บทที่ 1379 กลลวงคนแค้น

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,379 กลลวงคนแค้น

“เกิดอะไรขึ้น?”

นักบวชสาวเซียงเหยียนผุดลุกขึ้นยืน ดวงตางดงามคู่นั้นทอแววตกตะลึง

สัญญาณการถ่ายทอดสดขาดหายไป

ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างรบกวนม่านพลังถ่ายทอดสด

แม้ความผิดพลาดทางการถ่ายทอดสดจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ตามทฤษฎีแล้วก็ยังพอมีทางเป็นไปได้

นางนั่งลงและเฝ้ารอคอยต่อไป

ในใจนึกทบทวนภาพสุดท้ายที่ตนเองเห็นก่อนหน้าจอจะดับวูบ

หากการถ่ายทอดสดมีปัญหาขัดข้องจริง ๆ เพียงไม่นานก็ต้องแก้ไขเสร็จเรียบร้อย

แต่นักบวชสาวรอถึงหนึ่งก้านธูป การถ่ายทอดสดก็ยังไม่กลับมา ดังนั้น สีหน้าของนักบวชสาวเซียงเหยียนจึงเพิ่มความเคร่งเครียดมากขึ้น

นางติดต่อกับบรรดามิตรสหายผ่านทางกำไลผลึกแก้วกิเลน

ข่าวที่ได้รับทราบมาทำให้นักบวชสาวตกตะลึง

“ไม่ได้การแล้ว ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ”

นักบวชสาวเซียงเหยียนเกิดสังหรณ์อัปมงคล

นางนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบลุกขึ้นและเตรียมตัวเดินออกจากวิหาร

แต่ท่านนักบวชเฒ่ายืนอยู่ด้านหน้าวิหารสาขาที่ 98 ผมสีเทาของหญิงชราปลิวไสวไปตามแรงลม นางยืนก้มหน้านิ่ง แม้มองไม่เห็นสีหน้า แต่พลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายนั้นแตกต่างไปจากวันธรรมดา

“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังจะออกไปทำอะไร”

หญิงชราพูด “ข้าไม่อนุญาต เจ้าไปไม่ได้”

นักบวชเซียงเหยียนกล่าวว่า “อาจารย์เจ้าคะ บรรดาใต้เท้าใหญ่เหล่านั้นทำเกินไปแล้ว พวกเขาถึงกลับยื่นมือเข้ามาแทรกแซงการแข่งขัน นี่คือการดูหมิ่นท่านมหาเทพอย่างซึ่งหน้า พวกเขาสมควรถูกลงโทษ”

หญิงชรายังคงยืนอยู่ที่เดิม

“ยังไม่ถึงเวลา”

นางซ่อนใบหน้าได้อย่างมิดชิด นักบวชสาวเซียงเหยียนจึงมองไม่เห็นสีหน้าของผู้เป็นอาจารย์ แต่พลังที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายนั้น ทำให้หญิงสาวอดขนลุกเกรียวไม่ได้

“แต่ว่าท่านอาจารย์เจ้าคะ…”

นักบวชสาวเซียงเหยียนพยายามขอร้องอ้อนวอน

“ยังไม่ถึงเวลา”

หญิงชรายังคงตอกย้ำคำเดิม

นักบวชสาวเซียงเหยียนยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน ในที่สุด ก็ต้องก้มศีรษะลงอย่างช้า ๆ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ฮันลั่วเซวี่ยหันกลับมามองหน้าเด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำ “การถ่ายทอดสดไม่ควรมีปัญหาเช่นนี้… มีคนยื่นมือเข้ามาแทรกแซงการแข่งขันใช่หรือไม่?”

เด็กสาวเท้าเปล่าแลบลิ้นเลียริมฝีปาก สีหน้าตื่นเต้น “ข้าเองก็ไม่ทราบ แต่ดูเหมือนจะมีเรื่องที่น่าสนใจเกิดขึ้นแล้วสิ… ประเสริฐนัก พวกเขาคงอดทนรอไม่ไหวแล้ว…”

ฮันลั่วเซวี่ยกล่าว “ข้าจะไปขอพบใต้เท้า”

ใต้เท้าที่นางกล่าวถึงย่อมหมายถึงใต้เท้าเหลียน

เด็กสาวเท้าเปล่าทำหน้ายิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ก่อนตอบว่า “เกรงว่าใต้เท้าคงยังไม่อยากพบเจ้าหรอก เอาอย่างนี้สิ เจ้ามากับข้าดีหรือไม่ พวกเราไปตรวจสอบกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับสัญญาณการถ่ายทอดสด… บางที เราอาจจะได้รู้ว่าขณะนี้สถานการณ์ที่สะพานหินโบราณแห่งนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”

ฮันลั่วเซวี่ยพลันมีดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ “งั้นพวกเราไปกันเถอะ”

“ขอโทษที พวกเราจะไปที่หุบเหวโหยหวนได้อย่างไร?”

