บทที่ 1378 ตื่นตระหนกตกตะลึง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,378 ตื่นตระหนกตกตะลึง

จังหวะที่ปลายกระบี่นอกสายตาจะทิ่มแทงเข้าสู่กลางหน้าผากของพานตั่วชิง หลินเป่ยเฉินพลันหยุดชะงัก กระบี่ในมือไม่สามารถทิ่มแทงออกไปข้างหน้าได้อีก

สัญชาตญาณบอกเขาว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย

และเมื่อหลินเป่ยเฉินก้มหน้าลงอย่างช้า ๆ

เขาก็พบกับหอกทมิฬเล่มหนึ่งแทงทะลุหน้าอกของตนเองออกมา

ติ๋ง! ติ๋ง!

ปลายหอกเปียกชุ่มไปด้วยเลือด

หอกทมิฬเล่มนี้แทงทะลุหน้าอกหลินเป่ยเฉิน

มันเป็นหอกที่มีความยาวมากผิดปกติ

นี่คืออาวุธคู่กายของคนถ่อแพจากแม่น้ำใต้ดิน

“ฮั่วเซี่ย!”

หลินเป่ยเฉินร้องคำรามออกมา

คนผู้นี้สมควรตายไปแล้วด้วยน้ำมือของพานตั่วชิงในรอบรองชนะเลิศ เหตุไฉนจึงสามารถกลับมาปรากฏตัวได้อีก?

เหตุไฉนจึงยังรอดชีวิตอยู่อีก?

เหตุไฉนถึงมาปรากฏตัวในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศได้อีก?

คำถามมากมายปรากฏขึ้นในใจของหลินเป่ยเฉินเช่นเดียวกับความโกรธแค้นที่ทำให้เขาต้องระเบิดเสียงคำรามออกมา

นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่ฮั่วเซี่ยแสดงสีหน้าดุดันอำมหิต

หอกทมิฬในมือเขาสั่นไหว มวลพลังทำลายล้างระเบิดออกมา ฮั่วเซี่ยกำลังพยายามที่จะระเบิดร่างของหลินเป่ยเฉินให้แหลกเป็นจุณ

แต่หลินเป่ยเฉินก็มีปฏิกิริยาตอบรับรวดเร็วเช่นกัน

ร่างกายของเขาแข็งแกร่งอยู่ในขั้นกระบี่กระดูกเพชร ความเร็วในการตอบสนองจึงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย ร่างกายของเขาก็พุ่งเป็นลำแสงที่ตาเปล่าไม่สามารถมองเห็น… หลินเป่ยเฉินสามารถดึงตนเองออกมาจากหอกทมิฬได้สำเร็จ…

โลหิตสาดกระจายในอากาศ

หลินเป่ยเฉินเหวี่ยงกระบี่ในมือตนเองแทงสวนกลับไป

เคร้ง!

สะเก็ดไฟสาดกระจาย

หอกทมิฬในมือคนถ่อแพฮั่วเซี่ยสั่นไหวอย่างรุนแรง รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างเด่นชัด

ตัวคนก็ต้องล่าถอยกลับไปตั้งหลักเช่นกัน

“กระบี่ที่ประเสริฐ”

ใบหน้าเคร่งขรึมของฮั่วเซี่ยแสดงออกถึงความประหลาดใจ “แม้แต่หอกของข้าก็ยังเกิดรอยแตกร้าว… เจ้าใช้กระบี่ชนิดใดกันแน่?”

“นี่คือกระบี่ที่ใช้พิชิตนางพญางูขาวหมื่นปีไงล่ะ”

หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวลงไปยืนอยู่บนก้อนหินที่จับตัวเป็นน้ำแข็ง

เขารีบนำกระป๋องสเปรย์บรรเทาอาการเจ็บปวดมาฉีดพ่นลงบนบาดแผลของตนเอง ก่อนยิ้มเยาะและพูดต่อ “สุดท้ายความตายของเจ้าด้วยน้ำมือของพานตั่วชิงในวันนั้น ก็เป็นเพียงการแสดงละครตบตาผู้คนสินะ…”

หลินเป่ยเฉินกำลังเจ็บปวดจนวิญญาณแทบแตกสลาย

บาดแผลของเขากลายเป็นสีดำเหมือนถูกพิษร้ายแรง แม้จะโคจรพลังอัคคีเทวะช่วยกำจัดพิษ แต่หลินเป่ยเฉินก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น

