บทที่ 2147 โยนสายเบ็ดยาวตกปลาใหญ่!

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

แค่คิดก็รู้แล้วว่าคำพูดที่มาจากปากเซี่ยโห้วเฉิงอวี่แฝงความอัปยศอดสูขนาดไหน ทำให้ชิงหยวนจุนรู้สึกสะเทือนใจโดยตรง ถึงขั้นรู้สึกมากกว่าอีกเท่าตัว มารดาได้รับความอัปยศใหญ่หลวงขณะนี้ ตัวเองในฐานะที่เป็นลูกชายกลับไร้ความสามารถจะช่วยเหลือ ความรู้สึกอัปยศและคับแค้นในใจแผ่ซ่านออกมาจากทุกรูขุมขน

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : หยวนจุน จำไว้นะ สิ่งที่ควรพยายามช่วงชิงก็ต้องช่วงชิงมา ถ้าเพ้อฝันมากไม่ได้ ก็ปกป้องชีวิตตัวเองไว้ก่อน สำหรับฝ่าบาท แม่ไม่มีความหวังใดๆ แล้ว!

สิ่งที่นางพูดย่อมหมายถึงตำแหน่งราชันสวรรค์

ชิงหยวนจุนเก็บกดความทุกข์ในใจจนรู้สึกทรมาน : เสด็จแม่ ท่านมาหาเขาเถอะ อย่ารับความทรมานอยู่ในวังอีกเลย!

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : ข้าไม่ไป! ถ้าข้าไปแล้ว นางแพศยานั่นจะไม่ได้ประโยชน์หรอกหรือ ตราบใดที่ข้ายังอยู่ นางก็ต้องอยู่ที่ตำหนักเย็น ถ้าข้าทรมาน นางก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะได้อยู่อย่างสบายดี!

ชิงหยวนจุน : เสด็จแม่ นางนับเป็นสิ่งใดกัน จะนำมาพูดเปรียบเทียบกับท่านได้ยังไง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับนาง ท่านมาที่นี่เถอะ ที่นี่ไม่มีใครกล้าไม่เกรงใจท่านหรอก!

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : หยวนจุน สถานะอย่างข้าจะไปอยู่ที่ไหนได้! ถ้าข้าไปหาเจ้าแล้ว ฝ่าบาทจะคิดยังไง? มีแต่จะทำร้ายเจ้านะ! ไปหาเจ้าแล้วจะยังไงต่อล่ะ ทางฝั่งเจ้าฝ่าบาทก็มีอำนาจตัดสินใจเหมือนกัน ไม่มีประโยชน์ แม่มีชะตาชีวิตขื่นขม หวังอะไรอีกไม่ได้แล้ว หวังแค่ให้เจ้าได้อยู่อย่างสบายดี เจ้าต้องรู้จักกล้าหาญหลังจากได้รับความอัปยศนะ!

คำพูดนี้กล่าวไว้ไม่ผิด การที่เขาอยู่ที่นี่ก็เป็นอำนาจการตัดสินใจของประมุขชิงเช่นกัน ในอกชิงหยวนจุนเต็มไปด้วยความรู้สึกและความสามารถ ความรู้สึกยามเห็นมารดาตัวเองได้รับความอัปยศแต่กลับไร้ความสามารถช่วยเหลือ ทำให้เขาน้ำตานองหน้า ในลำคอคำรามเสียงต่ำเรากับสัตว์ป่า…

บนหน้าผา เถิงจงเก็บระฆังดาราในมือ แล้วพูดกับเถิงเฟยที่กำลังยืนเอามือไขว้หลังว่า “ท่านอ๋อง ทำเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว ทางสนมลี่ก็เก็บกวาดสะอาดแล้ว ไม่ได้ทิ้งจุดอ่อนใดๆ ไว้”

เถิงเฟยถอนหายใจเบาๆ “เรื่องนี้ชัดเจนเกินไปแล้ว เกรงว่าถ้าไม่อยากให้ประมุขชิงสงสัยเขาก็คงยาก  หนิวโหย่วเต๋อนั้นปลิ้นปล้อน ประมุขชิงส่งคนไปลอบสังหารเขา เขาไม่พูดอะไร กลับผลักข้าออกไปข้างหน้าแทน…ก็ช่วยไม่ได้ ง้างลูกธนูบนสายแล้วจะไม่ยิงก็ไม่ได้ ไม่ว่าประมุขชิงจะสงสัยหรือไม่สงสัย และไม่สนด้วยว่าประมุขชิงจะโจมตีกลับยังไง สิ่งที่พวกเราควรทำก็ยังต้องทำ เจ้าจัดการเรื่องสนมลี่สักหน่อย สนมลี่ถูกทำร้ายพี่วังสวรรค์ ข้าต้องขอคำชี้แจงจากประมุขชิง!”