เด็กสาวผิวเข้มผู้แบกหม้อใบใหญ่อยู่บนแผ่นหลังเที่ยวถามทุกคนที่นางพบเจอระหว่างทาง

แต่ทุกคนกลับมองนางและผู้ติดตามด้วยสายตาที่ใช้จ้องมองคนวิกลจริต บางคนตอบว่าไม่รู้ และบางคนถึงกับทำเป็นเมินเฉยเสียด้วยซ้ำ

ผู้คนที่ตอบว่าไม่รู้จะถูกปล่อยผ่านไป

แต่ผู้คนที่พูดจาดูถูกจะโดนทุบตีอยู่ข้างทาง

ไป๋เสี่ยวเซียวและบรรดาผู้อาวุโสทั้งสามของนางรีบออกเดินทางต่ออย่างรวดเร็ว

บัดนี้ เด็กสาวไม่ทราบเลยว่าบรรดาหน่วยลาดตระเวนจากสภาเทพเจ้าหายหน้าหายตาไปไหนกันหมด…

หุบเหวโหยหวน

เคร้ง!

หอกและกระบี่ปะทะกัน

สะเก็ดไฟสาดกระจาย

หลินเป่ยเฉินกับพานตั่วชิงผงะถอยหลังด้วยกันทั้งคู่

วูบ!

หอกทมิฬเคลื่อนไหวราวกับเป็นอสรพิษร้าย การโจมตีเก่ายังคงพัวพัน การโจมตีใหม่รุกล้ำเข้ามา

การต่อสู้พัวพันกับคนถ่อแพจากแม่น้ำใต้ดินฮั่วเซี่ยบังคับให้หลินเป่ยเฉินต้องแสดงพลังที่แท้จริงออกมา บัดนี้ เขาโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ลงไปในกระบี่นอกสายตา

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

สะเก็ดไฟสาดกระจายในอากาศอย่างหนาแน่น

ขณะนี้ ไม่ทราบเลยว่าพวกเขาต่อสู้กันไปได้กี่กระบวนท่าแล้ว

“ประเสริฐ นับว่ามีความแข็งแกร่งใช้ได้ สามารถต่อสู้กับโคแนนคนเถื่อนอย่างข้าได้นานขนาดนี้ สมควรได้รับคำชมเชยนัก”

หลินเป่ยเฉินร้องคำรามออกมาด้วยความขุ่นเคืองใจ

เขาสัมผัสได้ถึงแรงดีดสะท้อนที่ส่งผ่านด้ามจับกระบี่นอกสายตา ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงอดประหลาดใจในความแข็งแกร่งของฮั่วเซี่ยไม่ได้

โดยเฉพาะพลังทางกายภาพ ฮั่วเซี่ยมีความแข็งแกร่งไม่ต่ำต้อยไปกว่าพานตั่วชิง

แต่บัดนี้ ฮั่วเซี่ยกลับตกตะลึงยิ่งกว่าผู้ใด

เพราะหอกทมิฬที่เป็นอาวุธวิเศษในมือเขา เมื่อรวมเข้ากับพละกำลังมหาศาลจากร่างกาย นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้คู่ต่อสู้ให้แหลกเป็นผุยผง…

แต่เขาต่อสู้สุดกำลัง กลับยังไม่สามารถเอาชนะเจี๋ยนเซียวเหยาได้

แม้ฮั่วเซี่ยจะสวมใส่ชุดเกราะวิเศษและเจี๋ยนเซียวเหยามีสภาพตกอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัส… แต่ถึงกระนั้น หอกทมิฬในมือเขาก็แทบแตกหักไปแล้วด้วยกระบี่หน้าตาประหลาดในมือเจี๋ยนเซียวเหยา รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนด้ามหอก ยังไม่ต้องพูดถึงความเจ็บปวดรวดร้าวของกระดูกแขนที่เกือบแตกหักของฮั่วเซี่ย…

เจี๋ยนเซียวเหยาผู้นี้สมควรตาย!!

มิเช่นนั้น ชีวิตนี้ฮั่วเซี่ยไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุข

เมื่อคิดได้ดังนั้น ฮั่วเซี่ยก็ไม่กล้าลังเลรีรออีกแล้ว เขาโคจรพลังในร่างกายเต็มอัตราและบุกเข้าไปโจมตีใส่หลินเป่ยเฉินด้วยท่าไม้ตายประจำตัว!