สถานการณ์ไม่เป็นใจให้กับเขาเลย

ดังนั้น หลินเป่ยเฉินต้องพยายามหาทางถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุด

การแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่คือกิจกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ การที่ฮั่วเซี่ยทำลายกฎเกณฑ์มาปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเช่นนี้ หลินเป่ยเฉินไม่เชื่อเด็ดขาดว่าสภาเทพเจ้าหรือบรรดาใต้เท้าใหญ่จะนิ่งเฉยดูดายไม่ลงมือทำอะไรเลย

“รู้ตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว”

เสียงที่บ่งบอกถึงความเวทนาดังมาจากด้านหลัง

บุรุษหนุ่มผู้เป็นตัวแทนเผ่าเทพตะวันมีร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยโลหิตสีทองคำ สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความโล่งใจขณะจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาอาฆาตแค้น “ต้องขอชื่นชมที่เจ้าใช้กระบี่ปลอมหลอกล่อข้าจนติดกับดักในที่สุด แต่น่าเสียดายที่…”

“เฮอะ”

หลินเป่ยเฉินส่งเสียงขัดจังหวะ “ข้าเป็นถึงผู้พิชิตพญามังกร เป็นยอดนักรบแห่งวิหารเซนต์เซย่า สามารถสังหารราชาหมาป่าแห่งแดนเหนือ แล้วเจ้ามีดีอะไรมาวิพากษ์วิจารณ์ข้าฮะ?”

พานตั่วชิงถึงกับหยุดชะงักไปทันที

ฮั่วเซี่ยมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไป

ตัวตนที่แท้จริงของเจี๋ยนเซียวเหยาเป็นใครกันแน่?

ในดินแดนทวยเทพ เป็นไปไม่ได้ที่คนคนหนึ่งจะแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ยกตัวอย่างเช่นฮั่วเซี่ย หลายคนทราบดีว่าบุรุษหนุ่มทำงานถ่อแพอยู่ในแม่น้ำใต้ดินมาหลายปี เพราะฉะนั้น ร่างกายจึงคุ้นเคยกับการใช้ถ่อจ้วงแทงออกกำลังอย่างหนักหน่วง

แต่ในกรณีของเจี๋ยนเซียวเหยาเล่า?

ฮั่วเซี่ยได้แต่นึกโทษโชคชะตาที่บิดามารดาและบรรพบุรุษของตน ทำได้เพียงเป็นทาสรับใช้อยู่ในแม่น้ำใต้ดิน ไม่เคยถ่ายทอดพลังพิเศษใด ๆ มาให้แก่ลูกหลาน

แม้บรรดารายชื่อที่เจี๋ยนเซียวเหยาร่ายออกมานั้น เหล่าผู้คนในดินแดนทวยเทพจะไม่รู้จักเลยก็ตาม แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าบุคคลเหล่านั้นต้องเป็นคนสำคัญมากแน่ ๆ

พานตั่วชิงพ่นลมผ่านทางจมูกอย่างเย็นชา ก่อนจะยกมือขึ้น ดึงเม็ดยาบนหน้าผากลงมากลืนกิน

นี่คือโอสถหลอมรุ่งอรุณ

โอสถหลอมรุ่งอรุณเป็นสุดยอดตัวยาของเผ่าเทพตะวัน เมื่อกลืนกินเข้าไปแล้ว นอกจากจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บฟื้นคนตายให้กลายเป็นคนเป็น ยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานชุดเกราะตะวันส่อง หอกแสงสนธยา และโล่สุริยะได้อีกด้วย

นี่คือยาวิเศษ

คลื่นพลังร้อนอุ่นแผ่ซ่านไปตามแขนขา

“ย้ากกกก…”

พานตั่วชิงระเบิดเสียงคำรามใส่ท้องฟ้า ทันใดนั้น บาดแผลที่เกิดขึ้นบนร่างกายจากคมกระบี่นอกสายตาก็สมานตัวอย่างรวดเร็วภายใต้ลำแสงสีทองคำ