แบบนี้เรียกว่าโจรตะโกนร้องให้จับโจร ยัดข้อหากลับ เถิงจงพยักหน้า “เข้าใจขอรับ…เพียงแต่ฝั่งหนิวโหย่วเต๋อ จะกลืนคำพูดตัวเองหรือเปล่า?”

สำหรับจุดนี้ เถิงเฟยกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ก็อย่างที่เขาบอก ถ้าข้าเปิดเผยแผนการนี้ของเขา เขาก็รับผลที่ตามมาไม่ไหว!”

จวนอ๋องสวรรค์หนิว เหมียวอี้ที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีอารมณ์สุนทรีย์ ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่เพียงลำพัง ในมือถือสุรารสเลิศขณะชมการเต้นระบำ แต่ก็มองออกว่าเขาใจลอยเล็กน้อย สายตาและความสนใจไม่ได้อยู่บนเรือนร่างอันงดงามของนางระบำเลย ไม่รู้ว่าความคิดลอยไปไหนแล้ว

หยางเจาชิงเดินมาจากอีกด้านหนึ่ง โน้มตัวลงกระซิบข้างหูพักหนึ่ง เหมียวอี้วางจอกสุราลง ลุกขึ้นเดินไปพิงระเบียงแล้วทอดสายตามองไปไกลเงียบๆ นานมาก

หยางเจาชิงโบกมือให้นางระบำเหล่านั้น เสียงดนตรีเงียบลง กลุ่มนางระบำทยอยกันถอยหลังออกไปเงียบๆ

เหมียวอี้ใจลอยเล็กน้อย เถิงเฟยกับตระกูลเซี่ยโห้วส่งข่าวมาแล้ว เขารู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางฝั่งตำหนักเย็นอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน จ้านหรูอี้โดนตบตีอย่างไร ประมุขชิงเดือดดาลอย่างไร เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ถูกกักบริเวณ สนมลี่ถูกฆ่าปิดปาก ที่นี่ล้วนรู้ชัดเจน

ตั้งแต่เริ่มแผนการ เหมียวอี้ก็คิดว่าด้วยนิสัยอย่างเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะฆ่าจ้านหรูอี้ทิ้งโดยตรง จากนั้นก็ยั่วโมโหประมุขชิงอย่างถึงที่สุด จนเป็นไปได้ว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่อาจจะไม่รอดพ้นความตาย สุดท้ายแค่คิดก็รู้แล้วว่าฝั่งชิงหยวนจุนจะเป็นอย่างไร ส่วนคำสัญญาของเซี่ยโห้วท่า เขาไม่ได้บอกว่าจะต้องทำให้ได้แน่นอน เขาไม่มีทางทำให้งานใหญ่พังเพื่อปกป้องเซี่ยโห้วเฉิงอวี่

ใครจะคิดว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะโง่เง่าขนาดนี้ สนใจแต่จะระบายความแค้น ไม่รู้จักฉวยโอกาสตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่น่าเชื่อว่าจะปล่อยให้จ้านหรูอี้พ้นเคราะห์ไปได้ ส่วนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็พ้นเคราะห์ครั้งนี้ไปได้เช่นกัน ถึงแม้ผลลัพธ์จะไม่ผิดคาด แต่ขั้นตอนเหล่านี้กลับไม่ใช่สิ่งที่เขาหวังจะเห็น

เรื่องบางเรื่อง ถ้าคนตายแล้วปัญหาทุกอย่างก็จบ  ถ้าจ้านหรูอี้ตายแล้ว เขาก็ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับบางสิ่งในอนาคต สามารถหลบเลี่ยงได้ แต่ตอนนี้จ้านหรูอี้ยังมีชีวิตอยู่ เรื่องบางเรื่องปิดบังไม่ได้ ในอนาคตช้าเร็วจ้านหรูอี้ก็ต้องรู้ความจริง เขายังไม่รู้เลยว่าจะไปเผชิญหน้ากับจ้านหรูอี้อย่างไร

ในห้องนั้น ฉากที่จ้านหรูอี้ถอดเสื้อผ้าร้องไห้วิงวอนปรากฏชัดเจนในหัวเขาอีกครั้ง เป็นฉากที่ลบไม่ออก กอปรกับเรื่องในครั้งนี้ ทั้งชีวิตนี้เขายังไม่เคยรู้สึกติดค้างผู้หญิงที่ไหนแบบนี้มาก่อน ถ้าจ้านหรูอี้ไม่ตาย ในใจเขาก็ไม่มีวันสงบสุขตลอดไป!

