บทที่ 1381 เป้าหมายที่แท้จริง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,381 เป้าหมายที่แท้จริง

หลินเป่ยเฉินระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว

เขาจึงฉากหลบได้ทันเวลา

แน่นอนว่ามือของเขายังคงลากพานตั่วชิงตามมาด้วย

แต่ในไม่ช้า สีหน้าของหลินเป่ยเฉินก็ต้องแปรเปลี่ยนไป

เพราะไม่ว่าเขาจะกระโดดหลบหลีกไปไกลแค่ไหน ก็ไม่สามารถรอดพ้นรัศมีความร้อนของฝ่ามือขนาดมหึมาบนท้องฟ้าได้เลย

นี่ไม่ต่างจากซุนหงอคงที่พยายามกระโดดออกจากฝ่ามือพระยูไล

พลังกดดันถาโถมลงมาจากกลางอากาศ

และนั่นก็ทำให้หลินเป่ยเฉินไม่สามารถขยับร่างกายได้อีก

“ไม่ไหวแล้วโว้ย”

หลินเป่ยเฉินเตรียมการจะสื่อสารกับวิญญาณของราชาหมาป่าศิลา

แต่ทันใดนั้น…

“เทพฉาง เจ้าล้ำเส้นเกินไปแล้ว”

เสียงของใต้เท้ากั้วพลันดังกังวาน

และเงาเสือดำขนาดใหญ่ยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า มันพุ่งตัวเข้าไปตะปบฝ่ามือไฟด้วยความรวดเร็วและดุดัน!

เสือดำตัวนี้มีความสง่างามราวกับเทพเจ้า

หลินเป่ยเฉินสามารถกลับมาเคลื่อนไหวร่างกายได้อีกครั้ง

สิ่งแรกที่เขาคิดคือใช้กระบี่แทงพานตั่วชิงอีกสักหลายกระบี่ เอาให้แน่ใจว่าพานตั่วชิงจะไม่มีทางสามารถฟื้นคืนกลับขึ้นมาได้อีก…

“บังอาจนัก!”

แต่เสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดอีกเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น

ทันใดนั้น หุบเหวโหยหวนก็ปกคลุมด้วยแสงตะวันเจิดจ้า ความมืดมิดรอบกายถูกขับไล่ออกไป หุบเหวโหยหวนมีความสว่างไสวไม่ต่างจากตอนกลางวัน พื้นน้ำแข็งละลายกลายเป็นของเหลวไหลหยดลงไปสู่หุบเหวเบื้องล่าง…

นี่คือพลังของเทพตะวัน

เมื่อแสงอาทิตย์สว่างเจิดจ้า เงาร่างของเสือดำก็เริ่มพร่าเลือนคล้ายกับกำลังถูกหลอมละลายไปเช่นกัน

“เทพตะวัน เจ้ากล้าโจมตีข้าเชียวหรือ?”

เสียงของใต้เท้ากั้วดังกังวานเหนือหุบเหว

แม้ว่าเทพตะวันจะเป็นหนึ่งในเจ็ดเทพสงคราม แต่สถานะก็ยังต่ำต้อยกว่าใต้เท้ากั้วหลายเท่า

การโจมตีหนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้า ถือเป็นความผิดที่ใหญ่หลวงนัก

นี่คือความผิดที่ให้อภัยไม่ได้

แต่ใต้เท้ากั้วกลับถูกโจมตีต่อไป

ครืน!

ฝ่ามือขนาดมหึมาอีกหนึ่งข้างปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและกดทับลงมายังตำแหน่งการลอยตัวของเงาเสือดำศักดิ์สิทธิ์

“เทพกั้ว ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว”

เมื่อใต้เท้าฉางลงมือโจมตีเป็นครั้งที่สอง หุบเหวโหยหวนก็ถึงกับสั่นสะเทือนไปทุกอณู ก้อนน้ำแข็งและก้อนหินรอบข้างพังถล่มทลาย ไม่ต่างจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวสิบสองริกเตอร์

“โฮกกก!”

เสือดำศักดิ์สิทธิ์เงยหน้าคำรามใส่ท้องฟ้า

ร่างสีดำของมันเกิดแสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ ก่อนที่พริบตาต่อมา เงาเสือดำศักดิ์สิทธิ์จะขยายร่างใหญ่มากกว่าเดิมหลายสิบเท่า มันอ้าปากงับและกลืนกินฝ่ามือไฟข้างนั้นลงท้องหน้าตาเฉย

ตู้ม!

