บทที่ 1382 กระบี่กวาดสวรรค์

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,382 กระบี่กวาดสวรรค์

ใต้เท้าซิน

หนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้า เป็นผู้สนับสนุนฉางจิ้งคงและเป็นเทพเจ้าผู้ชำนาญด้านการสร้างค่ายอาคมที่สุด

ในสภาเทพเจ้า ไม่มีผู้ใดจะสร้างค่ายอาคมได้แข็งแกร่งมากไปกว่าใต้เท้าซิน

กวาดตาดูในดินแดนทวยเทพ หากจะมีผู้ใดสามารถสร้างค่ายอาคมที่ผู้อื่นไม่สามารถเจาะทะลวงเข้ามาได้ บุคคลผู้นั้นย่อมต้องเป็นใต้เท้าซิน

หากเป็นเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าฝ่ายเทพตะวันมีกลุ่มคนหนุนหลังที่น่ากลัวยิ่ง…

ใต้เท้าซินเป็นพวกเดียวกับพวกเขา!!!

ในเมื่อหลินเป่ยเฉินสามารถคิดหาคำตอบได้เช่นนี้ ใต้เท้ากั้วก็ย่อมสามารถคิดหาคำตอบได้เช่นกัน

คลื่นพลังถูกระเบิดออกมาจากร่างของเสือดำศักดิ์สิทธิ์ แผ่กระจายไปรอบทิศทาง

มวลอากาศเกิดความปั่นป่วนราวกับคลื่นน้ำในทะเลสาบ เกิดเป็นสภาวะทำลายล้างสูงสุด

นี่คือการโจมตีจากใต้เท้ากั้ว

นี่คือความน่ากลัวของหนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่

แต่ถึงกระนั้น พลังของใต้เท้ากั้วก็ยังไม่สามารถสลายค่ายอาคมลงไปได้อยู่ดี

ในกลุ่มห้าใต้เท้าใหญ่ ใต้เท้าซินคือผู้ที่เก็บตัวเงียบมากที่สุด

ใต้เท้าซินไม่ค่อยออกมาพบเจอผู้คนที่โลกภายนอก

หลายคนจึงรู้จักใต้เท้าซินในฐานะผู้ชำนาญการสร้างค่ายอาคม แต่แทบไม่ทราบข้อมูลอื่นใดของนางอีกเลย

มีเพียงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเทพเจ้าระดับสูงประจำสภาอย่างใต้เท้ากั้วเท่านั้น จึงจะรู้ถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของใต้เท้าซิน

ครั้งหนึ่ง ท่านมหาเทพถึงกับเคยพูดออกมาเองว่า ผู้ที่สร้างความลำบากใจให้กับท่านมากที่สุดหากจะต้องต่อสู้กันก็คือใต้เท้าซิน

นี่ย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่านางมีฝีมือไม่ธรรมดา

คิดไม่ถึงเลยว่าใต้เท้าซินกลับเลือกที่จะอยู่ฝั่งเดียวกับใต้เท้าฉาง

ใต้เท้ากั้วตระหนักแล้วว่านี่คือกับดัก

กับดักที่สร้างขึ้นมาเพื่อตนเองโดยเฉพาะ

สถานการณ์ย่ำแย่แล้ว

“เทพฉาง พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้รวมหัวกันสร้างปัญหาเช่นนี้?”

เสียงคำรามของใต้เท้ากั้วดังออกมาจากปากของเสือดำศักดิ์สิทธิ์ ดวงตาจ้องมองไปยังดวงไฟและดวงตะวันรวมถึงกลุ่มก้อนเมฆดำบนฟากฟ้า “เจ้าคิดที่จะทรยศพวกเดียวกันเองอย่างนั้นหรือ?”

“ทรยศ?”

ใต้เท้าฉางระเบิดเสียงหัวเราะตอบกลับมา “พูดมากน่ารำคาญ… แล้วสิ่งที่เจ้าทำไม่เรียกว่าการทรยศเช่นกันหรือ? ข้าเพียงต้องการกำจัดเจ้าให้พ้นทางก็เท่านั้น”

เสียงเทพตะวันกล่าวว่า “อย่าปล่อยให้มันถ่วงเวลาอยู่อีกเลย พวกเราลงมือกันเลยดีกว่า”

แล้วแสงอาทิตย์ก็สาดส่องลงมาอีกครั้ง

เปลวไฟเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่าง

แสงแดดร้อนแรงแผดเผา

บังเกิดคลื่นพลังคล้ายกับหนวดปลาหมึกฟาดลงมาจากแผ่นฟ้า เป้าหมายของการเล่นงานย่อมต้องเป็นเสือดำศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้น

ครืน!