พยายามควบคุมความคิดฟุ้งซ่านในหัวตัวเอง เหมียวอี้หยิบระฆังดาราออกมา ติดต่อไปหาเซี่ยโห้วเฉิงอวี่โดยตรง…

ตำหนักนารีสวรรค์ ซ่างกวนชิงมาคำนับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ด้วยตัวเอง ย่อมมาเพื่ออธิบายความเข้าใจผิด ประมุขชิงไม่กล้ามาเจอเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ ไม่อย่างนั้นถ้าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่กัดจ้านหรูอี้ไม่ปล่อย ก็มีแต่จะทำให้ประมุขชิงสุดทน และถ้าประมุขชิงไม่ยอม ก็ยิ่งยั่วโมโหเซี่ยโห้วเฉิงอวี่มากขึ้น

ซ่างกวนชิงรายงานเรื่องที่สนมลี่ถูกฆ่าปิดปาก เน้นย้ำว่าเรื่องนี้มีคนวางกับดัก มีคนจงใจล่อให้นางเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ติดกับดัก โน้มน้าวให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่อย่าตกหลุมพรางแผนชั่วของคนอื่น

คำพูดที่ดีและคำพูดประจบประแจง ต่อให้พูดไปหมดก็ไม่มีประโยชน์อะไร เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่ตาแดงก่ำถามเพียงว่า “นางแพศยามั่นออกจากตำหนักเย็นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? ข้าแค่ถามว่านางแพศยานั่นทำผิดกฎสวรรค์หรือเปล่า?”

ซ่างกวนชิงน้ำท่วมปาก ที่ประมุขชิงบอกว่าหุบเขานั่นคือตำหนักเย็นก็คือตำหนักเย็น หรือพูดได้ว่ากำหนดหุบเขาแห่งนั้นให้อยู่ในเขตตำหนักเย็นนานแล้ว แต่คำพูดนั้นพูดกับขุนนางและคนอื่นก็ยังพอไหว แต่นำมาเถียงกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะมีประโยชน์เหรอ? ถ้ากล้าพูดอย่างนี้ จะต้องทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่สู้สุดชีวิตแน่นอน เช่นนั้นก็ไม่ใช่การมาปลอบโยนโน้มน้าวแล้ แต่เป็นการมาราดน้ำมันใส่บนกองเพลิง!

ซ่างกวนชิงตอบอย่างคลุมเครือ “เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีคนวางแผน ฝ่าบาทยังคงสืบอยู่ บางทีในนั้นอาจจะมีแผนชั่วอะไรก็ได้ขอรับ!”

ปั้ง! เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตบโต๊ะยืนขึ้น ชี้จมูกเขาพลางตะคอกอย่างโมโห “ซ่างกวนชิง อย่ามาเล่นลูกไม้นี้กับข้า ฝ่าบาทมีความคิดยังไงเจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ ไม่ต้องมาตบตาข้าเหมือนเป็นคนโง่! วางกับดักเหรอ? วางกับดักอะไร? นางตัวแสบนั่นออกจากตำหนักเย็นไม่ใช่แค่วันสองวันแล้ว ข้าเห็นกับตาตัวเอง จับได้กับมือตัวเอง เจ้ายังคิดจะช่วยบิดเบือนความจริงอีกเหรอ? มโนธรรมของเจ้าโดนสุนัขกินไปหมดแล้วหรือไง? เจ้าเป็นผู้การใหญ่วังสวรรค์ผู้ส่งาผ่าเผย เห็นกฎระเบียบของวังสวรรค์เป็นของเด็กเล่นเหรอ? นางแพศยานั่นมีความผิดติดตัว ตอนนี้ก็ทำผิดกฎสวรรค์อีก ข้าถามแค่คำเดียวว่าสมควรจะฆ่าทิ้งหรือเปล่า!”

