เหมือนดังเช่นที่ซือถูเจิ้งเจี้ยนคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ด้วย หลัวซิวในตอนนี้ไม่มีผลการฝึกตนที่จะปลดปล่อยพลังอานุภาพของสำนักเต๋าออกมาครั้งที่สองได้อีก

วินาทีนี้เขาดูใจเย็นอย่างผิดปกติ ปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทินที่อยู่ด้านหลังสั่นกระพือ เงาร่างไม่ได้ขยับถอยไปที่ใด ในทางตรงกันข้ามเขากลับพุ่งตรงเข้าไปทางซือถูเจิ้งเจี้ยนด้วยความเร็วสูง

“รู้ทั้งรู้ว่าต้องตายแต่ยังพุ่งเข้ามาอีก แมงเม่าบินเข้ากองไฟหรือ?”ซือถูเจิ้งเจี้ยนแสยะยิ้มอย่างเย็นเยือก

จากความเร็วในการเคลื่อนที่ของปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทิน ระยะห่างทั้งสองประชิดใกล้กันในช่วงพริบตาเดียว เมื่อเห็นว่าพลังฝ่ามือใหญ่ของซือถูเจิ้งเจี้ยนกำลังจะแผ่คลุมร่างของหลัวซิวแล้ว วินาทีต่อไปร่างกายของเขาก็จะถูกบีบจนระเบิดเป็นหมอกเลือด แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน!

“ชิ่ว!”

แสงเรืองที่แวววาวจับตาพุ่งตรงออกมาจากหว่างคิ้วของหลัวซิว มันกลายเป็นเงาร่างของมนุษย์คนหนึ่งอย่างรวดเร็ว ในมือของคนดังกล่าวมีระฆังใหญ่สีเงินที่ดูเรียบง่ายและโบราณหนึ่งลูก เสียงกวงดังขึ้น เสียงระฆังดังสนั่น

ภายในชั่วพริบตาเดียว ห้วงเวลาก็หยุดชะงักไป!

“นะนี่คือ……”

รูม่านตาของซือถูเจิ้งเจี้ยนขยายใหญ่จนสุดขีด จากระดับแดนกฎของเขา เขาสามารถมองข้ามเวลาที่หยุดนิ่งระดับนี้ไปได้โดยสิ้นเชิงเลย เนื่องจากแดนกฎของเขาสูงมาก อยู่สูงกว่ากฎเวลาที่หลัวซิวยึดกุมมาก ๆ

แต่ทว่าถึงแม้เขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากกฎเวลา แต่สติก็หลุดไปชั่วขณะเช่นกัน เนื่องจากกฎที่ฝ่ายตรงข้ามใช้คือกฎเวลา!

เขาไม่มีวันลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหมื่นกว่าปีก่อน เขาบังเอิญค้นพบเศษใจแห่งศุภรชิ้นหนึ่ง ซึ่งใจแห่งศุภรเป็นสิ่งล้ำค่าที่กลายมาจากกฎเวลาดั้งเดิม เป็นสมบัติที่ทรงพลังมากที่สุดในพิภพที่นับไม่ถ้วนในจักรวาลนี้!

แต่ทว่าเขากลับพลาดโอกาสที่จะได้ครอบครองเศษใจแห่งศุภรชิ้นนั้นไปต่อหน้าต่อตา ถูกอีกคนแย่งชิงไปก่อน!

เพื่อเศษใจแห่งศุภรชิ้นนั้น เขาส่งคนออกไปไล่ล่า จนกระทั่งไล่ล่าไปถึงโลกามนุษย์ และสูญเสียเทพฟ้าไปหลายคน

หลังจากสังหารผู้ที่บังอาจแย่งเศษใจแห่งศุภรไปแล้ว ฝ่ายตรงข้ามกลับแผดเผาพลังชีวีดั้งเดิม หลบหนีเข้าไปในพิภพต่ำ!

