บทที่ 2148 ใจคนหวาดหวั่น

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พอได้ปรึกษาเรื่องนี้กันนิดหน่อย เหมียวอี้ก็ออกไปแล้ว เหลือเพียงหยางเจาชิงกับหยางชิ่งที่กำลังปรึกษากันเรื่องที่จะไปจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล

ไปส่งเหมียวอี้แล้วกลับมา หยางชิ่งก็บอกหยางเจาชิงว่า “ท่านอ๋องอารมณ์หดหู่ เหมือนมีเรื่องในใจอะไรสักอย่าง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?” จากสีหน้าที่นิ่งเฉยเหมือนน้ำไร้คลื่นของเหมียวอี้ตอนวิจารณ์และคาดการณ์เรื่องราว เขาก็สังเกตเห็นอะไรแล้วนิดหน่อย งานใหญ่กำลังจะมาถึง ปกติแล้วเหมียวอี้จะไม่อารมณ์ตกต่ำขนาดนี้

หยางเจาชิงส่ายหน้า “ข้าเองก็รู้สึกอย่างนี้เหมือนกัน ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรในใจ”

หยางชิ่งแค่ถือโอกาสถามไปอย่างนั้น เมื่อไม่ได้คำตอบก็ไม่ได้ถามอะไรมากอีก หลังจากวางแผนกับหยางเจาชิงเรื่องออกไปข้างนอกอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว เขาก็ออกไปเงียบๆ ทันที ไม่ได้รบกวนใครทั้งนั้น ไม่ได้พาชิงจวี๋ไปด้วย ออกไปเพียงลำพัง หยางเจาชิงเตรียมคนคุ้มกันส่งอยู่ข้างนอก…

จวนอ๋องสวรรค์เฉิง

เพี้ยะ! เสียงตบหน้าดังชัดเจน จู่ๆ เฉิงไท่เจ๋อก็หันตัวมาตบหน้าผู้หญิงที่อยู่ข้างกาย แล้วตะคอกว่า “ไสหัวไป!”

ตอนนี้เขากำลังหนักใจ อนุภรรยาคนหนึ่งมาเกาะแกะเขาไม่เลิกเพราะหวังจะได้รับความโปรดปราน ตอนแรกเขาพูดๆ ว่าไม่ให้นางทำตัววุ่นวาย ผลปรากฏว่าอนุภรรยาคนนี้กลับกระเง้ากระงอดไม่หยุด ในที่สุดก็ยั่วโมโหเฉิงไท่เจ๋อแล้ว

สตรีงามเลิศล้ำที่โดนตบจนโซเซถอยออกไปเอามือปิดหน้า ในดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องชอบให้นางทำแบบนี้มาก วันนี้เป็นอะไรไปแล้ว? เมื่อเห็นเฉิงไท่เจ๋อถลึงตาจ้องมาอย่างดุร้าย ในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็กลัวแล้ว รีบก้มหน้าถอยออกไปแล้ว

เฉิงไท่เจ๋อไม่ได้สนใจนาง เอาสองมือไขว้หลัง แล้วเดินไปเดินมาอยู่ในสวนดอกไม้ต่อไป ตรงหว่างคิ้วเจือความกังวล

ทางวังสวรรค์ส่งข่าวมาเตือนแล้ว บอกใบ้ว่าเถิงเฟยมีท่าทีว่าจะลงมือฮุบอาณาเขตของเขาแล้ว ให้เขาเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ เถิงเฟยอยากจะฮุบอาณาเขตเขา เขาอยากจะฮุบอาณาเขตเถิงเฟย สำหรับคนบางพวก นี่คือความลับที่ถูกเปิดเผยแล้ว ไม่พอให้แปลกใจ เพียงแต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็หาโอกาสเหมาะสมลงมือไม่ได้ก็เท่านั้นเอง ที่สำคัญคือทั้งสองฝ่ายมีกำลังสูสีกัน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากอำนาจภายนอก จะให้สู้กันเอาเป็นเอาตายก็ไม่มีความหมายอะไร ถ้ากำลังพลรบกันจนเสียหาย กำจัดอีกฝ่ายไปแล้วก็ควบคุมอาณาเขตทัพตะวันออกไม่ได้อยู่ดี

