เมื่อถามทหารอารักขาที่คุ้มกันส่งเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ ก็ยิ่งแน่ใจแล้ว
จากคำให้การของทหารอารักขา ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ความบังเอิญแน่นอน พอเซี่ยโห้วเฉิงอวี่มาถึงฝั่งนี้ก็เหาะลงมาจากฟ้าโดยตรง เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้าหมายมาที่ตำหนักเย็น เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะรู้ได้อย่างไรว่าจะบังเอิญพบกับจ้านหรูอี้ในเวลานี้? สาเหตุก็เรียบง่ายมาก นั่นก็คือมีคนรู้จังหวะเวลาที่จ้านหรูอี้ออกมาข้างนอก รู้ว่าจ้านหรูอี้จะออกมาตอนพลบค่ำ
วิถีชีวิตแบบนี้ของจ้านหรูอี้ต่อเนื่องกันมาแล้วหลายปี ถ้าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่รู้ตั้งแต่แรกก็ต้องมาตั้งนานแล้ว ด้วยเหตุนี้ก็สามารถอธิบายได้ว่า เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เพิ่งรู้สถานการณ์นี้ได้ไม่นาน
พอฝั่งนี้เกิดความสงสัย ด้วยความสามารถของซ่างกวนชิงที่วังสวรรค์ พอซ่างกวนชิงตรวจสอบ ก็ค้นพบได้อย่างง่ายดายมาก ว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่กับสนมลี่มีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลที่อุทยานสายัณห์ อีกทั้งตอนที่เกิดเรื่องสนมลี่ก็อยู่ด้วย
พออู๋ฉวี่มาถึง ซือหม่าเวิ่นเทียนก็เล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้เขาฟัง
“ให้คนไปควบคุมสนมลี่ไว้เดี๋ยวนี้ ตรวจสอบให้เข้มงวด!” ประมุขชิงกล่าวเสียงต่ำ
“รับทราบ!” อู๋ฉวี่กุมหมัดเอ่ยรับ
ทางฝั่งวังสวรรค์ตอบสนองเร็วมาก กำลังพลกองทัพองครักษ์กลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในเขตตำหนักของสนมลี่ สาวใช้ที่อยู่ข้างในตกใจจนตัวสั่นระริด ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ทุกคนล้วนมองออกว่าผู้ที่มาไม่ได้มาดี
จนกระทั่งแม่ทัพนำคนบุกเข้าไปในโถงหลัก ผลก็คือพบว่าสนมลี่นอนเอนตัวอยู่บนเก้าอี้แล้ว ดวงตาเบิกโพลง ท่าทางเหมือนตายตาไม่หลับ ใบหน้าเป็นสีเขียวคล้ำ เลือดออกจากรูทวารทั้งเจ็ด สาวใช้ประจำตัวสองคนก็ล้มอยู่บนพื้นเช่นเดียวกัน มีอาการเหมือนกัน
แม่ทัพยื่นมือไปตรวจสอบ พบว่าบนตัวทั้งสามคนยังมีอุณหภูมิร่างกายอยู่ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งตายได้ไม่นาน
ข่าวถูกส่งไปที่ตำหนักเย็นอย่างรวดเร็ว ประมุขชิงที่อยู่ในตำหนักใหญ่พลันหันตัวมา กวาดสายตาเย็นเยียบมองหลายคนที่อยู่ตรงนั้น แล้วถามด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “โดนคนวางยาพิษเหรอ?”