นางไม่ฟังเหตุผลร้อยแปดพันเก้าพวกนั้น นางไม่อยากสนใจเหตุผลพวกนั้น จดจ่ออยู่แค่ความจริงจุดเดียว ขอคำชี้แจงซ้ำไปซ้ำมา

สมควรฆ่าทิ้งหรือไม่สมควรฆาทิ้ง ซ่างกวนชิงจะตัดสินใจได้อย่างไร เมื่อโดนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่บีบจุดที่ไม่มีเหตุผลไม่ยอมปล่อย ซ่างกวนชิงก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน สุดท้ายก็ถอยกลับอย่างพ่ายแพ้ มาโดนด่าเฉยๆ โดยไม่ได้อะไร ทั้งยังทําได้เพียงก้มหน้ารับไว้ ที่สำคัญก็คือฝั่งประมุขชิงไม่มีเหตุผล ในเมื่อเจ้าไม่สามารถถอดราชินีสวรรค์ออกจากตำแหน่งได้ เช่นนั้นเจ้าก็ทำได้เพียงอธิบายเหตุผล แต่เจ้าก็ดันไม่มีเหตุผลอีก แล้วจะทำอย่างไรได้? ทำได้เพียงหนีเตลิดไป

เมื่อเห็นว่าซ่างกวนชิงหนีไปโดยไม่ให้คำชี้แจง เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ด่าด้วยความโมโหอีกครั้ง บอกอย่างชัดเจนว่า ประมุขชิงก็แค่ต้องการปกป้องนางแพศยานั่น!

ส่วนเหมียวอี้ก็ติดต่อมาในเวลานี้เช่นกัน พอเซี่ยโห้วเฉิงอวี่หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อ เหมียวอี้ก็ถามทันทีว่า : เหนียงเหนียง ข้าน้อยได้รับข่าวแล้ว บอกว่าท่านถูกฝ่าบาทกักบริเวณอยู่ท่ตำหนักนารีสวรรค์ ไม่ทราบว่าเป็นความจริงหรือไม่ขอรับ?

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยิ่งรู้สึกเป็นทุกข์ในใจกว่าเดิม นึกไม่ถึงว่าข่าวจะแพร่ออกไปแล้ว จ้านหรูอี้ไม่เป็นอะไร แต่นางกลับถูกกักบริเวณ แล้วหลังจากนี้จะให้นางมีหน้าไปเจอคนในวังหลังได้อย่างไร?

ความรู้สึกคับแค้น ผิดหวัง ปวดใจและได้รับความไม่ยุติธรรมสุมอยู่เต็มอก เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ถามเพียงว่า : อ๋องสวรรค์หนิว สิ่งที่เจ้าเคยพูดไว้ตอนแรก เจ้ารักษาคำพูดหรือเปล่า?

เหมียวอี้ถามว่า : ไม่ทราบว่าเหนียงเหนียงหมายถึงอะไร?

ยังจะเป็นอะไรไปได้อีก ก็ที่บอกว่าปกป้องราชินีสวรรค์ จงรักภักดีต่อโอรสสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่นำสิ่งนี้มาหยั่งท่าทีเขาอีกครั้ง นางไม่กล้าขอร้องอะไรเขาเช่นกัน รู้ว่าในตอนนี้ตัวเองไม่มีความสามารถจะขอร้องอะไรอีกฝ่ายได้แล้ว ฐานะราชินีสวรรค์ของตนขู่อีกฝ่ายไม่ได้แล้ว

เหมียวอี้อึ้งเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดจะพูดไปในทางนี้ จะชักจูงให้คิดไปทางนี้ แต่ใครจะคิดว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะเป็นฝ่ายชักนำพามาทางนี้เอง ลดความยุ่งยากไปได้ไม่น้อย ดูท่าแล้วผู้หญิงคนนี้คงจะโมโหไม่เบาจริงๆ

เหมียวอี้บอกว่า : ข้าน้อยรับประกันอะไรกับเหนียงเหนียงไม่ได้ และไม่พูดอะไรที่เกินความจริงเช่นกัน แต่จะพยายามทำสุดความสามารถแน่นอน ในภายหลังเหนียงเหนียงจะได้เห็น

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : ข้าไม่กล้าเรียกร้องอะไรจากท่านอ๋องมาเกินไป ถ้าท่านอ๋องยังนึกถึงน้ำใจที่ข้าเคยดูแลในปีนั้น ถ้าในอนาคตหยวนจุนลูกชายข้าประสบปัญหาอะไร หวังว่าท่านอ๋องจะไม่นิ่งดูดาย อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าลูกชายข้าจะไม่ต้องกังวลเรื่องที่อันตรายถึงชีวิต!

การที่พูดอะไรอย่างนี้ออกมาได้ ก็ย่อมเป็นเพราะหลายปีมานี้เหมียวอี้ช่วยเหลือด้านทรัพยากรให้กับชิงหยวนจุนมาตลอด และไม่เคยหาผลประโยชน์ใดๆ จากตัวสองแม่ลูกคู่นี้ ทำให้สองแม่ลูกได้เห็น ‘จริงใจ’ ของเหมียวอี้แล้วจริงๆ นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าหยางชิ่งวางแผนไว้นานมากแล้ว หลายปีมานี้จ่ายไปเปล่าๆ เพื่อเอาความเชื่อใจจากสองแม่ลูก รอให้วันนี้มาถึง โยนสายเบ็ดยาวตกปลาใหญ่!