บนท้องฟ้า สายฟ้าแลบแปลบปลาบ เปลวไฟสาดกระจาย

ใต้เท้าฉางเองก็ลงมือเช่นกัน

ก้อนเมฆดำรวมตัวเป็นฝ่ามือยักษ์อีกครั้งและฝ่ามือข้างนั้นก็ค่อย ๆ กดทับลงมาสู่ด้านล่าง

แต่ครั้งนี้ มือที่ยื่นออกมาจากก้อนเมฆดำไม่ได้มีเพียงแค่มือเท่านั้น ก้อนเมฆดำค่อย ๆ รวมตัวกลายเป็นแขนท่อนหนึ่ง นี่คือแขนที่มีสายฟ้าเป็นประกายอยู่โดยรอบ

มวลอากาศเกิดความปั่นป่วนเมื่อแขนยักษ์ข้างนี้กดทับลงมา

“โฮกกก!”

เสือดำแผดเสียงคำราม ปลดปล่อยพลังเหนือธรรมชาติ

เปลวไฟสีดำพุ่งออกมาจากปากของมัน เผาไหม้สิ่งที่มีลักษณะคล้ายกับหนวดปลาหมึกจากเทพตะวัน หลังจากนั้นเสือดำก็ตะปบกรงเล็บ ฉีกกระชากฝ่ามือของใต้เท้าฉางไม่เหลือชิ้นดี

ทว่า การโจมตีจากใต้เท้าฉางและเทพตะวันยังคงไม่หยุดลง

พวกเขาและใต้เท้ากั้วในร่างเสือดำศักดิ์สิทธิ์ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด คลื่นลมปั่นป่วนรุนแรง พลังศักดิ์สิทธิ์ระเบิดกระจาย

นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ซับซ้อน มันเป็นการต่อสู้ที่ไม่ต้องใช้ชั้นเชิงหลากหลาย นี่คือการต่อสู้ที่วัดความแข็งแกร่งกันอย่างซึ่งหน้า และผู้ที่อ่อนแอกว่าก็ต้องพ่ายแพ้ไป

การต่อสู้รูปแบบนี้จำเป็นต้องใช้พลังศักดิ์สิทธิ์จำนวนมหาศาล

หากพลังหมด ชีวิตก็จบสิ้นเช่นกัน

‘ตายซะ ตายซะ ตายซะ ตายซะ ตายไปซะทีเถอะแม่งเอ๊ย…’

หลินเป่ยเฉินเห็นท่าไม่สู้ดีจึงรีบกระโดดลงจากหลังเสือมาตั้งหลักอยู่ห่างไกล และได้แต่ภาวนาให้คู่ต่อสู้ของใต้เท้ากั้วจบชีวิตลงโดยเร็ว

นี่คือความรู้สึกที่น่ากลัวยิ่ง

เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นเด็กน้อยอายุสามขวบที่ยืนตัวเปล่าอยู่กลางทุ่งหญ้าแอฟริกาและเฝ้ามองสิงโต เสือจากัวร์และเสือดาวต่อสู้กัน ไม่มีผู้ใดทราบว่าเด็กน้อยอายุสามขวบผู้นี้จะตกเป็นเป้าหมายความสนใจของบรรดาสัตว์ร้ายเหล่านั้นเมื่อไหร่ และหากเวลานั้นมาถึงจริง ๆ เขาก็มีแต่ต้องตายกับตายเท่านั้น

หนีดีไหมนะ?

หนีไม่ได้

สู้ดีไหมนะ?