ข่าวลือจากวังสวรรค์จะจริงหรือเท็จเขาก็ไม่รู้ แต่จู่ๆ วังสวรรค์พูดมาอย่างนี้ จะต้องมีเหตุผลแน่นอน ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก่อเรื่องใหญ่ที่พระตำหนักอุทยานเพราะอะไรกันแน่ ทางฝั่งนี้ยังครุ่นคิดหาคำตอบอยู่เลย แม้คนทางบ้านพักที่อุทยานหลวงจะได้ยินความเคลื่อนไหว แต่กลับไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ และสำหรับคนระดับอย่างพวกเขา เรื่องที่เกิดขึ้นในบางพื้นที่ก็ไม่อาจมองเป็นเรื่องธรรมดาได้ง่ายๆ มีความเป็นไปได้สูงว่าเบื้องหลังอาจจะมีสาเหตุที่ต่อเนื่องกันเป็นทอดๆ

กอปรกับตอนหลังมีข่าวส่งมาจากวังหลัง ไม่รู้ว่าสนมลี่อะไรนั่นทำผิดอะไร เหมือนจะตายแล้ว!

และพอสืบดูเบื้องหลังของสนมลี่ ก็รู้ว่าเป็นคนของเถิงเฟย ยิ่งทำให้ใจเขาเกิดความตื่นตัว ยิ่งรู้สึกว่าคำเตือนจากฝั่งวังสวรรค์ไม่ใช่การยิ่งธนูโดยไร้เป้า

ปัญหาที่ร้ายแรงมากมาจ่ออยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้าเถิงเฟยต้องการจะลงมือจริงๆ เช่นนั้นก็แสดงว่าเถิงเฟยได้รับการสนับสนุนจากอำนาจฝ่ายอื่นแล้ว แสดงว่าอำนาจที่เหลือล้วนสนับสนุนให้เถิงเฟยฮุบอาณาเขตของเขา ไม่อย่างนั้นเถิงเฟยคงไม่กล้าทำซี้ซั้ว

พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกกดดันมาก แต่ดูจากความเคลื่อนไหวทางฝั่งเถิงเฟย เหมือนทุกอย่างยังเป็นปกติ ไม่มีเค้าว่าจะเคลื่อนย้ายกำลังพลเลย ถามหน่อยว่าคนที่ต้องการจะฮุบอาณาเขตของอีกฝ่าย จะไม่จับตาดูการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอยู่ตลอดได้อย่างไร

รู้สึกหนักอึ้งในใจ หันกลับมาถามเชี่ยเซิง พ่อบ้านที่เดินตามหลังมา “เรื่องนี้เจ้าคิดว่ายังไง?”

ตรงหว่างคิ้วเชี่ยเซิงก็เจือด้วยความกังวลเช่นกัน กำลังไตร่ตรองเรื่องนี้มาตลอด พอได้ยินคำถามก็ตอบช้าๆ ว่า “เถิงเฟยจะต้องมีความคิดนี้แน่นอน แต่ดูเหมือนเถิงเฟยไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ไม่รู้ว่าหมายความว่ายังไง แต่ทางวังสวรรค์คงจะไม่พูดมั่ว ตอนนี้สถานการณ์ของทัพตะวันออกคือสิ่งที่วังสวรรค์ยินดีจะเห็น วังสวรรค์ไม่จำเป็นต้องสร้างสถานการณ์วุ่นวายให้ทัพตะวันออกเพื่อสร้างปัญหาให้ตัวเอง และหลายปีมานี้หลายฝ่ายก็ไม่ได้ตัดสินใจเลือก ไม่รู้ว่าควรเลือกท่านอ๋องหรือเลือกเถิงเฟย และสร้างความกดดันให้วังสวรรค์เช่นกัน ทำไมจู่ๆ เปลี่ยนท่าทีมายืนอยู่ตรงกลางแล้วล่ะ?”

เฉิงไท่เจ๋อถอนหายใจ “มีอ่านไม่ป้องกัน!”

“เกรงว่าต้องไปหยั่งเชิงพวกเขาแบบต่อหน้า หรือไม่ก็ปลอบโยน อย่างน้อยก็ต้องคิดหาทางทำให้พวกเขาเสมอ บ่าวยินดีจะไปสักรอบขอรับ” เชี่ยเซิงกล่าว

หลังจากเฉิงไท่เจ๋อครุ่นคิดพักหนึ่ง ก็พยักหน้าบอกว่า “ตอนนี้ก็ทำได้เพียงเท่านี้…”

ความเคลื่อนไหวที่พระตำหนักอุทยาน การตายของสนมลี่ ความเคลื่อนไหวของเฉิงไท่เจ๋อ การเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพองครักษ์ ความเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องดึงดูดให้อำนาจแต่ละฝ่ายตื่นตัวอย่างสูง

สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น เถิงเฟยเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังพลแล้ว วางรูปแบบสถานการณ์เตรียมป้องกัน เถิงเฟยใช้สถานะผู้อ่อนแอที่โดนกดดันเพื่อขอการสนับสนุนจากทัพใต้ ทัพตะวันตก ทัพเหนือ ขณะเดียวกันก็ทวงถามความยุติธรรมต่อวังสวรรค์ ถามว่าตำหนักสวรรค์ให้กองทัพองครักษ์ให้ความร่วมมือกับกำลังพลของเฉิงไท่เจ๋อ หมายความว่าอย่างไร?