หลินเป่ยเฉินอยากใช้โอกาสนี้เข้าไปแทงพานตั่วชิงอีกสักหลายกระบี่ แต่ด้วยความที่ต้องระวังหลังการโจมตีจากฮั่วเซี่ย เด็กหนุ่มจึงไม่กล้าลงมือโดยพละการ

หลังจากนั้น

นอกจากร่างกายของพานตั่วชิงจะกลับมาสมบูรณ์ดังเดิมแล้ว มวลพลังในร่างกายเขายังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า

“จบสิ้นกันสักที”

เขามองมาที่หลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “ชีวิตของเจ้าคงจบลงแต่เพียงเท่านี้”

นี่คือการต่อสู้แบบสองรุมหนึ่ง

หลินเป่ยเฉินตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเต็มประตู

ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งการแข่งขันครั้งนี้ได้อีกแล้ว

ฮั่วเซี่ยโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกาย ทันใดนั้น บนลำตัวก็สวมใส่ด้วยชุดเกราะและหมวกเหล็กสีดำทมิฬ หอกในมือของเขายิ่งระเบิดลำแสงสีดำน่าเกรงขาม มวลพลังกดดันในอากาศเพิ่มมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า

หอกทมิฬถูกยกขึ้นชี้หน้าหลินเป่ยเฉิน

หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

“คิดไม่ถึงเลยว่าข้าผู้เคยต่อสู้กับบรรดาแม่ทัพใหญ่มานับไม่ถ้วน สุดท้ายกลับต้องมาถูกรังแกโดยสุนัขข้างถนนสองตัว…”

หลินเป่ยเฉินพูดเสียงเศร้าและเปลี่ยนเป็นคำรามด้วยความเดือดดาล “ถึงข้ามีเพียงตัวคนเดียว ข้าก็ไม่กลัวพวกเจ้าหรอก ขอเพียงต่อสู้กันอย่างยุติธรรมได้หรือไม่?”

“เกิดอะไรขึ้น?”

ณ คฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝู ฉู่เหินผุดลุกขึ้นยืนด้วยความร้อนใจ

ขณะนี้ ภาพการถ่ายทอดสดขาดหายไป

ไม่มีผู้ใดทราบอีกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับการต่อสู้บนสะพานหินโบราณ

ฉู่เหินไม่ทราบว่าตนเองเห็นภาพหลอนหรือไม่ แต่จังหวะที่ภาพถ่ายทอดสดกำลังจะดับวูบลงไป หลินเป่ยเฉินกำลังจะใช้กระบี่สังหารพานตั่วชิง ฉู่เหินรู้สึกเหมือนตนเองเห็นเงาดำปริศนาปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหลินเป่ยเฉินและใช้อาวุธที่มีขนาดยาวแทงใส่หัวใจของหลินเป่ยเฉิน

เขาตาฝาด?

หรือมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง?

“สัญญาณทุกจอภาพขาดหายไปหมดเลยขอรับ”

“ผู้คนทั่วทั้งเมืองไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้อีกแล้ว”

กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์รีบติดต่อขอข้อมูลจากโลกภายนอก และพวกเขาก็ได้รับคำตอบว่าทุกม่านพลังต่างก็ถูกตัดสัญญาณถ่ายทอดสด ไม่มีผู้ใดสามารถรับชมการต่อสู้บนสะพานหินโบราณได้อีก

“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?”

ใบหน้ารูปไข่ของชิงเล่ยแสดงออกถึงความวิตกกังวลสุดขีด “ข้าควรทำอย่างไรดี?”

ทุกสายตาหันมาจ้องมองที่เฉียนหลง

บุรุษหนุ่มหลับตาลง ขมวดคิ้วมุ่น พยายามจะใช้ลางสังหรณ์ของตนเองให้เป็นประโยชน์

ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ

เม็ดเหงื่อก็ผุดซึมออกมาจากข้างขมับของเขา

“ฟู่…”

แล้วเฉียนหลงก็กระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่ ใบหน้าซีดเซียว ตัวคนสั่นเทาขณะกล่าวว่า “นายท่าน… ตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง ข้ารู้สึกได้ถึงความมืดมิดและความตายที่กำลังกลืนกินนายท่าน…”

ทุกคนต่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนกตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ชิงเล่ยร่างกายอ่อนยวบ แทบจะเป็นลมล้มลงกับพื้นดิน