อู๋ฉวี่พยักหน้า “จากสถานการณ์เบื้องต้นสันนิษฐานได้อย่างนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าทั้งสามตายด้วยน้ำมือคนที่คุ้นเคยและเชื่อใจ ไม่อย่างนั้นบ่าวรับใช้ข้างนอกคงไม่ถึงขั้นไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวอะไรเลยสักนิด” ตรงนี้เพิ่งจะพูดจบ เขาก็หยิบระฆังดาราขึ้นมาอีก หลังจากติดต่อกันสักพัก ก็กล่าวเสียงต่ำว่า “ในห้องด้านข้าง พบว่ามีนางในคนหนึ่งเพิ่งตายได้ไม่นาน วินิจฉัยจากขวดยาในมือ พบว่าเหมือนจะเป็นการกินยาฆ่าตัวตาย อาการเหมือนกับพวกสนมลี่ นางในคนนี้ก็คือคนที่สนมลี่ไว้ใจ”
“ดูท่าแล้ว คงมีคนตัดเบาะแสทั้งหมดไปแล้ว!” ประมุขชิงหัวเราะหึหึ “น่าสนุกจริงๆ ในวังหลังของข้ามักเกิดเรื่องแปลกประหลาด แต่ละคนล้วนไม่เห็นว่าชีวิตตัวเองสำคัญเลย เอะอะบทจะฆ่าตัวตายก็ฆ่าตัวตาย! ถ้าข้าจำไม่ผิด สนมลี่คนนี้เป็นคนของเถิงเฟยใช่มั้ย?”
ซ่างกวนชิงพยักหน้า “ไม่ผิดขอรับ ฝ่าบาทเคยไปค้างด้วยสองครั้ง”
ประมุขชิงกวาดสายตามองหน้าหลายคนที่อยู่ตรงนั้น “เป็นอุบายของเถิงเฟยหรือเปล่า? เขามีจุดประสงค์อะไร!”
หลายคนเงียบไป ไม่สะดวกจะพูดเรื่องนี้ ถ้ามองตามตรง ก็เป็นอุบายของเถิงเฟยจริงๆ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ว่ามีคนยัดข้อหาให้เถิงเฟย ที่วังหลังเกิดเรื่องแบบนี้ไม่แปลกอะไร ที่สำคัญก็คือไม่มีพยานบุคคลแล้วก็หาคำให้การไม่ได้ ยังมีอีกปัญหาก็คือ ตอนนี้เกรงว่าประมุขชิงจะไม่อยากทำให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตแล้ว ถ้านำเรื่องนี้มาสืบจริงๆ เรื่องที่จ้านหรูอี้ออกจากตำหนักเย็น เรื่องที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก่อก็ล้วนปิดบังไม่ได้ ที่สำคัญก็คือประมุขชิงไม่ยอมทิ้งจ้านหรูอี้ ไม่มีทางให้คนไปเอาเรื่องจ้านหรูอี้
อู๋ฉวี่กล่าวช้าๆ ว่า “ถ้าเป็นเถิงเฟยวางอุบาย เกรงว่าเถิงเฟยคงเตรียมตัวจะรวมทัพตะวันออกแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำเรื่องอย่างนี้”
ซือหม่าเวิ่นเทียนกล่าวอย่างไม่แน่ใจ “ถ้าเป็นอย่างนี้จริง การเริ่มลงมือจากราชินีสวรรค์และสนมสวรรค์หมายความว่าอะไร? อย่าบอกนะว่าเขาคิดจะเสี้ยมฝ่าบาทกับองค์ชายให้ขัดแย้งกัน คิดจะก่อเรื่องให้ฝ่าบาทไม่มีสมาธิมาสนใจ จะได้ลงมือสะดวก? แต่ทัพใหญ่แดนรัตติกาลถูกควบคุมอยู่ในมือฝ่าบาท องค์ชายไม่มีความสามารถที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม!”
หลายคนตรงนั้นเริ่มมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ว่าจะอย่างไร ถ้าเถิงเฟยตัดสินใจลงมือแล้ว ก็จะต้องมีความมั่นใจมากพอว่าจะได้รับการสนับสนุนจากอำนาจฝ่ายอื่น ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำอะไรบ่มบ่ามง่ายๆ ก็เพราะสงสัยอย่างนี้ ประมุขชิง ซ่างกวนชิงกับซือหม่าเวิ่นเทียนจึงสบตากันโดยจิตใต้สำนึก พอเป็นแบบนี้ก็สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมจู่ๆ หนิวโหย่วเต๋อถึงออกจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์กะทันหันแล้วไม่กลับไปเสียที ก็เพราะว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ หนิวโหย่วเต๋อต้องกลับมาคุมเอง!
