ตอนที่ 2484 รับผลที่จะตามมาเอง

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ปัง!

เก้าอี้นั่งของเต๋าบรรพกาลสายฟ้านั้นแตกสลายลงสิ้น

เขานั้นกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเขากำลังไม่พอใจอย่างมาก

“เจ้าหมูหมาพวกนี้ บรรพกาลผู้นี้ดูแลมันมาอย่างดีเท่าใด มันกลับกล้าคิดหักหลังบรรพกาลผู้นี้หรือ?” เต๋าบรรพกาลสายฟ้านั้นร้องลั่นขึ้น

ไม่ไกลออกไปนั้นผางเจิ้นก็ตอบสวนกลับไป “ท่านบรรพบุรุษ เรื่องนี้มันเป็นความเห็นของคนส่วนมากไปแล้ว! สิ่งที่ท่านทั้งหลายตัดสินใจลงมือทำนั้นมันเป็นที่น่ารังเกียจของคนทั้งแผ่นดิน ทำไมพวกเขาจึงจะยังมายืนหยัดอยู่ข้างท่านด้วยเล่า?”

เต๋าบรรพกาลสายฟ้าจึงหรี่ตาลงกล่าวด้วยท่าทางไม่พอใจ “หุบปาก เจ้าเด็กไม่รักดี! เจ้าเองก็คิดจะไปอยู่กับมันด้วยหรือ?”

“ใช่แล้ว!” ผางเจิ้นตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล

ตูม!

คลื่นพลังกดดันหนักหน่วงรุนแรงปะทุขึ้นมาพร้อมฝ่ามือของเต๋าบรรพกาลสายฟ้าที่มาจ่อหัวของผางเจิ้นในพริบตา

อีกแค่เส้นผมมันก็จะจบชีวิตผางเจิ้นลง!

แต่ผางเจิ้นนั้นกลับยืนนิ่งไม่คิดหลบ มองตาของเต๋าบรรพกาลสายฟ้าด้วยความหนักแน่นจนน่ากลัว

ราวกับว่าเขานั้นไม่สนใจชีวิตของตนเลยแม้แต่น้อย

เต๋าบรรพกาลสายฟ้านั้นโกรธเคืองอย่างมาก แต่เขานั้นจะทำอย่างไรก็ไม่อาจทำใจกระแทกฝ่ามือนี้ลงได้

“ไสหัวไป! ไปให้พ้นหน้าบรรพกาลผู้นี้! วันหน้าให้ถือว่าเจ้านั้นมิใช่คนตระกูลผางอีกต่อไป!” เต๋าบรรพกาลสายฟ้าร้องลั่น

ผางเจิ้นนั้นคุกเข่าลงต่อหน้าเต๋าบรรพกาลสายฟ้าก่อนจะกล่าว “ไม่ว่าท่านบรรพบุรุษนั้นจะยอมรับหรือไม่ ข้าก็จะเป็นสมาชิกตระกูลผางเสมอไป!”

พูดจบเขาก็ลุกเดินจากไปทันที

และภาพเช่นนี้มันก็เกิดขึ้นในทุกๆ วังพำนักของเต๋าบรรพกาลทั้งหลาย

เหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นถูกมิตรสหายทอดทิ้งสิ้นจนแทบจะกลายเป็นแม่ทัพไร้ทหาร

ความคับแค้นในจิตใจของพวกเขานั้นมันคงพอคาดเดาได้ไม่ยาก

มันมีหลายต่อหลายคนที่เป็นถึงขั้นทายาทสายเลือดตรงของเต๋าบรรพกาล อย่างเช่นตัวผางเจิ้นนี้ที่หนีออกไปจากค่ายกำลังของพวกเขา

เพราะว่าเวลานี้พวกเขานั้นมีทางเลือกชีวิตที่ดีกว่า

ในวันนี้ที่หน้าเขาแห่งถงเทียนนั้นอดีตเต๋าบรรพกาลทั้งเก้ารวมไปถึงบรรพบุรุษทั้งแปดตระกูลของเผ่าเทวาต่างมากันพร้อมหน้า

