“ไอ้ชาติชั่ว!”

ซือถูเจิ้งเจี้ยนตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าเสี้ยววินาทีที่ตัวเองสติหลุด ทำให้ผู้น้อยคนนี้มีโอกาสลงมือ

“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีร่างผันแดนเทพมารหนึ่งร่างด้วย แต่ทว่ามีศักยภาพแค่นี้ ก็อย่าให้คิดเพ้อเจ้อสังหารร่างผันของข้าเลย!”

ซือถูเจิ้งเจี้ยนกระอักพลังและเลือดออกมาจากปาก พลังและเลือดก่อตัวกันเป็นกฎพลังเทพ กลายเป็นปราณกระบี่ที่น่าสยดสยอง แล้วพุ่งเข้าไปฆ่าหลัวซิว

พลังโจมตีที่เอาเป็นเอาตายนี้ หากหลัวซิวต้านทานปราณกระบี่นี้ได้ เขาก็ต้องเก็บสำนักเต๋ากลับมา มิเช่นนั้นละก็ ถึงแม้สำนักเต๋าของเขาจะสังหารซือถูเจิ้งเจี้ยนได้ เขาก็ต้องถูกปราณกระบี่ที่น่าสยดสยองนี้ฆ่าจนสูญสิ้นอย่างแน่นอน

ซือถูเจิ้งเจี้ยนไม่ยี่หระ เนื่องจากเขาในตอนนี้เป็นเพียงร่างผันร่างหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้จะถูกสังหารไปแล้ว เขาก็แค่ต้องสูญเสียผลการฝึกตนห้าร้อยปีเท่านั้น

แต่ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามถูกฆ่าจนดับสลาย ก็จะเป็นการตายอย่างแท้จริง มากสุดเขาก็แค่ผนึกรวมร่างผันออกมาอีกหนึ่งร่าง แล้วมาเก็บสมบัติที่เป็นของเขา ณ ที่แห่งนี้

“โครมคราม…..”

ภายใต้การกดอัดจากน้ำหนักที่น่าสยดสยองของสำนักเต๋า อากาศบริเวณรอบ ๆ ต้านทานน้ำหนักดังกล่าวไม่ไหวจนระเบิดแตกออกมา หลัวซิวไม่มีท่าทีที่จะเรียกสำนักเต๋ากลับมาเพื่อป้องกันตัวเองเลยแม้แต่น้อย กระตุ้นสำนักเต๋าอย่างสุดความสามารถ ทำให้ความเร็วในการร่วงหล่นลงมาของมันเร็วมากยิ่งขึ้น

“ปัง!”

สำนักเต๋ากระแทกลงบนศีรษะซือถูเจิ้งเจี้ยนอย่างเต็มแรง พลานุภาพที่น่าสยดสยองปะทุออกมา ศีรษะของซือถูเจิ้งเจี้ยนระเบิดแตกออกมาภายในพริบตาเดียว แม้กระทั่งร่างเนื้อของเขาก็ถูดกดอัดจนกลายเป็นเนื้อเละ ๆ เช่นกัน!

ในขณะเดียวกัน ปราณกระบี่สีเลือดที่น่าสยดสยองก็กำลังจะฟันลงบนตัวหลัวซิวแล้ว

ในเสี้ยววินาทีที่ส่งผลต่อความเป็นความตาย หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น ใช้ผลการฝึกตนเพียงเสี้ยวเดียวที่เหลืออยู่ในร่างกายเรียกวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพออกมาบังอยู่ตรงหน้าตัวเอง และเรียกเกราะเทพเวหากาลออกมาคุ้มกันรอบกายด้วย

ตู้ม!

วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพแตกกระจายคาที่ เศษวงล้อชีวิตกระเด็นออกไปทั่วทุกสารทิศ พลานุภาพของปราณกระบี่สีเลือดถูกหักล้างไปเกือบครึ่ง ก่อนที่มันจะฟันลงเกราะเทพเวหากาลที่อยู่บนร่างกายหลัวซิวอย่างรุนแรง

เกราะเทพหักล้างพลังไปอีกเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีพลานุภาพอีกเสี้ยวหนึ่งที่เหลือทะลุผ่านเกราะเทพ โจมตีเข้ากับร่างกายหลัวซิวอยู่ดี

เห็นเพียงร่างกายของหลัวซิวสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กระเด็นออกไปทันที สัมผัสได้ถึงพลังความตายสุดขีดที่น่าสยดสยองพุ่งเข้ามาในร่างกาย ทำลายเส้นลมปราณของเขาอย่างต่อเนื่อง กัดกร่อนเลือดเนื้อเอ็นกระดูก

หลัวซิวกระอักเลือดเฮือกใหญ่ ใบหน้าขาวซีดถึงขั้นสุด เกราะเทพเวหากาลที่อยู่บนตัวหายไปแล้ว เขาเก็บมันกลับเข้าร่างเพราะเขาไม่เหลือผลการฝึกตนเพื่อมากระตุ้นเกราะเทพชุดนี้อีกแล้ว

ปราณกระบี่สีเลือดนั่นก่อตัวมาจากพลังและเลือดที่ซือถูเจิ้งเจี้ยนกระอักออกมาจากปาก บวกกับแดนกฎราชาเทพของเขาด้วย พลังกฎที่อัดแน่นอยู่ในปราณกระบี่สยดสยองมากถึงขั้นสุด ทำให้เขาใช้อุบายทั้งหมดออกมาแล้ว แต่ก็ยังบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี

หลัวซิวรู้สึกว่าเส้นลมปราณของตัวเองขาดไปเกือบครึ่ง หากไม่ใช่เพราะมีการต้านทานจากวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพและเกราะเทพเวหากาล เขาว่าตัวเองต้องถูกปราณกระบี่นั่นสังหารในชั่วพริบตาเดียวอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน ตายจนเกิดใหม่ไม่ได้อีก

“พลังจุติมรณะ กลั่นแปรมันซะ!”

หลัวซิวนั่งท่าขัดสมาธิ โคจรวรยุทธ์ จะกลั่นแปรพลังแห่งกฎที่โถมเข้ามาในร่างกายตัวเอง มิเช่นนั้นหากปล่อยให้มันทำลายเส้นลมปราณของตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ รากฐานยุทธ์ของเขาอาจจะบาดเจ็บถึงขั้นที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

สิ่งที่โชคดีคือพลังกฎที่แฝงซ่อนอยู่ในการโจมตีครั้งสุดท้ายของซือถูเจิ้งเจี้ยน ยังไม่ถึงระดับราชาเทพ ถึงอย่างไรร่างที่เขาใช้ก็เป็นเพียงร่างผัน มิใช่ร่างแท้ราชาเทพแต่อย่างใด

หลังจากที่ใช้เวลาไปหลายชั่วโมง หลัวซิวก็กลั่นแปรพลังกฎที่อยู่ภายในร่างกายจนหมดสิ้น ผลการฝึกตนที่สูญเสียไปจนหมดก็ฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อยแล้วเช่นกัน

……