ประมุขชิงแค้นจนคันฟัน ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ เขาก็โดนเถิงเฟยทำลายงานใหญ่แล้วจริงๆ
แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเถิงเฟย หนิวโหย่วเต๋อก็อาจไม่ออกจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ก็ได้ กำลังพลที่เตรียมไว้ก็อาจหาโอกาสส่งกำลังพลลอบสังหารเข้าไปได้ กับเรื่องบางเรื่อง โชคดีหรือวาสนาก็เป็นสิ่งที่พูดยากจริงๆ
สำหรับเรื่องนี้ อู๋ฉวี่ยังไม่รู้ความจริง ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิด
ในตำหนักเงียบไปนานมาก ก่อนที่ประมุขชิงจะแสยะยิ้ม “ไม่ว่าเถิงเฟยจะวางอุบายหรือไม่ แต่ควรกันไว้ดีกว่าแก้ คนที่ควรเครียดก็คือเฉิงไท่เจ๋อ แจ้งไปทางเฉิงไท่เจ๋อให้เตรียมป้องกันให้ดี ให้เขาคิดหาทางประนีประนอมกับอำนาจฝ่ายอื่น ที่ข้าให้เขาคุมทัพตะวันออกครึ่งหนึ่ง ก็เพราะต้องการให้เขาออกแรงคานอำนาจเมื่อถึงเวลาสำคัญ แล้วให้หน่วยองครักษ์ขวาระดมทัพใหญ่เพื่อเตรียมช่วยสนับสนุนเฉิงไท่เจ๋อ ถ้าเถิงเฟยอยากจะก่อเรื่องวุ่นวายจริงๆ ก็ให้เฉิงไท่เจ๋อลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบทันที! ให้หน่วยตรวจการซ้ายเริ่มเตรียมตัวปลุกระดมลูกน้องของเถิงเฟยเดี๋ยวนี้! ส่วนทางฝั่งแดนสุขาวดี ข้าจะแจ้งให้พี่ใหญ่พุทธะสร้างสถานการณ์อีกที ให้เตรียมพร้อมเดินทัพได้ทุกเมื่อ ข่มขู่พวกที่คิดไม่ซื่อพวกนั้นไว้!”
“ขอรับ!” พวกเขาเอ่ยรับคำสั่ง
ทว่าจากนั้นอู๋ฉวี่ก็เตือนอีกว่า “ฝ่าบาท ถ้าเถิงเฟยลงมือจากฝั่งราชินีสวรรค์กับสนมสวรรค์ ก็ต้องมีสาเหตุแน่นอน เถิงเฟยจะอยากอาศัยราชินีสวรรค์เพื่อขอการสนับสนุนจากตระกูลเซี่ยโห้วหรือเปล่า?”
