ตอนที่ 2483 มิตรสหายต่างทอดทิ้ง

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นกลัว!

พลังที่สามารถควบคุมทั้งโลกหล้าไว้ได้นั้นมันน่ากลัวจนเกินรับ

เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่คิดจะไปเปิดดูความลับอันนี้เสียแต่แรก

เพราะหากเปิดขึ้นมาแล้วมันคงมีแต่ต้องเผชิญหน้า

มันเหมือนกับเหล่านักยุทธในโลกใบน้อยของเขานั้น ไม่ว่าพวกเขาจะบ่มเพาะกันไปสักเท่าใดมันก็ไม่มีทางเอาชนะตัวเขาได้

แล้วคนเราจะเอาพลังใดไปชนะเจ้าโลกของตน?

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ต้องขออภัยจริงๆ แต่ข้าต้องทำ เพราะหากข้าไม่ทำนั้นข้าก็จะไม่อาจปลดปล่อยลี่เอ๋อได้ แต่ท่านวางใจเถอะ ไม่ว่าอีกฝ่ายนั้นมันจะเป็นใครข้าก็จะเป็นคนรับมือมันเอง!”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ยิ้มตอบกลับไปด้วยใบหน้าเหยเก “รับมือ? แล้วเจ้าจะเอาอะไรไปรับมือตัวตนนั้น?”

เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับไป “บางทีข้าอาจจะหลุดพ้นจากโซ่ตรวนได้จริง?”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ที่ได้ยินนั้นต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะร้องขึ้น “ม-มันเป็นเรื่องจริงหรือ?”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้านั้นรู้สึกได้ชัดเจนว่าอาณาจักรบ่มเพาะของข้ามันยังจะไม่จบลงเท่านี้! เพียงแค่ว่าในตอนนี้ข้ายังไม่อาจจะหาทางก้าวผ่านขึ้นไปได้”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นเบิกตากว้างขึ้นมา “มันเป็นไปได้อย่างไร? เจ้าฟ้าดินห้าทลายนั้นมันคือจุดจบของการบ่มเพาะแล้ว เจ้า… เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”

เย่หยวนจึงตอบกลับไป “แท้จริงที่พวกหลินเฉาเถียนมันเดานั้นก็ถูกมาครึ่งทางแล้ว ข้านั้นแข็งแกร่งขึ้นมาได้เพราะเขาน้อยแห่งถงเทียนจริง เพียงแค่ว่าสิ่งที่ข้าพึ่งพามากที่สุดนั้นมันมิใช่เขาน้อยแห่งถงเทียนแต่เป็นวรยุทธบ่มเพาะที่ข้าสร้างขึ้นเองจากเขาน้อยแห่งถงเทียน มันเป็นเพราะวรยุทธบ่มเพาะนี้เองที่ทำให้ข้าเป็นข้าได้ในทุกวันนี้ แต่น่าเสียดายที่ท่านนั้นได้สร้างและพัฒนาโลกใบน้อยของตนเองขึ้นมาจนสำเร็จสมบูรณ์แล้วจึงไม่อาจจะเอาวรยุทธบ่มเพาะนี้ไปปรับใช้ใดๆ ได้อีก”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นเบิกตากว้างขึ้น “วรยุทธบ่มเพาะที่สามารถก้าวข้ามโซ่ตรวน! ล-แล้วพวกเราทั้งหลายบ่มเพาะผิดพลาดกันอย่างไร?”