ทางด้านฝั่งเผ่าเทวานั้นมันมีจำนวนผู้คนราวๆ ร้อยกว่าคนได้ที่มากับบรรพบุรุษทั้งหลาย

ส่วนทางด้านฝั่งเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นมันกลับดูรกร้างแทบไม่เห็นเงาผู้คน

เมื่อเทียนชิงได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดยิ้มเย้ยขึ้นไม่ได้ “หึๆ เต๋าบรรพกาลผู้สูงส่งนั้นกลับมีคนติดตามเพียงเท่านี้ จะไม่สมเกียรติเกินไปหรือไม่?”

หลินเฉาเถียนได้แต่ตอบกลับไปด้วยใบหน้าเหยเก “ผลึกแห่งกฎมันมีแค่ไม่กี่ชิ้น จะเอาคนมามากมายทำไมเล่า?”

เทียนชิงนั้นยิ้มรับขึ้นเหมือนเข้าใจ “อ่า ที่แท้เป็นเช่นนั้น! ฮ่าๆๆ…”

เสียงหัวเราะนั่นมันเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน

หลินเฉาเถียนและพวกนั้นกัดฟันแน่นด้วยความไม่พอใจ

แต่ในเวลานั้นเองที่มันได้เกิดเงาดำขึ้นที่เส้นขอบฟ้า

คนทั้งหลายต่างต้องหันหน้าไปมองดูการมาถึงของเย่หยวนนี้!

จุดดำๆ ที่ขอบฟ้านั้นมันค่อยๆ ปรากฏชัดเจนและขยายตัวใหญ่ขึ้น เวลานี้เย่หยวนได้เหินตัวนำคนมากมายราวหกถึงเจ็ดร้อยคนมา

หมูสมบัตินั้นเองก็กำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของเย่หยวน

ข้างๆ กายเย่หยวนนั้นมีมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้และพวกมาพร้อมหน้า

ในหมู่คนที่ตามเย่หยวนมานั้น ส่วนมากคงเรียกได้ว่าเป็นเจ้าฟ้าดินห้าทลาย

ตราถงเทียนที่กระจายออกไปทั่วมหาพิภพนั้นมันมีอยู่หนึ่งพันแปดสิบชิ้น แต่ฝ่ายเย่หยวนนั้นกลับได้รับมันไปมากกว่าครึ่งของจำนวนนั้น มากกว่าจำนวนของอีกสองฝ่ายรวมกันด้วยซ้ำไป

แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าชื่อเสียงความยิ่งใหญ่ของเย่หยวนเหนือล้ำคนทั้งหลายไปเท่าใด

ได้เห็นเงาร่างอันคุ้นเคยที่เหินติดตามเย่หยวนมานั้นเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายต่างก็ต้องกัดฟันแน่น

“จางเจิ้น! วังจิน! ซู่เจิง! พวกเจ้ามันดีกันเสียจริง! ดีมาก!” หลินเฉาเถียนนั้นร้องลั่นขึ้นมาด้วยความคับแค้นสุดใจ

จางเจิ้น วังจินและซู่เจิงทั้งสามนั้นเป็นนายทัพใหญ่ที่หลินเฉาเถียนเชื่อใจมาก

หลินเฉาเถียนนั้นก็รู้ดีว่าชื่อเสียงของเขานั้นมันแทบไม่เหลือชิ้นดีแล้วจึงได้ส่งออกไปแค่เหล่าคนสนิทที่เขาไว้ใจ

แต่ก็ไม่นึกฝันว่าแม้แต่เหล่าคนสนิทนั้นเองก็ยังจะทรยศตัวเขาไปด้วย

ลูกน้องที่เขาส่งออกไปนั้นมันมีคนกลับมาเพียงไม่ถึงครึ่ง

เวลานี้เมื่อได้เห็นจางเจิ้นและพวกกอปรกับคำเย้ยของเทียนชิงนั้น มีหรือที่เขาจะยังอดทนรับความคับแค้นนี้ไว้ได้?