“จัดการเดี๋ยว…” ประมุขชิงพูดได้ครึ่งคำก็ต้องหยุดอีก เดิมทีเขาอยากจะสั่งให้คนตัดการติดต่อระหว่างเซี่ยโห้วเฉิงอวี่กับภายนอก จะได้หลีกเลี่ยงไม่ให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยุยงตระกูลเซี่ยโห้ว แต่พอลองเปลี่ยนความคิด ถ้าเป็นเถิงเฟยวางอุบายจริงๆ การตัดขาดการติดต่อระหว่างเซี่ยโห้วเฉิงอวี่กับภายนอกก็ปิดบังตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้อยู่ดี เถิงเฟยจะต้องหาทางทำให้ตระกูลเซี่ยโห้วรู้แน่ ตระกูลเซี่ยโห้วจะต้องติดต่อเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เพื่อถามสถานการณ์ให้ชัดเจนแน่นอน สุดท้ายก็ไม่ต่างกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องทำสิ่งที่เกินความจําเป็น
หลังจากเงียบไปครู่เดียวก็บอกว่า “ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้โง่ เพราะถ้าทำให้ใต้หล้าวุ่นวายเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ก็ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของพวกเขาเหมือนกัน เฉิงอวี่ไม่ได้มีอิทธิพลต่อตระกูลเซี่ยโห้วมากขนาดนั้น ซ่างกวน เดี๋ยวเจ้าไปคุยกับเฉาหม่านด้วยตัวเอง บอกเขาว่าเฉิงอวี่ไปพาลหาเรื่องที่พระตำหนักอุทยาน ข้าแค่ลงโทษนางนิดหน่อย ใช้เวลาไม่นานก็จะคืนอิสระให้เฉิงอวี่ ไม่ได้มีเจตนาจะขัดแย้งกับตระกูลเซี่ยโห้ว ต้องเตือนเฉาหม่านด้วยว่า เขาไม่ใช่เซี่ยโห้วท่า ถ้าทำให้ใต้หล้าวุ่นวายใหญ่โต เขาแน่ใจหรือว่าจะยุติเรื่องราวได้? แบบนี้ก็น่าจะไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของเขาเหมือนกัน เขาเองก็จะต้องมาบริหารตระกูลเซี่ยโห้วในเวลาที่เหมาะสม บอกเส้นตายของข้าให้เขาดูให้ชัดเจน ถ้าไม่อนุญาตให้ทัพตะวันออกที่แยกกันแล้วกลับมารวมกันได้อีก ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วกล้าทำซี้ซั้ว บีบให้ข้าไม่มีทางเลือก ตระกูลเซี่ยโห้วก็อย่าได้คิดว่าจะได้อยู่อย่างมีความสุขเลย!”
แม้ชื่อของเฉาหม่านจะเปลี่ยนกลับมาเป็นเซี่ยโห้วหม่านแล้ว แต่ด้วยความเคยชินส่วนตัวก็ยังเรียกว่าเฉาหม่านเหมือนเดิม
“รับทราบ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ
อู๋ฉวี่กลับฟังแล้วหัวใจเต้นตึกตัก มีคนลงมือกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ แบบนี้เท่ากับล้ำเส้นตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว ในเวลานี้เป็นฝ่ายไปเจรจากับตระกูลเซี่ยโห้วก่อน มีหรือที่ตระกูลเซี่ยโห้วจะไม่ฉวยโอกาสเสนอเงื่อนไข แม่ทัพที่ยอมเสี่ยงชีวิตปกป้องจ้านหรูอี้เกิดปัญหาแล้ว เกรงว่าจะต้องเป็นหมากที่ถูกทิ้งแล้ว!
ใช้ความคิดเร็วมาก เตรียมตัวแล้วว่ากลับไปจะต้องแอบส่งแม่ทัพคนนั้นออกไปทันที ประมุขชิงมีการพิจารณาสถานการณ์ภาพรวมของประมุขชิง เขาเองก็ต้องพิจารณาถึงปัญหาขวัญกำลังใจทหารเช่นกัน ต้องปกป้องแม่ทัพคนนั้นให้ได้ เรื่องบางเรื่องถ้าขายผ้าเอาหน้ารอดสักหน่อยก็ผ่านไปแล้ว!
หลังจากความคิดนี้เป็นรูปธรรมแล้ว อู๋ฉวี่ก็เตือนอีกว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร องค์ชายก็เป็นหลานนอกของตระกูลเซี่ยโห้ว มีคนคิดไม่ซื่อวางแผนนี้ ฝ่าบาทก็ต้องระวังเอาไว้!”