โลกทั้งใบสั่นสะเทือน

ไม่มีมือยักษ์ของใต้เท้าฉางอีกแล้ว

แต่ร่างของเงาเสือดำศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกระเบิดจนขาดครึ่งท่อนเช่นกัน

ตัวของมันเกิดการระเบิดจากช่วงท้อง แสงตะวันสาดส่องออกมาจากในกระเพาะอาหาร ก่อนที่แสงสว่างเหล่านั้นจะสลายหายกลายเป็นหมอกควันในอากาศ…

“เชี่ย”

เมื่อหลินเป่ยเฉินเห็นท่าไม่ดีก็พยายามหลบหนีอีกครั้ง

ใต้เท้ากั้วแข็งแกร่งก็จริง แต่อีกฝ่ายมีด้วยกันถึงสองคน อย่างไรใต้เท้ากั้วก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ดี

ขืนหลินเป่ยเฉินอยู่ที่นี่ต่อคงต้องได้รับลูกหลงไปด้วยแน่ ๆ

“แม่งเอ๊ย”

หลินเป่ยเฉินสบถคำหยาบออกมาโดยไม่รู้ตัว

เขาโยนร่างพานตั่วชิงที่หายใจรวยรินทิ้งไปทางหนึ่งและกระโดดไปยังทิศทางฝั่งตรงข้ามด้วยความรวดเร็วมากที่สุดในชีวิต

แสงตะวันสาดส่องอาบไล้ร่างกายของพานตั่วชิง

“ท่านหมาป่าเฒ่า มีแต่ท่านเท่านั้นที่จะช่วยข้าออกไปจากที่นี่ได้”

หลินเป่ยเฉินนำกระบองทมิฬออกมาถือ

แต่กลับไม่ได้ยินสัญญาณตอบรับจากราชาหมาป่าศิลาแม้แต่น้อย

“หากท่านยังแกล้งตายต่อไป ข้าจะถือว่าท่านหักหลังข้าแล้วนะ”

หลินเป่ยเฉินร้อนรนใจเป็นอย่างยิ่ง

แต่ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวจากกระบองทมิฬอยู่ดี

ให้ตายเถอะ ไม่มีสัจจะเลยจริง ๆ

หลินเป่ยเฉินใบหน้าร้อนผ่าว

บัดนี้ พลังแสงอาทิตย์ถูกยิงมาที่เขาไม่หยุดยั้ง

เห็นได้ชัดว่าเทพตะวันคงเกลียดชังหลินเป่ยเฉินมาก จึงพยายามตามสังหารเขาอย่างไม่ยอมแพ้

หลินเป่ยเฉินได้แต่ยกมือกุมศีรษะและวิ่งหนีสุดชีวิต

ในเวลาสำคัญเช่นนี้ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงหายหัวไปอยู่ที่ไหนนะ?

นางบอกว่ามีแผนการไม่ใช่หรือ?

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงต้องการให้เขาชนะการแข่งขันในครั้งนี้ แต่หากนางไม่ช่วยเหลืออะไรเลย แล้วหลินเป่ยเฉินจะสามารถชนะได้อย่างไร?

ส่วนพวกใต้เท้าใหญ่ของสภาเทพเจ้าคนอื่น ๆ ตายกันหมดแล้วหรือ?

โดยเฉพาะใต้เท้าเหลียน ทำไมถึงไม่ทำอะไรบ้าง?

“โฮกกก!”

พลัน ร่างของเสือดำศักดิ์สิทธิ์ปรากฏการณ์ขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้ มันไม่ได้ปรากฏตัวในฐานะเงาพร่าเลือนเป็นภาพมายา แต่มันเป็นเสือดำที่มีเนื้อหนังมีตัวตนจริง ๆ

นี่คงเป็นร่างจำแลงของใต้เท้ากั้วกระมัง

สังเกตได้จากรูปลักษณ์ที่ดุดันน่าเกรงขาม

เสือดำยักษ์ระเบิดเสียงคำรามใส่แสงตะวันที่พุ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินพร้อมกันนั้นมันก็ยกขาหน้าขึ้นตะปบในอากาศ แล้วแสงตะวันเหล่านั้นก็สลายหายไปกลายเป็นฝุ่นผงปลิวว่อนทั่วท้องฟ้า

แต่นี่ไม่ได้หมายถึงชัยชนะ

เพราะแสงตะวันเก่าดับวูบไป แสงตะวันใหม่ก็สาดส่องเข้ามา มิหนำซ้ำ มวลความร้อนของแสงตะวันยังมีอานุภาพมากพอที่จะสังหารนักรบเทวะและนักเวทระดับสูงให้ตายคาที่ได้อีกด้วย

หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังเหือดแห้ง

โชคดีที่หมวกเหล็กอมตะและถุงมือเทวฤทธิ์ปลดปล่อยพลังพิเศษออกมาช่วยคุ้มครองเขาไม่ให้เสียชีวิตคาที่

“แม่เจ้าโว้ย นี่เทพตะวันออกโรงเองจริง ๆ เหรอวะเนี่ย”

หลินเป่ยเฉินร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก

เทพตะวันเป็นเทพสงครามที่เก่งกาจเรื่องการต่อสู้

อย่าว่าแต่คิดจะคว้าชัยชนะเลย ขอแค่มีซากศพเหลืออวัยวะครบถ้วนสมบูรณ์ก็ยังเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ

ในเวลาเดียวกันนี้ ท้องฟ้ากลับมืดมิดลง

ปรากฏเมฆดำกลุ่มใหญ่เคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุมครึ่งแผ่นฟ้า