จวนท่านปู่สวรรค์ สวนต้องห้าม ซ่างกวนชิงกับเฉาหม่านกำลังเจรจากันยาวนานอยู่ใต้ต้นไม้โบราณสูงราคา ทุกคำพูดล้วนกำลังเตือน เตือนว่าตระกูลเซี่ยโห้วอย่าทำซี้ซั้ว ขีดเส้นตายของประมุขชิงแล้ว ไม่อนุญาตให้เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อรวมกำลังพลกันเด็ดขาด!

เมื่อได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในเขตทัพตะวันออก ทำให้ทัพใต้ ทัพตะวันตกและทัพเหนือก็ต้องสร้างมาตรการเตรียมป้องกันเช่นกัน ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูเหมือนว่าประมุขชิงกำลังร่วมมือกับเฉิงไท่เจ๋อเพื่อก่อเรื่อง

ชั่วขณะนั้นกำลังพลในใต้หล้ามีการโยกย้ายทั่วทุกพื้นที่ แต่กลับไม่บุกสักที ไม่เหมือนที่ล้อมปราบอิ๋งจิ่วกวงในปีนั้น นั่นคือการจู่โจมครั้งเดียวที่รวดเร็วรุนแรงปานสายฟ้า รอจนกระทั่งคนในใต้หล้ารู้ตัว เรื่องราวก็จบลงแล้ว ตอนนี้ทัพใหญ่แต่ละฝ่ายกำลังคุมเชิงกันข่มขู่กัน ทำท่าเหมือนกำลังจะเกิดศึกใหญ่ กลับทำให้คนในใต้หล้าหวาดหวั่นได้ง่าย

เมื่อเกิดสถานการณ์อย่างนี้ขึ้นมา ผู้คนที่กลัวว่าจะลำบากไปด้วยเพราะสงคราม สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือหลีกภัยอันตราย ซ่อนได้ก็ซ่อนหลบได้ก็หลบ ก่อนที่จะซ่อนตัวก็ต้องซื้อทรัพยากรจำนวนมากอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ราคาสินค้าในแต่ละพื้นที่พุ่งสูงขึ้นทันที เกิดเหตุการณ์แย่งซื้อสินค้าทุกหย่อมหญ้า ต่อให้แย่งซื้อก็อาจแย่งไม่สำเร็จ ตลาดสวรรค์แต่ละแห่งเงียบเชียบ ร้านค้ากลัวว่าจะได้รับผลกระทบไปด้วย ทยอยกันปิดร้านซ่อนตัวแล้ว

ตลาดสวรรค์ที่เคยคึกคักเปลี่ยนเป็นซบเซา ทหารที่เฝ้าประตูเมืองก็หวั่นใจเช่นกัน

แต่ละสำนักในใต้หล้าเริ่มเรียกรวมลูกศิษย์ ทั้งสำนักทยอยกันซ่อนตัว

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีที่อยู่ในโถงหลักนั่งอย่างสง่าภูมิฐาน ใบหน้าตึงนิ่ง กำลังฟังเชี่ยเซิงที่กำลังชี้แจงอยู่ตรงหน้า

สถานการณ์ในใต้หล้าเปลี่ยนแปลงกะทันหันอย่างนี้ ทำให้โค่วหลิงซวีทำอะไรไม่ถูกนิดหน่อย เพราะก่อนเกิดเรื่องไม่มีเค้าลางเลย จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่

จนกระทั่งเชี่ยเซิงพูดจบ โค่วหลิงซวีก็กล่าวเสียงเย็นว่า “พูดมากขนาดนั้นก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่ข้าเห็นก็คือเฉิงไท่เจ๋อกับประมุขชิงสมคบกัน นำกำลังพลไปขุ่มขู่เถิงเฟยก่อน เถิงเฟยถูกกดดันจนต้องเตรียมป้องกัน ขอความช่วยเหลือไปทั่วแล้ว!”