สู้ไม่ไหวอีกเช่นกัน

นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทะลุมิติมาสู่ชีวิตใหม่ ที่หลินเป่ยเฉินพบว่าตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่จะเดินหน้าก็ไม่ได้ จะถอยหลังก็ไม่ใช่ทางเลือก

หลายครั้ง เขานำเครื่องยิงจรวด Type 69 ออกมาประทับไว้บนบ่า

เขาอยากจะช่วยโจมตีเพื่อเพิ่มโอกาสชนะให้แก่ใต้เท้ากั้ว

แต่ทุกครั้งที่กำลังจะเหนี่ยวไกยิง หลินเป่ยเฉินก็ต้องเปลี่ยนใจทุกที

เพราะเขารู้ดีว่าหากตนเองยิงระเบิดลูกนี้ออกไป นั่นจะนำมาสู่การแก้แค้นที่รุนแรงหนักหน่วง

ติ๋ง! ติ๋ง!

เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา

ตู้ม!

บนท้องฟ้า ใต้เท้ากั้วในร่างเสือดำศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงร้องโหยหวน

ร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ของเสือดำถูกพันธนาการด้วยเส้นพลังสีทองคำและถูกกำปั้นขนาดใหญ่ยักษ์พุ่งเข้าโจมตีด้วยพลังสายฟ้าฟาด

ร่างของเสือดำยักษ์จางหายไปอย่างรวดเร็ว

ใต้เท้ากั้วไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไป

“ท่านไปฆ่าเจี๋ยนเซียวเหยาซะ”

เสียงของเทพตะวันดังกังวานเหนือหุบเหวโหยหวน

หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ

ให้ตายสิ

ฆ่ากันให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาสนใจเขาไม่ได้เหรอ?

เขาไม่ได้ฆ่าบุตรฉุดภรรยาผู้ใดสักหน่อย? เหตุไฉนจึงต้องจงเกลียดจงชังกันขนาดนี้ด้วย?

หลินเป่ยเฉินมีค่าขนาดนั้นเชียวหรือ?

และสิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดก็คือ ไม่รู้เพราะเหตุใด ใต้เท้าฉางจึงต้องเชื่อฟังคำสั่งของเทพตะวันด้วย

สายฟ้าแลบแปลบปลาบ

เมฆดำลอยมาอยู่เหนือศีรษะหลินเป่ยเฉิน

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายเอื๊อกและพูดว่า “อันที่จริงนั้น บรรพบุรุษของข้าคือ…”

ครืน!

มือยักษ์ที่ลุกเป็นไฟข้างหนึ่งยื่นลงมาจากกลุ่มก้อนเมฆดำ

พร้อมกับจิตสังหารแรงกล้า

หลินเป่ยเฉินถูกพลังกดดันเล่นงานจนไม่สามารถขยับร่างกายได้อีก

บัดนี้ ม่านพลังจากใต้เท้ากั้วที่เคยคุ้มครองร่างกายของเขาได้สลายหายไปแล้ว

คมเคียวยมทูตกำลังทาบทับลงมาที่ลำคอของหลินเป่ยเฉิน ในสายตาเห็นแต่เปลวไฟและสายฟ้า ไม่ว่ามองแง่มุมใด หลินเป่ยเฉินก็ไม่เห็นหนทางรอดชีวิตอีกแล้ว…

แต่ทันใดนั้น ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝันพลันบังเกิดขึ้น

ลำแสงกระบี่สาดประกาย

ลำแสงกระบี่สีเงิน

มันพุ่งตัดลงมาจากฟากฟ้า

เพียงกระบี่เดียวก็ผ่าเมฆดำออกเป็นสองซีก

สลายพลังการโจมตีของใต้เท้าฉางหมดสิ้น

“กระบี่กวาดสวรรค์ ซวีเซี่ยเกอ…”

ใต้เท้าฉางร้องออกมาด้วยความโกรธแค้นและความตื่นกลัว

สายฟ้าและเปลวไฟที่กำลังโจมตีใส่หลินเป่ยเฉินสลายหายไปในพริบตา

หลินเป่ยเฉินหลุดออกจากมวลพลังกดดัน สามารถกลับมาหอบหายใจได้อีกครั้ง

กระบี่กวาดสวรรค์ซวีเซี่ยเกอ?

ชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูจริง

เหมือนเขาเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง

ทันใดนั้น หลอดไฟในสมองหลินเป่ยเฉินก็สว่างจ้า เขาจำได้ว่าในงานเลี้ยงเบิกฟ้า ตอนที่ซวีเหิงเสียชีวิต ชื่อนี้ถูกอ้างอิงออกมาในฐานะอาจารย์ของซวีเหิงนั่นเอง