สายฟ้าแลบแปลบปลาบ เสียงฟ้าคำรามดังสนั่น ไม่ต่างจากกำลังจะเกิดพายุล้างโลก

นี่คือการแสดงแสนยานุภาพของใต้เท้าฉาง

บรรดาเทพเจ้าระดับสูงกำลังต่อสู้กันอย่างชุลมุนวุ่นวาย

มวลพลังกดดันในอากาศหนาแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ผนังหินของหุบเหวโหยหวนพังถล่มตลอดเวลา น้ำแข็งและก้อนหินแตกร้าวหลอมละลายกลายเป็นสายน้ำไหลรินลงสู่หุบเหวเบื้องล่าง…

หลินเป่ยเฉินพยายามวิ่งหนีเอาชีวิตรอด

เขาโคจรพลังอัคคีเทวะสร้างเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เป็นปีกอยู่บนแผ่นหลังสี่ข้าง และนำพาตนเองโบยบินขึ้นสู่อากาศในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อหลบเลี่ยงการถล่มตัวของก้อนหินและน้ำแข็ง…

โชคดีที่ก่อนหน้านี้หลินเป่ยเฉินยอมถูกพานตั่วชิงทุบตี ร่างกายในขั้นกระบี่กระดูกเพชรของเขาจึงสามารถทนทานแรงกดดันในอากาศได้แล้ว

มิเช่นนั้น อย่าว่าแต่จะหลบหนีเลย ป่านนี้ร่างกายของหลินเป่ยเฉินคงกลายเป็นกองเศษเนื้อไปนานแล้ว

ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วสิ

“โฮกกก!”

เสือดำศักดิ์สิทธิ์แผดเสียงคำรามออกมาอีกครั้ง

หลังจากนั้น มันก็กระโดดลงมายืนอยู่แทบเท้าหลินเป่ยเฉินราวกับเป็นเรือลำใหญ่

หลินเป่ยเฉินกระโดดขี่หลังโดยไม่ลังเล

ร่างของเสือดำมีม่านพลังบางเบาพุ่งขึ้นมาครอบคลุมร่างของหลินเป่ยเฉินช่วยป้องกันเขาจากพลังกดดันในอากาศ

หูย ใต้เท้ากั้วยังคงรักเขาจริง ๆ แฮะ

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจและมีเวลาได้พักเหนื่อย

จริงหรือ?

ยังอันตรายอยู่เลยนี่หว่า

ความคิดมากมายปรากฏขึ้นในสมอง เขามองไม่ออกเลยว่าตนเองจะสามารถหลบหนีออกไปได้อย่างไร

หลังจากเสียเวลาขบคิดอยู่หลายอึดใจ สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็ได้ข้อสรุปกับตนเองว่า…

คงมีแต่ต้องยอมรับชะตากรรมเท่านั้น

การต่อสู้ระหว่างใต้เท้าใหญ่คือสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้

ต่อให้มีตัวช่วยในโทรศัพท์มือถือมากมายเพียงใด หลินเป่ยเฉินก็ไม่สามารถควบคุมได้อยู่ดี

ครืน!

เทพเจ้าระดับสูงทั้งสามยังคงเผชิญหน้าห้ำหั่นกันต่อไป

“เทพฉาง เทพตะวัน พวกเจ้าละเมิดกฎของท่านมหาเทพ การยื่นมือเข้ามาแทรกแซงการแข่งขันเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร?”

เสียงแห่งความโกรธแค้นของใต้เท้ากั้วดังออกมาจากปากของเสือดำยักษ์

“ผลลัพธ์นั้นเป็นเช่นไรเล่า?”

เสียงหัวเราะของใต้เท้าฉางดังกังวานออกมาจากกลุ่มก้อนเมฆดำที่มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ “หากไม่ชนะก็ต้องพ่ายแพ้เท่านั้นเอง”

เสียงของเทพตะวันดังออกมาจากก้อนพลังงานสีทองคำที่ลอยอยู่ในอากาศ “ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ทั้งสิ้น มันจะกลายเป็นปริศนาตลอดกาล… เช่นเดียวกับความตายของเจ้า”

แย่แล้วสิ

ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้ว

ปรากฏว่าแผนการทั้งหมดนี้ไม่ได้ถูกวางเอาไว้เพื่อสังหารเขา

แต่ถูกวางเอาไว้เพื่อเล่นงานใต้เท้ากั้วต่างหาก

ใต้เท้าฉางและเทพตะวันร่วมมือกันเพื่อสังหารใต้เท้ากั้ว

เป้าหมายที่แท้จริงของแผนร้ายในครั้งนี้เป็นใต้เท้ากั้วมาตั้งแต่แรก

แต่การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้จะรอดหูรอดตาบุคคลภายนอกได้จริงหรือ?

ค่ายอาคมที่พวกเขากำลังอยู่ในขณะนี้ เป็นค่ายอาคมที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำลายเข้ามาได้จริงหรือ?

เด็กหนุ่มนึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครสามารถสร้างค่ายอาคมที่แข็งแกร่งเช่นนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ

เว้นแต่…

หลินเป่ยเฉินพลันหัวใจกระตุกวูบ ขนลุกเกรียว

ชื่อหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวใจ!