ตอนที่ 1993 จีอู่หมิงมาถึง

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1993 จีอู่หมิงมาถึง

 

ทั้งสองคือจอมยุทธที่ชื่นชอบการต่อสู้ ตอนนี้ถึงแม้พวกเขาจะเป็นสหายกันแล้ว แต่ก็ไม่ใช่คนที่ชอบสุงสิงกับใคร หลังจากสะบัดให้หลิงฮัน เขาก็หันหลังไปนั่งบนโขดหินก้อนหนึ่งคนเดียว

 

หลิงฮันเดินกลับไปหาฮูหนิวคนอื่นๆ “สองเนตรทลายโลกาคืออะไรงั้นรึ?”

 

“มีตํานานกล่าวว่า ในยุคแห่งความโกลาหล จอมยุทธที่มีดวงตาสีเงินและทองได้ปรากฏตัวมือซ้ายของเขามีพลังในการควบคุมห้วงมิติ ในขณะที่มือขวามีความสามารถในการควบคุมห้วงเวลาการปรากฏตัวของคนผู้นี้ได้ทําให้ยุคสมัยแห่งความโกลาหลยุติลงอย่างสมบูรณ์” ซูหนิวกล่าว

 

ฮูหนิวตกตะลึง “มีคนที่สามารถควบคุมอํานาจแห่งห้วงเวลา และห้วงมิติได้โดยกําเนิดอยู่ด้วยงั้นรึ?”

 

“น่าจะเป็นเช่นนั้น” ฮูหนิวพยักหน้า ก่อนจะหยักไหล่ “หนิวเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน ความทรงจําส่วนนี้ค่อนข้างยุ่งเหยิง ซึ่งหนิวก็หงุดหงิดกับมันอยู่เหมือนกัน”

 

ธิดาโร่วมองไปยังฮูหนิวด้วยแววตาอิจฉา… ความทรงจําที่รับได้สืบทอด!

 

ด้วยตราประทับความทรงจําที่ได้รับสืบทอดมาจาก ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้หรือราชานิรันดร์ พลังบ่มเพาะของคนผู้นั้นจะยกระดับได้อย่างก้าวกระโดด โดยที่ไม่มีคอขวดใดๆ

 

ที่น่าทึ่งก็คือ ฮูหนิวสามารถใช้ประโยชน์จากความทรงจําของศาสตร์วรยุทธระดับสูงได้โดยที่ยังคงความนึกคิดของตนเองเอาไว้ได้อยู่ และนิสัยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

 

อย่างบางคนที่ได้รับความทรงจํา จากจอมยุทธที่ทรงพลังมาครอบครอง มีหลายครั้งที่จิตใจของพวกเขา ถูกประสบการณ์นับไม่ถ้วนจากความทรงจําทําให้สับสน จนนิสัยเกิดการเปลี่ยนแปลง

 

หลิงฮันหันกลับไปมองยี่ ในการปะทะกันก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายไม่ได้ใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติและห้วงเวลาออกมา

 

ซึ่งหมายความว่าอีกฝ่ายยังไม่ใช้พลังที่แท้จริง

 

หลิงฮันยิ้มมุมปาก เขาเองก็ยังไม่ได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดออกไป และยังมีไฟลับมากมายที่เก็บเอาไว้

 

เขาหวังเป็นอย่างมาก ว่าจะได้ปะทะกับยี่อีกครั้งในเร็วๆนี้ เพื่อที่พวกเขาทั้งสองจะได้ เข้าน้ํานั่นกันด้วยพลังต่อสู้ทั้งหมด

 

ในขณะเดียวกันนั้นเอง หม่าถงกวางที่ดูอยู่ก็ดวงตาแข็งข้าง และขาทั้งสองข้างเกิดอาการสั่นระริก

 

เขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะหาโอกาสลอบสังหารหลิงฮัน หลังจากที่เข้าไปในมหาสมุทรวิญญาณหยางแต่หลังจากที่ได้เห็นการปะทะกันระหว่างหลิงฮันกับยี่ เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นทิ้งไปทันที

 

ใครจะสังหารใครกันแน่?

