็ใช้กระบี่ทิ่มแทงต่อเนื่อง

พานตั่วชิงได้แต่เซถอยหลัง พลังในร่างกายปั่นป่วนควบคุมไม่ได้

“จบสิ้นกันแต่เพียงเท่านี้ล่ะนะ”

หลินเป่ยเฉินใช้ออกมาด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่งและกระบี่ที่สองพร้อม ๆ กัน

ปลายกระบี่นอกสายตาในมือเขาพลันพุ่งตัดอากาศทะยานไปสู่หน้าผากของพานตั่วชิง