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะตอบกลับมา “โลกใบน้อยของข้านั้นมันไม่ได้เปิดขึ้นมาด้วยตนเอง แต่มันเป็นการค่อยๆ พัฒนาขึ้นมาจากความว่างเปล่า ตอนที่พวกท่านทั้งหลายบ่มเพาะไปถึงอาณาจักรเจ้าฟ้าดินนั้นมันเป็นจุดจบการพัฒนาของโลกใบน้อย แต่โลกใบน้อยของข้านั้นกลับยังพัฒนาไม่ถึงที่สุด เพราะฉะนั้นตัวข้าจึงไม่ต้องพบเจอกับทุกข์ทลายใดๆ”

เวลานี้หัวใจของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นมันเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากปาก

คำพูดของเย่หยวนนี้มันทำให้โลกตรงหน้าของเขาแทบแตกสลายลง

โลกใบน้อยของเย่หยวนนั้นกลับยังพัฒนาไม่สุด!

กลายเป็นว่าวรยุทธบ่มเพาะของคนทั้งหลายบนมหาพิภพถงเทียนนั้นผิดพลาด!

แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเย่หยวนได้เริ่มก้าวเดินและเบิกเส้นทางนี้มาด้วยตัวเอง!

พรสวรรค์ของเขานี้มันไม่อาจจะสรรหาคำใดมาอธิบาย

คนอื่นๆ นั้นใช้คำนับหมื่นนับล้านมาอธิบายพรสวรรค์

แต่เย่หยวนนั้นกลับเป็นเพียงแค่คนเดียวบนมหาพิภพถงเทียนที่ทำได้!

ในหมู่ชีวิตนับล้านๆ นั้น มีเพียงแค่เขาคนเดียว!

หลังจากผ่านไปได้พักใหญ่ๆ จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ก็กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “ไม่แปลกใจเลย! ไม่แปลกใจเลยจริงๆ ตอนที่จักรพรรดิผู้นี้ทำนายมันถึงไม่อาจจะเห็นดวงชะตาใดๆ เจ้าได้ เพราะดวงชะตาของเจ้านั้นมันไม่ได้ถูกบันทึกอยู่ในเต๋าสวรรค์ มีหรือที่ผู้อยู่ใต้เต๋าสวรรค์อย่างข้าจะไปหาเจอได้? เด็กชะตาไร้คาดเดาใด รัศมีชะตาใดๆ ไร้สาระสิ้นดี มันไม่มีสิ่งเหล่านั้นอยู่บนตัวเจ้าเลย!”

ระหว่างที่คนทั้งสองพูดคุยกันไปเจียนหยุนซินก็ก้าวเข้ามา

“ท่านนักบุญฟ้าคราม ท่านพ่อ เวลานี้มันมีเจ้าฟ้าดินสี่ทลายผู้หนึ่งนามจางเจิ้นบอกว่ามีเรื่องด่วนจะขอเข้าพบท่านนักบุญฟ้าคราม” เจียนหยุนซินกล่าว

เย่หยวนจึงถามกลับไป “เขาว่าอย่างไรบ้าง?”

เจียนหยุนซินส่ายหัวตอบ “เขาไม่บอกใดๆ แค่บอกว่ามีเรื่องด่วนมากและต้องการพบท่านเป็นการด่วน”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ให้เขาเข้ามาเถอะ”

ไม่นานชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในชุดสุดฟ้าน้ำเงินก็เดินตามเจียนหยุนซินเข้ามา

วินาทีที่เขาได้เห็นเย่หยวนนั้นเขาก็รีบคุกเข่าลงทันที “ข้าน้อยจางเจิ้นขอคารวะท่านนักบุญฟ้าคราม ท่านเฉียนจี้!”

เย่หยวนพยักหน้า “ลุกเถอะ เจ้ามีเรื่องใดถึงมาหาข้าหรือ?”

จางเจิ้นนั้นรีบหยิบเอาหินหน้าตาประหลาดก้อนหนึ่งออกมา แต่วินาทีที่หินนี้ปรากฏคลื่นพลังยอดเต๋ามันก็ซัดเข้าจนล้นโถงใหญ่

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นต้องเบิกตากว้างขึ้นก่อนจะร้องลั่น “ตราถงเทียน!”