เชี่ยเซิงกุมหมัดคารวะ “ท่านอ๋องโค่ว ความจริงไม่ใช่อย่างนี้แน่นอน ท่านอ๋องขอบข้าได้รับคำเตือนจากวังสวรรค์ บอกว่าเถิงเฟยคิดจะฮุบอาณาเขต ถึงต้องเตรียมตัวอย่างนี้”

โค่วหลิงซวีบอกว่า “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล ที่เขาพูดก็มีเหตุผล ที่มากกว่านั้นข้าไม่สนใจ เจ้าแค่ต้องบอกสิ่งหนึ่งให้เฉิงไท่เจ๋อรู้ ว่าสาเหตุที่กำลังพลสี่สายเหนือใต้ออกตกคานอำนาจกับวังสวรรค์มาได้หลายปีขนาดนี้ ก็เพราะสามัคคีปรองดอง ถ้าภายในมีคนกล้าสมคบกับวังสวรรค์เพื่อทำลายความสมดุลนี้ เกิดอันตรายมาถึงพวกเรา พวกเราที่เหลือก็ไม่นิ่งดูดายเด็ดขาด!”

เชี่ยเซิงส่ายหน้ายิ้มเจื่อน “ท่านอ๋องโค่ว จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ท่านอ๋องของข้าจะไม่เข้าใจหลักการไม้แท่งเดียวคานลำบากเชียวหรือ? ถ้าคนอื่นล้มแล้ว เกรงว่าคนแรกที่ประมุขชิงจะเลี้ยวมาจัดการก็คือท่านอ๋องของข้า ท่านอ๋องของข้าจะทำเรื่องโง่ขนาดนั้นได้ยังไง? แต่ถ้ามีคนบีบให้ท่านอ๋องของข้าจนตรอกจริงๆ ท่านอ๋องของข้าก็ทำได้เพียงขอความช่วยเหลือเพื่อปกป้องตัวเอง!”

นี่ก็คือจุดที่โค่วหลิงซวีสงสัย แต่ในคำพูดกลับเต็มไปด้วยการขู่เตือน “ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เจ้าไปบอกเฉิงไท่เจ๋อ ว่าข้าไม่ได้เลือกสนับสนุนเถิงเฟย ทางที่ดีเขาก็อย่าบีบข้าให้สนับสนุนเถิงเฟยเหมือนกัน!”

คำนับอ๋องสวรรค์โค่วแล้ว เชี่ยเซิงก็รีบร้อนจากไป ไปหาก่วงลิ่งกงต่อ ทว่าคำตอบที่ได้รับต้นเหมือนกับโค่วหลิงซวี ต่างก็บอกว่าไม่ได้สนับสนุนเถิงเฟย และกำลังเตือนเฉิงไท่เจ๋อไม่ให้ทำซี้ซั้วเช่นกัน…

สำหรับสถานการณ์โดยทั่วไป หยางชิ่งมักจะมาหาซูอวิ้นบ่อยๆ คำว่าครั้งนี้กลับไม่เห็นหยางชิ่งมาหลายวันแล้ว

ขณะเดินไปเดินมาอยู่ไหนลานบ้าน ซูอวิ้นชำเลืองมองสาวใช้สองคนที่อยู่ไม่ไกลเป็นระยะ อยากจะถามว่าหยางชิ่งได้มาที่นี่หรือเปล่า ถูกพวกนางกันไว้หรือเปล่า ทว่านางถามคำถามนี้ไม่ออก ถ้าถามออกไปก็จะดูเหมือนตัวเองคิดถึงคนคนนั้น ในความเป็นจริง การที่จู่ๆ หยางชิ่งไม่มาหานาง นางก็เริ่มไม่ชินสักเท่าไหร่ แต่เหตุผลที่นางให้ไว้กับตัวเองก็คือ เป็นเพราะความเคลื่อนไหวข้างนอกช่วงนี้หรือเปล่า?

ด้วยเหตุนี้ นางจึงออกจากเขตเรือนของตัวเองมาเดินเล่นข้างนอก จงใจจะเดินผ่านเขตเรือนของหยางชิ่ง สายตาชำเลืองมองเล็กน้อย เมื่อไม่เห็นว่าในเขตเรือนของหยางชิ่งมีความเคลื่อนไหวอะไร ก็อยากจะไปดูสักหน่อย คนข้างนอกกำลังหวาดหวั่น ศึกใหญ่กำลังจะปะทุ นางเองก็อยากจะสืบข่าวจากหยางชิ่งเช่นกัน แต่ดูจากการกระทำแล้ว กลับไม่มีท่าทีว่าจะเข้าไปในเรือนของหยางชิ่ง สุดท้ายก็เดินอ้อมรอบเดียว มาหาอวิ๋นจือชิวที่เรือนหลักของจวนท่านอ๋อง