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่า หลิงฮันกับฮูหนิวและจักรพรรดินี อาจจะไม่แยกห่างออกจากกันก็ได้หรือต่อให้ทั้งสามแยกจากกัน เขาจะสามารถจัดการหลิงฮันได้งั้นรึ?

 

สู้ไปก็มีแต่จะเป็นการรนหาที่ตาย!

 

ร่างของเขาแข็งค้างและสีหน้ากลายเป็นโง่งม

 

ในศาสตร์วรยุทธ หลิงฮันมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมกว่าเขา ส่วนในศาสตร์ปรุงยา ทั้งๆ ที่ยังไม่บรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาว แต่อีกฝ่ายก็ถูกนักปรุงยามากมายเรียกว่าปรมาจารย์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีพรสวรรค์สูงส่งขนาดไหน

 

หม่าถงกวางรู้สึกตกต่ํา และจิตใจเอ่อล้นไปด้วยจิตสังหาร

 

หากหลิงฮันยังไม่ถูกจํากัด เขาก็ไม่มีทางกินได้นอนหลับ

 

ถ้าตอนนี้ยังจัดการไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไร เอาไว้หลังจากกลับไปถึงดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกเขาค่อยหาทางกําจัดหลิงฮันก็ได้ เพราะอย่างไรที่นั่นก็เป็นที่ของเขา

 

ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก ไม่ขาดแคลนตัวตนระดับตําหนักอมตะหรือระดับข้ามผ่า นต้นกําเนิดแท้ซึ่งเพียงแค่เขายื่นข้อเสนอที่ยั่วยวนมากมาย จอมยุทธที่ทรงพลังเหล่านั้น ก็ต้องยินดีลงมือจัดการหลิงฮันให้อย่างแน่นอน

 

เพราะงั้นตอนนี้ก็ทนเอาไว้ก่อน หลังจากมหาสมุทรวิญญาณหยางเปิดออก และทะลวงผ่านเป็นระดับแบ่งแยกวิญญาณเสร็จสิ้น เมื่อพวกเขามุ่งหน้าไปถึงดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกเมื่อไหร่หลิงฮันก็จะกลายเป็นลูกไก่ในกํามือของเขา

 

หลิงฮันชําเลืองมองจากระยะที่ห่างออกมา พร้อมกับแสยะยิ้มในใจ ดูเหมือนว่าเพื่อป้องกันปัญหายุ่งยากที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เขาต้องกําจัดหม่าถงกวางผู้นี้ให้สิ้นซากเสียแล้ว

 

หิม?

 

จู่ๆ เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา และรีบหันไปยังทิศทางหนึ่ง

 

จักรพรรดินีและฮูหนิวเองก็ลุกขึ้นพรวดเช่นกัน ส่วนทางด้านของยี่ ดวงตาของเขาลืมขึ้นและส่องประกายแสงสีเงินและทองออกมา

 

“ผู้อาวุโส!” ซูหย่ารีบกระโดดพุ่งทะยานไปยังทิศทางนั้น และคุกเข่าอย่างเคารพ

 

ชายสวมชุดคลุมสีขาวปรากฏตัว ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ราวกับไม่ใช่สิ่งที่จะได้บนโลกนี้

 

จอี้หมิง!

 

ดวงตาของหลิงฮันหลี่ลงเล็กน้อย พลังต่อสู้ของจีอูหมิงในตอนนี้จะแข็งแกร่งกว่าเดิมหรือไม่นั้นเขาไม่อาจคาดเดาได้เลย

 

จีอูหมิงยิ้มให้กับซูหย่าหรง ก่อนจะสะบัดมือ ซูหย่าหรงลุกขึ้นยืน และขยับไปยืนด้านหลังราวกับสาวรับใช้

 

จีอูหมิงกวาดสายตามองฝูงชน ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหลิงฮันพักหลิง และหันไปมองยี่ โดยเฉพาะเมื่อเห็นดวงตาสีเงินและทองที่ส่องประกายของยี่แล้ว มุมปากของเขาได้แสยะยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์

 

สายตาของเขาราวกับเป็นนักล่า ที่กําลังจ้องมองไปที่เหยื่อ

 

ในตัวหลิงฮันมีสมบัติที่เขาต้องการ ส่วนในร่างกายของนี่ ก็มีสายเลือดที่เขาต้องการ

 

รุ่นเยาว์สองคนนี้ เขาต้องกลืนกินให้ได้

 

“สายตาที่เจ้ามองข้า มันช่างทําให้ข้าหงุดหงิดจริงๆ!” ยี่กล่าวยั่วยุอี้หมิงออกไปตรงๆ

 

“แล้วจะทําไม?” จีอู่หมิงหัวเราะ

 

“ข้าก็จะบดขยี้เจ้าให้เละ!”