เย่หยวนหันกลับไปถาม “เจ้าหินก้อนนี้คือตราถงเทียน?”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้พยักหน้ารับทันที “คลื่นพลังเช่นนี้ไม่มีผิดแน่!”

จางเจิ้นกล่าวขึ้นตาม “ข้าน้อยนั้นมาเพื่อจะขอมอบตราถงเทียนนี้ให้ท่านนักบุญฟ้าคราม!”

เย่หยวนจึงเบิกตากว้างถามขึ้น “สมบัติล้ำค่าเช่นนี้เจ้ากลับคิดจะมอบมันให้ข้า?”

จางเจิ้นพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล “ขอรับ!”

เย่หยวนที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วถามขึ้น “เจ้าลองบอกเหตุผลมาได้หรือไม่?”

จางเจิ้นจึงตอบ “หากให้พูดสารภาพตามตรงแล้ว ข้าน้อยนั้นเป็นลูกน้องของเต๋าบรรพกาลชีวิต! ตราถงเทียนนี้เองข้าก็ออกไปไล่ล่ามาจากยอดฝีมือมากมายเพราะคำสั่งของเขานั้น!”

เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ยิ่งสงสัยจับใจ

ลูกน้องของหลินเฉาเถียนกลับเอาตราถงเทียนมาให้เขา?

จางเจิ้นกล่าวขึ้นมาต่อ “แต่ข้าน้อยนั้นไม่อาจจะทนทำงานภายใต้คนหน้าไม่อายเช่นนั้นได้อีกแล้ว! ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นเข้าใจเรื่องสำคัญและมีเมตตาต่อทุกชีวิตนักยุทธ ความยิ่งใหญ่ของจิตใจท่านนั้นมันทำให้คนทั้งโลกต้องตกตะลึง ข้านั้นเองก็ชื่นชมเคารพท่านนักบุญฟ้าครามสุดใจ! เพราะฉะนั้นข้าน้อยจึงคิดจะเอาตราถงเทียนนี้มามอบให้ท่าน! และหากจะให้พูดตรงๆ เลยก็คือข้าน้อยนั้นยังมีตราถงเทียนอีกชิ้นหนึ่งอยู่กับตัว ข้าแค่หวังว่าท่านนักบุญฟ้าครามจะช่วยคุ้มครองข้าและไปส่งยังเขาแห่งถงเทียน!”

เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็เข้าใจทันที

การแย่งชิงตำแหน่งเต๋าบรรพกาลในครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนไปมาก

เพราะพวกเขาทั้งหลายเหล่าเจ้าฟ้าดินนี้ ต่างเป็นได้แค่คนรับใช้ของเต๋าบรรพกาลรุ่นก่อน

หากมิใช่คนรับใช้แล้วย่อมจะไม่มีสิทธิ์ได้เข้าไปเสียด้วยซ้ำ

เพราะฉะนั้นใครที่สามารถหาตราถงเทียนมาได้ สุดท้ายพวกเขาก็คงต้องไปก้มหัวให้หนึ่งในกองกำลังที่มีอยู่

ทางด้านเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นพวกเขาเสื่อมเสียชื่อเสียงไปมากมายเวลานี้แม้แต่ลูกน้องของพวกเขาเองก็ยังไม่อยากจะรับใช้คนทั้งหลายนั้นอีกแล้ว!

จางเจิ้นผู้นี้จึงคิดมาขอการคุ้มครองจากเย่หยวน

เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ได้ยินนั้นเขาก็อดหัวเราะลั่นขึ้นไม่ได้ “โฮะๆ ที่เคารพของคนหมู่มาก! นักบุญฟ้าครามนั้นมีนามเลื่องลือไปทั่วทั้งมหาพิภพถงเทียน! ข้านั้นคิดว่าตัวจางเจิ้นนี้คงเป็นแค่จุดเริ่มต้น จากนี้ไปมันคงมีนักยุทธอีกมากมายที่คิดมาขอความคุ้มครองจากเจ้า”