คำพูดนี้ไม่ได้ชัดเจน แต่ทุกคนล้วนเข้าใจ ตระกูลเซี่ยโห้วผลักดันประมุขชิงให้ขึ้นสู่ตำแหน่ง หรือผลักดันให้ชิงหยวนจุนขึ้นสู่ตำแหน่งก็เหมือนกัน แม้จะมีความเป็นไปได้ไม่มาก แต่อำนาจของชิงหยวนจุนก็อ่อนแอเกินไป ถ้าอาศัยให้ตระกูลเซี่ยโห้วผลักดันอย่างเดียว ราคาที่ต้องจ่ายก็สูงเกินไป สำหรับตอนนี้ ตระกูลเซี่ยโห้วไม่น่าจะมีความคิดที่จะให้ชิงหยวนจุนมาแทนที่ แต่กลัวก็แต่ว่าหลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้ว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะมีผลกระทบต่อชิงหยวนจุนมากขนาดไหนกันแน่ ไม่ว่าใครก็รู้ ว่าความผูกพันระหว่างประมุขชิงกับลูกชายสู้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่ได้ มารดาของตัวเองได้รับความอัปยศ! มีหรือที่ในใจจะไม่เครียดแค้น!
พวกซ่างกวนชิงรู้อยู่แก่ใจ ว่ากันตามจริงแล้ว ต้นเรื่องก็มาจากตัวจ้านหรูอี้ ขอเพียงฝ่าบาทเด็ดขาดสักหน่อย สังหารจ้านหรูอี้ทิ้งเสีย ความโกรธของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็จะหายไปแน่นอน กลับจะดีใจมากด้วยซ้ำ คงไม่วุ่นวายอย่างนั้น แต่ฝ่าบาทจะทำอย่างนั้นได้เหรอ?
ความสับสนในใจประมุขชิงคือสิ่งที่คนนอกไม่มีทางรู้ได้ เห็นเพียงเขาเม้มริมฝีปากแน่นอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็กล่าวช้าๆว่า “ถ้าเถิงเฟยจุดชนวนเรื่องนี้จริงๆ แสดงว่าทัพใต้คงส่งทัพมาสนับสนุน ถ้าทัพใต้มีการเคลื่อนไหว ก็ให้ทัพใหญ่แดนรัตติกาลเคลื่อนกำลังพลออกจากแดนรัตติกาลไปควบคุมหนิวโหย่วเต๋อทันที…ให้ทางหวังติ้งเฉาจับตาดูไว้ ถ้าหยวนจุนมีความคิดอะไรอย่างอื่น ก็ให้ถอดอำนาจทางทหารทันที ควบคุมเขาเอาไว้ก่อน แล้วค่อยหาสถานที่ที่เหมาะสมให้เขาไปฝึกประสบการณ์อีกที ถึงตอนนั้นตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลก็ให้หวังติ้งเฉาคอยฟังคำสั่งจากเบื้องบน!”
ทุกคนแอบถอนใจ สุดท้ายฝ่าบาทก็ยังต้องการปกป้องจ้านหรูอี้ ยอมให้ครอบครัวไม่ปรองดอง ยอมควบคุมลูกชายตัวเอง แต่ไม่ยอมสละชีวิตจ้านหรูอี้ ไม่รู้จริงๆ ว่าจ้านหรูอี้มีดีตรงไหน ทำให้คนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี…
ในตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่พี่กำลังคับแค้นเดือดดาลติดต่อเฉาหม่านทันที เล่าสถานการณ์ให้ฟัง พร้อมถามด้วยว่าตระกูลเซี่ยโห้วรู้เรื่องนี้หรือเปล่า
ที่จริงเฉาหม่านก็รู้ทันทีที่เกิดเรื่องขึ้น ตอนหลังเอ๋อเหมยก็รายงานเขาเช่นกัน แต่เฉาหม่านแกล้งโง่ บอกว่าไม่รู้เรื่องนี้
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่สนว่าเขาจะรู้หรือไม่ บอกเพียงว่าให้เฉาหม่านออกหน้าให้นาง
เฉาหม่าน : เจ้าวางใจได้ คนที่กล้าลงมือกับเจ้า ตระกูลเราไม่ปล่อยไปแน่นอน ต้องให้คำชี้แจงกับเจ้าได้แน่!
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : แล้วจะทำยังไงกับนางแพศยานั่น? ท่านอาสาม นางนั่นมันแอบออกจากตำหนักเย็นตำหนักเย็น ทำผิดกฎ ต้องปลุกระดมให้ขุนนางบีบฝ่าบาทให้ลงโทษประหาร!
