บทที่ 1384 สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่ไม่เห็น

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,384 สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่ไม่เห็น

“เจ้าบอกไม่ใช่หรือว่านายท่านตกอยู่ในอันตราย เงาแห่งความตายกำลังกลืนกินนายท่านน่ะ?”

ลู่ปิงเหวินหายจากอาการตกตะลึงและหันมามองหน้าเฉียนหลง

เฉียนหลงตะกุกตะกักตอบว่า “บางที… ข้าอาจเข้าใจผิดไปเองกระมัง?”

“เข้าใจผิด?”

“เจ้าทำพวกเราตกใจแทบตาย”

“ให้อภัยไม่ได้แล้ว”

“จัดการมัน”

ตุบตับ!

กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์อีกสี่คนกรูเข้ามารุมทำร้ายเฉียนหลงคล้ายกับฝูงหมาป่ารุมทึ้งเหยื่อ

เพราะคำพูดของเฉียนหลงก่อนหน้านี้

พวกเขาจึงตกใจน้ำตาไหลกันหมด

ฉู่เหินกับไต้จือฉุนหันสบตากันและถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ

โดยเฉพาะฉู่เหิน

ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าก่อนหน้านี้เขาเกลี้ยกล่อมให้ชิงเล่ย ‘เชื่อมั่น’ ในตัวหลินเป่ยเฉิน แต่ในใจจริงนั้น ฉู่เหินก็ไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าหลินเป่ยเฉินจะสามารถรอดชีวิตกลับมาจากการแข่งขันครั้งนี้ได้สำเร็จ สิ่งที่ชายวัยกลางคนหวาดกลัวมากที่สุดก็คือเมื่อภาพการถ่ายทอดสดกลับมาอีกครั้ง ตนเองจะพบเห็นหลินเป่ยเฉินกลายเป็นซากศพไปแล้ว

ขณะนี้ ชิงเล่ยรวบรวมขวัญกำลังใจลืมตาขึ้นมาจ้องมองการถ่ายทอดสด

เมื่อเห็นหลินเป่ยเฉินลอยตัวอยู่ในอากาศอย่างสง่างาม น้ำตาแห่งความสุขก็ไหลลงมาจากดวงตาของหญิงสาว

น้ำตาใสดังแก้วผลึก

นี่คือน้ำตาที่ไหลออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ

“แฮ่ แฮ่…”

เจ้ากิ้งก่ายักษ์ส่งเสียงครางในลำคอและนำไหสุรามารินใส่ชามให้แก่ทุกคน

“ชะ… ชะ… ไชโย”

เจ้าอ้วนชูมือเป็นหมัด ร้องตะโกนด้วยความดีใจ

กลุ่มคุณชายรับชามสุรามาชนกันและยกขึ้นดื่มด้วยความตื่นเต้น

เจ้ากิ้งก่ายักษ์รับบทบาทเป็นเด็กรับใช้ดูแลทุกคน

ตัวมันเองก็ดื่มสุราอย่างหนักหน่วงเช่นกัน

เมื่อสุราออกฤทธิ์ เจ้ากิ้งก่ายักษ์ก็ถึงกับตัดหางของตนเอง มันโยนหางเข้าไปในกองไฟ แลบลิ้นออกมาจากริมฝีปาก กลิ่นเนื้อย่างหอมฉุยโชยปะทะจมูก แม้จะมีเลือดไหลออกมาจากตอหางที่ตรงส่วนก้น แต่ดูเหมือนเจ้ากิ้งก่ายักษ์จะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย…

“พะ… พะ… พวกเรา… มะ… มะ… มา… รับประทาน… นะ… นะ… เนื้อย่างกันขอรับ”

เจ้าอ้วนพูดพร้อมกับใช้เครื่องปรุงโรยไปบนเนื้อหางย่างในกองไฟ

“แต่บัดนี้ การแข่งขันสิ้นสุดลงแล้ว พวกเราสมควรเตรียมตัวไปเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลให้แก่นายท่านไม่ใช่หรือ?”

เฉียนหลงผุดลุกขึ้นด้วยใบหน้าบวมช้ำ

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกายระยิบระยับ

“จริงด้วยสิ พวกเราไปเตรียมตัวกันเถอะ”

“พวกเราอย่าทำให้นายท่านขายหน้าเด็ดขาด”

“เอาให้คนทั้งเมืองตกตะลึงกันไปเลย”

เรื่องการประจบประแจงเอาใจนายท่าน คืองานถนัดของพวกเขาอยู่แล้ว

ณ อาณาเขตของเผ่าเทพอัคคี

“ย้ากกกก…”

เทพเจ้าพานเอินเหวี่ยงค้อนเหล็กในมือทุบพื้นดินอย่างหนักหน่วง

พื้นดินเกิดรอยแตกร้าวและพังถล่มลงไป

ลาวาร้อนเหลวจำนวนมากไหลทะลักขึ้นมาจากรอยแยกบนพื้นดิน

สีหน้าของเทพเจ้าพานเอินเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความไม่พอใจ

เขาพ่ายแพ้!!