จางเจิ้นกล่าวขึ้นตาม “ขอรับ! ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นมีชื่อเสียงเลื่องลือในหมู่ยอดคนรุ่นข้ามากนัก! ใครก็ตามที่ได้ยินนามของนักบุญฟ้าครามพวกเขาต่างอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชม”

เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ไม่รู้จะต้องตอบกลับไปอย่างไร

เพราะเขานั้นก็ไม่ได้นึกฝันว่ามันกลับจะมีเรื่องเช่นนี้

แต่ว่าเขานั้นกลับส่ายหัวขึ้น “ไปเสียเถอะ ข้าปกป้องคุ้มครองเจ้าไม่ได้”

จางเจิ้นผงะไปก่อนจะรีบกล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว “น-นายท่านทำไมกันเล่า? หรือว่า… นายท่านไม่คิดรับข้าไว้เพราะประวัติของข้านี้?”

เย่หยวนส่ายหัวขึ้น “มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องประวัติของเจ้า เพียงแค่ว่าข้านั้นคิดไปเขาแห่งถงเทียนจริง แต่ข้านั้นจะไม่ได้ไปแย่งชิงผลึกแห่งกฎใดๆ กับคนทั้งหลายและคงไม่อาจอยู่ปกป้องเจ้าได้”

จางเจิ้นที่ได้ยินนั้นต้องอ้าปากค้างขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ “น-นายท่านกลับไม่คิดจะเป็นเต๋าบรรพกาลหรือ?”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้านั้นจะไปที่เขาแห่งถงเทียนก็เพื่อหาหยาดชีวา ไม่สนใจตำแหน่งหรือพลังเต๋าบรรพกาลใด”

จางเจิ้นนั้นถึงกับอ้าปากนั่งนิ่ง

เวลานี้ยอดฝีมือทั่วมหาพิภพถงเทียนต่างคิดแย่งชิงตำแหน่งเต๋าบรรพกาลกันอย่างบ้าคลั่ง

เวลานี้ในโลกภายนอกมันมีคนตายมากมายนับล้านๆ เพียงเพื่อจะแย่งชิงเอาตราถงเทียนนี้ไป

แต่ยอดคนที่แท้จริงนั้นกลับไม่คิดสนใจจะไปแย่งชิงตำแหน่งเต๋าบรรพกาล!

เขานั้นหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น “นายท่านรับตราถงเทียนนี้ไว้ด้วยเถอะ ข้านั้นแค่ขอให้นายท่านพาข้าเข้าไปยังเขาแห่งถงเทียนก็เพียงพอแล้ว หลังจากเข้าเขตของเขาแห่งถงเทียนไปได้ข้าน้อยจะไปหาโชคตามทางของตนเอง นายท่านคิดอย่างไร?”

ก่อนที่เย่หยวนจะทันได้ปฏิเสธออกมาอีกครั้งนั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ก็กล่าวขึ้นแทรก “ท่านนักบุญฟ้าคราม หากเจ้าปฏิเสธไปแล้วเขาก็คงมีแต่ต้องกลับไปหาเต๋าบรรพกาลทั้งหลายนั้น ด้วยนิสัยของคนทั้งหลายนั้นมันคงใช้ตัวเขาผู้นี้อย่างถึงที่สุดเป็นแน่ ข้าเกรงว่าสุดท้ายเขาอาจจะไม่รอดชีวิตเสียด้วยซ้ำ เวลานี้นอกจากเจ้าแล้วมันไม่มีใครที่จะรับรองความปลอดภัยของพวกเขาได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นตัวเจ้าก็คงไม่ปล่อยพวกมันทั้งเก้านั้นไว้นานนัก เช่นนั้นแล้วมันจะต้องมีคนที่ก้าวขึ้นมาทดแทนตัวพวกมันมิใช่หรือ?”

………………………..