เฉาหม่าน : เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ ข้ามีแผนของตัวเองแล้ว!
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : ท่านอาสาม นางแพศยานั่นวางแผนจะมีทายาทให้ฝ่าบาท จะทำให้ตำแหน่งรัชทายาทของหยวนจุนสั่นคลอน ปล่อยไปไม่ได้นะ!
เฉาหม่าน : ไม่ต้องให้เจ้าเตือนหรอก ข้าบอกแล้ว ว่าข้ามีแผนของตัวเอง!
เขาเองก็เดือดดาลในใจเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเซี่ยโห้วท่าคิดอย่างไรกันแน่ คิดจะเล่นลูกไม้อะไรกันแน่ คำตอบที่ให้จึงค่อนข้างฉุนเฉียว
หลังจากติดต่อกันเสร็จแล้ว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ไหล่สั่นน้ำตาไหล ก้มหน้าผากบนเสาข้างๆ ส่ายหน้าที่เปี่ยมนองไปด้วยน้ำตา ข่าวที่แม้แต่สนมลี่ก็ยังรู้ นางไม่เชื่อว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะไม่รู้ เห็นได้ชัดว่ากำลังหลอกลวงนาง! สิ่งที่ทำให้นางยิ่งปวดใจก็คือ นางแพศยานั่นทำผิดกฎสวรรค์แต่กลับไม่เป็นอะไร ส่วนราชินีสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยอย่างนางถูกทหารรับใช้ล่วงเกิน แต่กลับถูกกักบริเวณแล้ว สำหรับนาง ประมุขชิงโหดร้ายเกินไปแล้ว ปล่อยน้ำใจเกินไปแล้ว!
“กักบริเวณ…กักบริเวณ…ฮ่าๆ…” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กอดเสาด้วยน้ำตานองหน้า ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ ประมุขชิงปฏิบัติต่อนางขนาดนี้ ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของลูกชายเลยสักนิด ถ้ามารดาอย่างตนไร้ฐานะในวัง ก็จะส่งผลกระทบต่ออนาคตลูกชายตัวเอง นางรู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ในฐานะมารดา รู้สึกผิดต่อลูกชายตัวเอง
พวกนางในถูกไล่ไปไกลแล้ว ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่กำลังปวดใจสิ้นหวังหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อชิงหยวนจุน พูดอย่างคับแค้นใจว่า : หยวนจุน แม่ไร้ประโยชน์ แม่ทำผิดต่อเจ้า เจ้าจำไว้นะ พึ่งพาใครก็ไม่สู้พึ่งพาตัวเอง เจ้าต้องมุมานะต่อสู้เพื่อช่วงชิงชัยชนะ!
ชิงหยวนจุนตกใจ รีบถามว่า : เสด็จแม่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังทันที แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่นางคิดและรู้สึกด้วย
พอได้ยินว่าจ้านหรูอี้อาจจะมีลูกชายให้ประมุขชิงแล้วมาแทนที่ตน ก็สะกิดปมที่อ่อนไหวของชิงหยวนจุนแล้ว แล้วก็ได้ยินว่ามารดาถูกหยามเกียรติอีก ถูกทหารลงมือรังแก ไม่น่าเชื่อว่าประมุขชิงยังจะส่งมารดาตัวเองไปกักบริเวณด้วย
ชั่วพริบตานี้ ชิงหยวนจุนก็โกรธจนน้ำตาไหล หย่อนขาลงจากเตียงในห้องสมาธิ ใช้ฝ่ามือตบเตียงหินจนพังแหลก ท่ามกลางฝุ่นที่ตลบอบอวล เขาโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวเสียงสั่นว่า “ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะรังแกมารดาของข้าเพื่อนางแพศยาคนเดียว…จ้านหรูอี้ ต้องมีสักวันที่ข้าได้สับร่างเจ้าเป็นหมื่นดาบพันดาบ ล้างความอัปยศนี้ให้ได้!”
………………