‘อาวุธ’ ของเขาพ่ายแพ้ให้แก่ ‘อาวุธ’ ของเทพเจ้าพานหยาง

แม้เทพเจ้าพานเอินจะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตอนที่สัญญาณการถ่ายทอดสดขาดหายไป แต่เห็นได้ชัดว่าสุดท้ายแล้ว เจี๋ยนเซียวเหยากลับกลายเป็นผู้ชนะ

“ฮ่า ๆๆ…”

ในวิหารที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้ เสียงหัวเราะของเทพเจ้าพานหยางดังกังวาน

เป็นเสียงหัวเราะที่หยาบคายอย่างยิ่ง

เทพเจ้าพานเอินแทบสำลักความชอกช้ำใจตายแล้ว

“ตัวบัดซบพานตั่วชิงไม่คุ้มค่ากับการเหนื่อยแรงของเราเลยจริง ๆ”

“ครั้งนี้ที่พานหยางสามารถเอาชนะเราได้ ไม่ใช่เพราะว่าฝีมือของเราต่ำต้อยเกินไป แต่เป็นเพราะพานตั่วชิงไม่เก่งเท่าเจี๋ยนเซียวเหยาต่างหาก…”

“ดังนั้น ถ้าเราต้องการเอาชนะพานหยาง เราก็ต้องร่วมมือกับเจี๋ยนเซียวเหยา”

“ใช่ นี่คือหนทางเดียวเท่านั้น”

“เราได้ความคิดแล้ว”

“เราต้องสร้างอาวุธชิ้นใหม่ให้แก่เจี๋ยนเซียวเหยา เมื่อเขาชมชอบอาวุธของเรา เขาจะต้องไม่ไยดีอาวุธของพานหยางอีกต่อไป เพียงเท่านี้ ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าเรามีฝีมือดีกว่าพานหยาง…”

“ฮ่า ๆๆ เรานี่มันอัจฉริยะจริง ๆ”

เทพเจ้าพานเอินยิ่งคิดก็ยิ่งชื่นชมในความชาญฉลาดของตน

เขาเริ่มวางแผนการอย่างระมัดระวัง

ณ อาณาเขตของเผ่าเทพไม้เขียว

“ชนะแล้วสินะ…”

ร่างของหญิงชราที่แข็งทื่อเป็นท่อนไม้พูดออกมาช้า ๆ

กิ่งไม้ที่งอกขึ้นมาจากข้างขมับซ้ายขวาคือสิ่งที่บ่งบอกถึงการมีชีวิตอยู่ของนาง… ร่างของหญิงชราเกิดแสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ และทันใดนั้น นางก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นมนุษย์ต้นไม้ตนหนึ่ง

บนศีรษะเต็มไปด้วยใบไม้เขียวขจีแทนเส้นผม

หญิงชราซึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดประจำเผ่าจ้องมองภาพการถ่ายทอดสดที่กลับคืนมาอีกครั้ง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เป็นเปลือกไม้แข็งกระด้าง

แม้นี่จะเป็นการเดิมพันราคาสูง

แต่สุดท้าย นางก็ตัดสินใจได้ถูกต้อง

หลังจากนี้ ก็แค่รอให้เจี๋ยนเซียวเหยาทำตามคำสัญญาเท่านั้น

หญิงชราเชื่อว่าเจี๋ยนเซียวเหยาย่อมไม่ผิดคำสัญญาแน่นอน

เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังกังวานไปทั่วเมืองเยี่ยเฉิง

ในที่สุด ผู้ชนะการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ประจำปีนี้ก็ถูกประกาศออกมาแล้ว

เป็นปีศาจน้อยเจี๋ยนเซียวเหยา

เด็กหนุ่มผู้นี้สามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าทึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ

ตำนานของเขาจะถูกเล่าขานไปอีกนานแสนนาน

เทพเจ้าจำนวนมากมีปฏิกิริยาตอบรับแตกต่างกันไป

แต่ทุกคนล้วนรู้ดีว่าดินแดนทวยเทพจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

และฝ่ายที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดก็คือเผ่าเทพตะวัน

บัดนี้ สมาชิกของเผ่าเทพตะวันยังคงเศร้าเสียใจให้กับความพ่ายแพ้ของพานตั่วชิง เพราะพวกเขายังไม่รับทราบข่าวการตายของเทพตะวัน…

“เขายังไม่ตาย”

นักบวชสาวเซียงเหยียนอุทานออกมาด้วยความดีใจ

นางหันกลับมามองหน้าอาจารย์ของตนเอง

หญิงชราผมเทายังคงนั่งเงียบงัน ไม่แสดงสีหน้าท่าทีตื่นตกใจแม้แต่น้อย

รอยยิ้มบนใบหน้าของนักบวชสาวเซียงเหยียนค่อย ๆ จางหายไป

ดูเหมือนอาจารย์ของนางจะรู้อะไรบางอย่าง

คฤหาสน์ตระกูลฮัน

ฮันฉวินกับอันต้าหวงร้อนรุ่มใจเป็นอย่างยิ่ง

ฮันฉวินเดินกลับไปกลับมาอย่างอยู่ไม่สุข

อันต้าหวงเอาแต่ส่ายศีรษะไปมาจนเกือบเวียนหัว

“ทำไมลั่วเซวี่ยถึงยังไม่กลับมาอีก?”

“คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางหรอกกระมัง?”

“ภาวนาอย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย”

ทั้งสองคนต่างไม่สังเกตเลยว่าหน้าจอการถ่ายทอดสดกลับมาเป็นปกติดีแล้ว

จนกระทั่งฮันลั่วเซวี่ยเดินกลับมาผ่านซุ้มประตูที่พังทลายนั่นเอง สองสามีภรรยาจึงได้สติ ร่ำร้องออกมาด้วยความดีใจขณะวิ่งเข้าไปหาเด็กสาวว่า “เจ้าปลอดภัยดีใช่หรือไม่?”

ฮันลั่วเซวี่ยมีสีหน้าเยือกเย็นมากกว่าก่อนหายตัวไปหลายเท่า

“ท่านอา ท่านน้า ข้าน้อยขอโทษ ข้าน้อยเพียงแค่…”

ฮันลั่วเซวี่ยมีสีหน้ารู้สึกผิด เพียงเพราะนางเป็นห่วงพี่ใบ้มากเกินไป พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายจึงระเบิดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ และเกือบจะทำให้คฤหาสน์ทั้งหลังต้องพังถล่มลงไปแล้ว

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร…”

ฮันฉวินใช้สายตาสำรวจมองหลานสาวขึ้น ๆ ลง ๆ เมื่อพบว่านางปลอดภัยดี เขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “พวกเราเห็นเจ้าออกไปกับนักเวทชุดดำผู้นั้น…”

ฮันลั่วเซวี่ยตอบว่า “นักเวทผู้นั้นพาข้าน้อยไปรับชมการแข่งขันเจ้าค่ะ โชคดีที่พี่ใบ้เป็นผู้ชนะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮันฉวินและภรรยาจึงได้สังเกตเห็นว่าหน้าจอการถ่ายทอดสดกลับมาเป็นปกติดีแล้ว

การแข่งขันสิ้นสุดลงแล้ว

เมื่อเห็นว่าเจี๋ยนเซียวเหยาได้รับชัยชนะ แม้ฮันฉวินกับอันต้าหวงจะรู้สึกดีใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายความรู้สึกเจือปนอยู่ด้วยเช่นกัน

พวกเขาพลาดโอกาสได้ตัวเจี๋ยนเซียวเหยา

นี่คือโอกาสดีงามที่ในชีวิตจะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่โชคร้ายที่ฮันฉวินและภรรยาไม่สามารถไขว่คว้าเอาไว้ได้

หากตอนนั้น อันต้าหวงยอมช่วยเหลือเจี๋ยนเซียวเหยาบรรจุชื่อเขาเข้าร่วมการแข่งขัน เด็กหนุ่มผู้นี้ก็จะกลายเป็นคนของตระกูลฮันโดยสมบูรณ์ แล้วสถานะของตระกูลฮันก็จะถูกยกขึ้นอีกหลายระดับ เรียกได้ว่าในเมืองเยี่ยเฉิง พวกเขาแทบไม่ต้องหวาดกลัวผู้ใดอีก

น่าเสียดาย

อนาคตที่ดีงามเหล่านั้นกลับเป็นได้เพียงความฝันไปเสียแล้ว

ฮันฉวินกับภรรยาจมจ่อมอยู่กับความรู้สึกของตนเอง จึงไม่ทันสังเกตว่าฮันลั่วเซวี่ยกำลังพยายามควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติอย่างสุดความสามารถ แต่ถึงกระนั้น นางก็ยังไม่สามารถปิดบังความตื่นกลัวในดวงตาได้อยู่ดี

หัวใจของเด็กสาวยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ

เพราะภาพในม่านพลังที่นักเวทเท้าเปล่าเปิดให้นางดูนั้น เป็นภาพที่คนอื่นไม่ได้เห็น

ใต้เท้าฉางตายแล้ว

เทพตะวันตายแล้ว

เทพเจ้าระดับสูงทั้งสองท่านแห่งสภาเทพเจ้าล้วนตายแล้ว!

หากข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ไม่ทราบเลยว่าดินแดนทวยเทพจะเกิดความวุ่นวายโกลาหลเพียงใด?

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ การที่นางได้ล่วงรู้สิ่งที่ไม่ควรรู้เช่นนี้ จะนำอันตรายมาสู่ตระกูลฮันหรือไม่?

ในเวลาเดียวกันนี้

เด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำค่อย ๆ เดินกลับเข้าไปในวิหารใหญ่ของใต้เท้าเหลียน รอยยิ้มอย่างเป็นปริศนาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง

“ชักน่าตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ”

นางก้มหน้าต่ำ มุมปากยกตัวเป็นรอยยิ้ม