“เกลียวคลื่นปลิดวิญญาณ!”

คลื่นพลังสีดำปกคลุมในอากาศ ได้ยินเสียงคลื่นน้ำโหมกระหน่ำชัดเจนเต็มสองรูหู สุดท้าย คลื่นพลังสีดำเหล่านั้นก็ไม่ต่างไปจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากในแม่น้ำใต้ดิน คลื่นพลังเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของฮั่วเซี่ยหมดสิ้น…

นี่คือพลังเวทมนตร์ชนิดหนึ่ง

หลินเป่ยเฉินเพิ่มพลังอัคคีเทวะที่ห่อหุ้มร่างกาย แม้จะเปลี่ยนแปลงกระบวนท่า แต่ในระยะเวลาสั้น ๆ ก็ยังไม่สามารถโค่นล้มฮั่วเซี่ยได้อยู่ดี

พานตั่วชิงย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสดีงามเช่นนี้หลุดมือไป

“กระบวนท่าหอกตะวันดับสูญ!”

เขาควงหอกและปลดปล่อยหนึ่งในท่าไม้ตายออกมา

หอกแสงสนธยาระเบิดลำแสงราวกับพระอาทิตย์เจิดจ้า โจมตีใส่หลินเป่ยเฉินด้วยความดุดันอำมหิต

วูบ!

หลินเป่ยเฉินพยายามหาทางหลบหนี

แต่หอกทมิฬหนึ่งดำหนึ่งทองคำจู่โจมใส่เขาไม่มีช่องว่าง

หลินเป่ยเฉินเริ่มตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“เป็นเช่นนี้ไม่ถูกต้อง”

“นี่ก็ผ่านมาได้สักพักแล้วตั้งแต่ที่ฮั่วเซี่ยปรากฏตัวออกมา ทำไมสภาเทพเจ้าถึงยังไม่ยุติการแข่งขันอีก… อย่างน้อยใต้เท้ากั้วก็น่าจะทำอะไรบ้างสิ”

“อย่าบอกนะว่า…”

“ใต้เท้ากั้วถูกสอยร่วงไปแล้ว?”

“หรือว่าเรากำลังตกอยู่ในค่ายอาคมพิเศษ คนนอกไม่สามารถมองเห็นถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้?”

หลินเป่ยเฉินทางหนึ่งพยายามตั้งรับ ทางหนึ่งก็พยายามหาหนทางสู่ชัยชนะ

“ตายซะเถอะ!”

ทันใดนั้น แสงพลังแห่งคมกระบี่พุ่งทะลวงเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินจากอีกทิศทางอย่างไม่มีสัญญาณเตือน

เคร้ง!

หลินเป่ยเฉินหันกลับไปยกกระบี่ขึ้นปัดป้อง

กระบี่ของฝ่ายตรงข้ามแตกกระจาย

ผู้ถือด้ามจับกระบี่ที่แตกหักคือใต้เท้าหมิงรั่วซึ่งกำลังล่าถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว

ใต้เท้าหมิงรั่วโคจรพลังเต็มอัตรา วงแหวนที่อยู่หลังศีรษะลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเทพเจ้าระดับสูงผู้นี้ก็มีเจตนาคิดสังหารหลินเป่ยเฉินเช่นกัน

“เจ้าก็มีหน้ามาปรากฏตัวเช่นกันหรือ?”

หลินเป่ยเฉินมีตำแหน่งเป็นถึงเทพเซียน ต่อให้วงแหวนเทพเจ้ายังไม่ถูกปลดผนึก แต่เขาก็สามารถรับการโจมตีจากใต้เท้าหมิงรั่วได้อย่างไม่มีปัญหา อีกทั้งยังสามารถคำรามออกมาได้อีกด้วยว่า “เจ้าเป็นถึงเทพเจ้าระดับสูง กลับยื่นมือเข้ามาแทรกแซงการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ… ไม่ทราบว่าคงอยากถูกแขวนคอในคุกอสูรแล้วกระมัง?”

“ฮ่า ๆๆ เจ้ายังหวังให้ใต้เท้ากั้วมาช่วยอยู่อีกหรือ?”