เหมียวอี้ : สถานการณ์ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เหนียงเหนียงคิด ทางฝั่งองค์ชาย อ๋องผู้นี้ไม่นิ่งดูดายแน่นอน จะส่งคนไปช่วยเหลือองค์ชายอย่างลับๆ…

หลังจากทั้งสองติดต่อกันเสร็จเรียบร้อย เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ลองให้อีกครั้ง

เหมียวอี้ที่ยืนพิงระเบียงตกสู่ความเงียบ หลับตาลงช้าๆ ในหัวยังคงปรากฏภาพของจ้านหรูอี้

อวิ๋นจือชิวย่องเบาขึ้นมาปรากฏตัวบนตึกศาลา ก่อนหน้านี้ตอนที่เหมียวอี้ชมระบำอยู่คนเดียว นางรู้ข่าวแต่กลับไม่มารบกวน จากนั้นพอได้ยินว่ากันนางระบำออกไปแล้ว นางถึงได้เดินเนิบนาบเข้ามา พอเดินมาถึงข้างกายก็ถามว่า  “ทางด้านเถิงเฟยราบรื่นหรือเปล่า?”

เหมียวอี้ลืมตาขึ้น “ราบรื่น ปล่อยให้จ้านหรูอี้รอดพ้นเคราะห์ภัยครั้งนี้ไปได้ ไม่ตาย!” ในน้ำเสียงที่ราบเรียบไม่มีแฝงอารมณ์ร้ายๆ พูดจบก็หันตัวไป ไม่พูดอะไรมากกับอวิ๋นจือชิว แล้วไม่มีท่าทีว่าจะรออวิ๋นจือชิวด้วย

อวิ๋นจือชิวหันตัวไป ยืนมองส่งเขาอยู่ที่เดิม นางถอนหายใจเบาๆ แล้วโบกมือบอกใบ้ให้หยางเจาชิงตามไป…

เมื่อได้รู้ว่าเหมียวอี้มาด้วยตัวเอง หยางชิ่งกับชิงจวี๋ที่อยู่ในเขตลานบ้านก็รีบเดินออกมาต้อนรับ

หลังจากนั่งลงในโถงหลัก เห็นหยางเจาชิงเฝ้าอยู่ตรงประตูแล้ว หยางชิ่งก็บอกใบให้ชิงจวี๋ถอยไป จากนั้นถึงได้ถามว่า “ท่านอ๋อง ทางด้านเถิงเฟยเป็นยังไงบ้าง?”

เหมียวอี้ตอบ “ราบรื่น! ทางด้านให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ ข้าให้นางบอกชิงหยวนจุนก่อนแล้ว บอกว่าจะส่งคนไปช่วยเหลืออย่างลับๆ ต่อไปที่จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลก็ขึ้นอยู่กับท่านบุรุษแล้ว เพียงแต่ท่านบุรุษไปคนเดียวอาจจะมีอันตรายนิดหน่อย ไม่ทราบว่ามีความมั่นใจหรือเปล่า?”

“ถ้ามีอันตราย ก็แสดงว่าหลายปีมานี้ข้าน้อยเตรียมตัวไม่รอบด้าน เป็นปัญหาที่ข้าน้อยสร้างขึ้นเอง” หยางชิ่งกล่าว

เหมียวอี้โบกมือ “ความปลอดภัยต้องมาอันดับหนึ่ง ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป  นั่นก็เท่ากับเรื่องนี้ถูกเปิดโปง  เช่นนั้นเจ้าไปก็ไม่มีความหมายแล้ว”

หยางชิ่งจึงบอกว่า “ท่านอ๋องวางใจได้ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร หลายปีมานี้ได้แทรกซึมไปแล้วไม่น้อย ข้าน้อยมีแผนในใจแล้ว”

เหมียวอี้พยักหน้า “หวังติ้งเฉานั่นจงรักภักดีต่อประมุขชิง เจ้าต้องระวังไว้หน่อย ถ้าอยากจะจุดชนวนเรื่องนี้ ก็ต้องคิดหาทางกำจัดเขา จำไว้ มีแต่ต้องให้ชิงหยวนจุนลงมือกำจัดเขาเองเท่านั้น ถึงจะบีบให้ชิงหยวนจุนไม่มีทางถอยกลับได้!”

หยางชิ่งกุมหมัดคารวะ  “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!”

………………