ตอนที่เจออวิ๋นจือชิวในสวนดอกไม้ ก็เห็นสาวงามมีเสน่ห์นับร้อยกำลังยืนเรียงแถวอย่างระมัดระวัง ซูอวิ้นที่เดินผ่านด้านข้างพบว่าผู้หญิงกลุ่มนี้แต่ละคนหน้าตางดงามไม่ธรรมดา ล้วนเป็นประเภทยอดหญิงงาม เห็นได้ชัดว่าผ่านการคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน อดไม่ได้ที่จะมองสองที ไม่รู้ว่าอวิ๋นจือชิวพาสาวงามเหล่านี้มาหมายความว่าอย่างไร

อวิ๋นจือชิวนั่งอยู่ในศาลา ในมือกำลังเล่นกำไลเก็บสมบัติหลายวง ไม่รู้ว่ากำลังตรวจสอบอะไรอยู่

หลังจากซูอวิ้นเข้ามาทำความเคารพ ก็อดไม่ได้ที่จะมองกลุ่มสาวงามข้างนอกพร้อมถามว่า “เหนียงเหนียง นี่คือ?”

อวิ๋นจือชิวแสยะยิ้ม โบกเรือกำไลเก็บสมบัติในมือพลางตอบว่า “เชี่ยเซิง พ่อบ้านของเฉิงไท่เจ๋อมาแล้ว กำลังคุยอยู่กับท่านอ๋อง พวกนี้ล้วนเป็นของขวัญที่มอบให้ท่านอ๋อง ใจกว้างมากจริงๆ พอควักทีหนึ่งก็ให้ยอดหญิงงามมานับร้อย!”

ซูอวิ้นขานรับ เข้าใจแล้ว กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “วิธีการนี้ของเฉิงไท่เจ๋อทำให้คนไม่เข้าใจจริงๆ ฝั่งหนึ่งก็ร่วมมือกับกองทัพองครักษ์ ฝั่งนึงก็ส่งของขวัญให้ท่านอ๋อง”

อวิ๋นจือชิวฟังออกถึงความหมายล้ำลึกในคำพูดของนางแล้ว หันตัวมากล่าวกับนางด้วยรอยยิ้มสดใสว่า  “ข้าว่าหยางชิ่งก็โดดเดี่ยวเดียวดายมากเหมือนกัน เจ้าก็ไม่สนใจเขา ข้าเตรียมจะแบ่งบางส่วนมอบเป็นรางวัลให้เขาพอดี ไม่สู้เลือกสักสิบคนส่งให้หยางชิ่ง เจ้าคิดว่ายังไงบ้าง?”

ซูอวิ้นยิ้มไม่ออกทันที หลุบตาลงพร้อมกล่าวเสียงเรียบว่า “เขาจะเอาหรือไม่เอาก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับข้า” พอเหลือบสายตาขึ้น ก็เห็นอวิ๋นจือชิวจ้องตัวเองไม่รับสายตา นางถูกจ้องจนรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว…

“ท่านอ๋องหนิว ท่านอ๋องของข้าไม่ได้มีเจตนาจะร่วมมือกับประมุขชิงจริงๆ ขอเพียงเถิงเฟยไม่ทำซี้ซั้ว ท่านอ๋องของข้าก็ไม่ร่วมมือกับกองทัพองครักษ์สู้กับเขาแน่นอน ตอนนี้ท่านอ๋องของข้ากังวลว่าท่านอ๋องท่านอื่นจะทำข้อตกลงลับอะไรกันที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อท่านอ๋องของข้า! แต่ข้าก็โน้มน้าวท่านอ๋องของข้าเหมือนกัน บอกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ ยกตัวอย่างเช่นข้างหลังท่านอ๋องหนิวยังมีทัพใหญ่แดนรัตติกาล ถ้าท่านอ๋องหนิวทำอย่างนี้แล้ว จะต้องทำให้ประมุขชิงไม่พอใจแน่นอน ถ้าประมุขชิงออกคำสั่งคำเดียว ทัพใหญ่แดนรัตติกาลจะต้องออกจากแดนรัตติกาลและทำสิ่งไม่ดีต่อท่านอ๋องหนิวแน่ๆ ถึงตอนนั้นในอาณาเขตทัพใต้จะวุ่นวายใหญ่โต ไม่เป็นผลดีอะไรต่อท่านอ๋องหนิวเช่นกัน!”

ในโถงหลัก เชี่ยเซิงที่พูดจาฉะฉานทำท่าเหมือนถามว่าเจ้าเห็นด้วยหรือไม่

เหมียวอี้ที่นั่งสง่าอยู่ข้างบนแสยะยิ้ม “เจ้ากำลังขู่อ๋องผู้นี้เหรอ?”

………………