พานตั่วชิงระเบิดเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “เขาปกป้องตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ”

ใต้เท้าหมิงรั่วพลันหัวเราะออกมาเช่นกัน “เมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้ว ที่นี่ได้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ต่อให้เป็นใต้เท้ากั้วก็ไม่รู้หรอกว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฮ่า ๆๆ …และสิ่งสุดท้ายที่ทุกคนจะได้เห็น ก็คือศพของเจ้าที่ถูกหอกในมือเสี่ยวพานแทงทะลวง… นี่คือจุดจบที่แท้จริงของการแข่งขันประจำปีนี้”

คนถ่อแพฮั่วเซี่ยควงหอกในมือและกล่าวว่า “เลิกกล่าววาจาไร้สาระ แล้วรีบฆ่ามันให้ตายซะ จะได้แยกย้ายกันไปเสียที”

และทั้งสามคนก็บุกโจมตีพร้อมกัน

สถานการณ์ของหลินเป่ยเฉินย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ

เพียงพริบตาเดียว บนร่างกายของเขาก็ปรากฏบาดแผลถึงสี่จุด เป็นบาดแผลจากหอกของพานตั่วชิงสองจุด จากหอกของฮั่วเซี่ยหนึ่งจุดและจากกระบี่ของใต้เท้าหมิงรั่วอีกหนึ่งจุด

แต่เด็กหนุ่มยังคงยิ้มได้

“เจ้าว่าแม้แต่บรรดาใต้เท้าใหญ่ก็มองไม่เห็นเหตุการณ์นี้ใช่หรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินมองหน้าใต้เท้าหมิงรั่วและกล่าวต่อ “ข้าไม่เชื่อ”

ใต้เท้าหมิงรั่วระเบิดเสียงหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง “ข้าจะบอกความลับให้เจ้าได้รู้ ค่ายอาคมที่พวกเรากำลังอยู่นี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือของใต้เท้าฉาง ใต้เท้าเหยาและใต้เท้าซิน ต่อให้ใต้เท้ากั้วกับใต้เท้าเหลียนรู้ตัว พวกเขาก็ไม่สามารถสลายค่ายอาคมเข้ามาได้เด็ดขาด…”

“ประเสริฐ”

หลินเป่ยเฉินพูดและยกมือโบกสะบัด

ฝุ่นผงสีขาวพุ่งกระจายออกมาจากฝ่ามือของเขาปกคลุมทั่วสะพานหินโบราณ

“แค่ก ๆ”

“พวกเราระวัง… นี่อาจเป็นพิษที่ทำร้ายดวงตา”

“นี่คือผงพิษอย่างนั้นหรือ?”

เหล่าคู่ต่อสู้ทั้งสามของหลินเป่ยเฉินรู้สึกดวงตาแสบร้อน คล้ายกับว่าตนเองตกเข้าสู่ค่ายอาคมประหลาด ดวงตาไม่สามารถมองทะลุผ่านม่านฝุ่นผงสีขาวนี้ออกไปได้ และเมื่อสูดลมหายใจเข้าไป ลำคอก็จะรู้สึกแสบร้อนราวกับถูกเปลวไฟเผาผลาญ

พานตั่วชิง ฮั่วเซี่ยและใต้เท้าหมิงรั่วถอยหลังไปยืนตั้งหลัก

หลินเป่ยเฉินมีดวงตาเป็นประกาย

คิดไม่ถึงเลยว่า ‘ผงวิเศษ’ ที่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงมอบให้มาจะเป็นประโยชน์เช่นนี้

หลินเป่ยเฉินรีบปาผงแป้งสีขาวออกไปอีกหลายกำมือ ทำให้หมอกฝุ่นขาวบนสะพานหินโบราณเพิ่มความหนาแน่นมากยิ่งขึ้น

อีกฝ่ายไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้อีก

“อยากสู้กับข้านักใช่ไหม… ได้เลย พวกเรามาสู้กัน”

หลินเป่ยเฉินแผดเสียงคำราม ก่อนจะใช้วิชาการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเอง ซึ่งไม่เคยใช้งานออกมาเลยสักครั้งหลังจากขึ้นมาอยู่บนดินแดนทวยเทพ…

อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์

ในเมื่อบรรดาใต้เท้าใหญ่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและคู่ต่อสู้ของเขาทั้งสามคนก็ไม่อาจมองเห็นได้เช่นกัน…

ถ้าอย่างนั้นก็ได้เวลาใช้วิชานี้ออกมาแล้ว

และจังหวะที่ทุกคนยังไม่ทันตั้งตัว ใต้เท้าหมิงรั่วก็หายวับไปในอากาศ

หลินเป่ยเฉินเองก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน

พวกเขาไปปรากฏตัวอยู่ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของหลินเป่ยเฉิน

และสามสิบลมหายใจต่อมา การต่อสู้ก็ยุติลง

หลินเป่ยเฉินกลับมายืนอยู่บนสะพานหินโบราณอีกครั้ง ในมือของเขาหิ้วศีรษะของใต้เท้าหมิงรั่วกลับออกมาด้วย!!