ชั่วพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านพ้นไปหลายหมื่นปีแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยล้มเลิกการตามหาเศษใจแห่งศุภรเลย แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ข่าวมาว่าเศษใจแห่งศุภรชิ้นนั้นหายไปแล้ว……

ภายใต้ความโกรธเกรี้ยว เขาจึงล้มล้างสำนักเทียนช่าทิ้ง ส่วนผู้น้อยมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่อยู่ตรงหน้านี้เหมือนจะมาจากโลกเสวียนเทียน ซึ่งมันมีโอกาสเป็นกากเดนของสำนักเทียนช่าสูงมาก ๆ……

“เศษใจแห่งศุภรอยู่ในมือเจ้า!”

ดวงตาซือถูเจิ้งเจี้ยนแดงเถือกขึ้นมาในทันที มีรังสีแห่งความบ้าคลั่งปรากฏในดวงตาเขา

หลัวซิวไม่รู้สึกแปลกใจที่ซือถูเจิ้งเจี้ยนมองจุดนี้ออก เนื่องจากครั้นเมื่อเขาใช้ระฆังเทพฟ้ากำหนด เขาก็เตรียมใจมาก่อนแล้ว

ซือถูเจิ้งเจี้ยนแข็งแกร่งมากเกินไป ถึงแม้จะเป็นเพียงร่านผันเทพฟ้าขั้น 3 แต่กลับยึดกุมและมีแดนกฎของผู้แข็งแกร่งราชาเทพ เขาจึงทำได้เพียงดึงไพ่เด็ดทั้งหมดของตัวเองออกมา ถึงสามารถต่อกรกับเขาได้

แต่สิ่งที่ทำให้หลัวซิวนึกไม่ถึงคือ ความแข็งแกร่งของซือถูเจิ้งเจี้ยนอยู่เหนือการคาดหมายของเขามาก ๆ การหยุดเวลาของระฆังเทพฟ้ากำหนดไม่มีผลอะไรต่อเขาเลยอย่างนั้นหรือ!

แต่ทว่าสติหลุดไปอีกเสี้ยววินาทีหนึ่ง จึงทำให้เขามีโอกาสพลิกโฉมความพ่ายแพ้สู่ชัยชนะ!

ร่างกลวัฏสงสารอยู่ในแดนเทพมารตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อใช้เคล็ดวิชาเพิ่มก็ยิ่งมีกำลังรบที่เทียบเท่ากับเทพฟ้า

“เผาพลาญพลังเทพ!”

หลัวซิวกระตุ้นร่างกลวัฏสงสารอย่างไม่ลังเลใจและใช้เคล็ดวิชาดังกล่าว ภายใต้การเผาพลาญกฎพลังเทพ ผลการฝึกตนของเขาก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนเทียบทัดกับเทพฟ้า!

“โครม!”

ใช้ร่างกลวัฏสงสารเรียกสำนักเต๋าเสวียนเทียนออกมาอีกครั้ง พลานุภาพที่น่าสยดสยองของสำนักเต๋านี้ ถูกกระตุ้นออกมาเกือบห้าส่วน!

ถึงแม้สำนักเต๋าเสวียนเทียนจะเป็นอัญเทพฟ้า แต่ระดับของมันสูงเกินไป หากดึงพลานุภาพทั้งหมดของมันออกมาได้ละก็ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วพลานุภาพของมันมีแต่จะสูงกว่าศัสตราวุธแห่งราชา

มาตรแม้นว่าจะกระตุ้นพลานุภาพของมันออกมาได้เพียงห้าส่วน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับเจ้านภาเกรงกลัวได้แล้ว!

ประตูหินของสำนักเต๋าเปิดออก มีพลังแห่งโซนซัดสาดออกมาจากสำนักเต๋า ผนึกเงาร่างของซือถูเจิ้งเจี้ยนเอาไว้

ถัดจากนั้นสำนักเต๋าก็ร่วงหล่นลงมาพร้อมกับเสียงที่ดังสะเทือนเลือนลั่น จะสังหารซือถูเจิ้งเจี้ยนคาที่!