 

ยพุ่งทะยานร่างออกไปอย่างรวดเร็ว จนภาพติดตายังคงเหลือทิ้งไว้บนโขดหิน ในขณะที่ร่างจริงของเขาปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าจีอู่หมิง และปล่อยหมัดจู่โจมแล้ว

 

จีอู่หมิงตอบโต้ เขาสะบัดมือออกไปอย่างไม่แยแส

 

การโจมตีของเขาดูเชื่องช้าเป็นอย่างมาก แต่ก็ทะลวงเข้ามาปัดป้องการโจมตีของยีได้ทัน

 

“พลังแห่งห้วงเวลางั้นรึ?” ยกล่าวด้วยน้ําเสียงประหลาดใจ แต่ก็แสยะยิ้มออกมา “คิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่ใช้อํานาจแห่งห้วงเวลาได้รึไง?” ดวงตาข้างสีทองของเขาส่องประกายดวงดาราจํานวนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลออกมาและระเบิดเรียงกันอย่างรุนแรง

 

ทั่วร่างของเขาราวกับกลายเป็นเพียงเงาแห่งความว่างเปล่า ที่ถึงแม้จะยืนอยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่ถูกยึดติดอยู่ในห้วงเวลาใดห้วงเวลาหนึ่ง

 

“พรึบ พร็บ พรึบ” ร่างของยี่เพิ่มจํานวนขึ้นจนกลายเป็นสิบกว่าร่างในพริบตา และ กระหน่ําปล่อยหมัดใส่จีอู่หมิง

 

“สองเนตรทลายโลกาไม่ใช่ธรรมดาเลยจริงๆ แม้แต่อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ทรงพลังขนาดก็ยังสามารถนํามาใช้ได้” จีอูหมิงกล่าวด้วยน้ําเสียงสนใจ

 

“หนึ่งว่าทรงพลังแล้ว ยิ่งมีหลายสิบคนยิ่งน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นไปอีก!”

“ยิ่งกว่านั้นร่างแยกแต่ละร่างก็ล้วนแต่เป็นร่างจริงเพียงแต่เพราะไม่ถูกยึดติดอยู่ในห้วงเวลาใดร่างแยกเหล่านั้นจึงไม่อาจถูกสังหารได้”

 

“ความสามารถเช่นนี้แทบจะเป็นพลังที่ไร้พ่ายอย่างสมบูรณ์”

 

จีอู่หมิงพูดเหมือนกําลังกล่าวอธิบาย และถึงแม้เขาจะบอกว่าพลังของยี่แทบจะไร้พ่าย แต่สีหน้าของเขาก็ยังสงบนิ่ง และชี้นิ้วออกไปด้านหน้า

 

“ครืนนน” ทั่วทั้งสวรรค์และปฐพีเกิดการสั่นไหว ทุกสรรพสิ่งรอบด้านหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ เหลือทิ้งไว้หนึ่งนิ้วที่ทรงพลังจนสวรรค์และปฐพีแทบจะพังทลาย

 

อํานาจแห่งห้วงเวลาของยี่ทรงพลังมากก็จริง แต่หนึ่งนิ้วของจีอู่หมิงนั้นสามารถบดขยี้สวรรค์และปฐพีซึ่งเป็นต้นกําเนิดของอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลาได้

 

“ตูม” หลังจากนิ้วถูกซื้ออกไปด้านหน้า ร่างแยกหลายสิบร่างก็สั่นไหวและสลายหายไปเหลือไว้เพียงหนึ่งร่างที่เป็นร่างจริง