เมื่อสัมผัสได้ว่าหลินเฉาเถียนนั้นมองมาพวกจางเจิ้นทั้งหลายก็หน้าซีดขาวลงทันที

เพราะอย่างไรเสียพลังของหลินเฉาเถียนมันก็ยังสุดแสนแข็งแกร่ง

“หึ! หลินเฉาเถียน เจ้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าทำลงไปนั้นมันคืออะไร? พวกเจ้าเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ตราบเท่าที่มันผู้นั้นไม่ได้พิการทางสมองแล้วมันย่อมจะไม่มีใครคิดทำงานรับใช้คนอย่างเจ้าอีก!” มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลกล่าวขึ้นมา

หลินเฉาเถียนนั้นพัฒนาพลังของตนขึ้นไปถึงระดับของกฎได้และทำท่าพร้อมจะลงมือทุกเมื่อ

“เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นบรรพกาลผู้นี้ก็อยากจะรู้เหลือเกินว่ามันจะปกป้องพวกเจ้าได้หรือไม่!”

เมื่อหลินเฉาเถียนได้ปลดปล่อยพลังออกมานั้นคลื่นพลังมันก็ทำให้สีหน้าของคนทั้งหลายเปลี่ยนสีไป

เย่หยวนนั้นแข็งแกร่งแต่เขาก็ยังไม่ก้าวขึ้นถึงระดับของกฎ

ที่สำคัญไปกว่านั้นวิชาใหญ่อย่างเก้ามังกรจุติโลกมันก็ไม่แน่ว่าจะจัดการหลินเฉาเถียนลงได้หรือไม่

หลินเฉาเถียนนั้นสังหารเย่หยวนไม่ได้จริง แต่หากคิดอยากสังหารพวกจางเจิ้นทั้งหลายนั้นเย่หยวนเองก็คงไม่อาจปกป้องใด

คนทั้งหลายนี้คิดไปพึ่งการปกป้องจากเย่หยวนแต่พวกเขาก็ไม่นึกฝันว่าหลินเฉาเถียนจะเด็ดขาดเตรียมลงมือสังหารตั้งแต่หน้าเขาแห่งถงเทียนเช่นนี้

อีกด้านหนึ่งทางเทียนชิงนั้นก็ยืนมองภาพนี้ด้วยรอยยิ้มเหมือนกำลังดูเรื่องตลก

การปะทะกับเองของฝ่ายมนุษย์ มีหรือที่เขาจะไปคิดห้าม?

“หึ มันยังมีบรรพกาลผู้นี้ด้วย!”

เต๋าบรรพกาลไฟกล่าวขึ้นพร้อมด้วยพลังกฎแห่งไฟที่พลุ่งพล่าน

“ของเช่นนี้มีหรือที่บรรพกาลผู้นี้จะพลาดได้?” เต๋าบรรพกาลทำลายล้างก้าวขึ้นมาพร้อมร่วมวง

เต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นแสดงท่าทีพร้อมเข้าปะทะเต็มแรง

พวกเขาทั้งหลายนั้นต่างเสียลูกน้องกันไปมากมาย เวลานี้ความคับแค้นที่มีในจิตใจมันจึงปะทุขึ้นมา

เวลานี้เมื่อมีโอกาสทำให้เย่หยวนเสียหน้าแล้ว มีหรือที่พวกเขาจะปล่อยมันผ่านไปได้ง่ายๆ

คนทั้งหลายนั้นหันมามองดูอดีตลูกน้องของตนโดยพร้อมจะขย้ำ เป็นท่าทางที่เหมือนกำลังคิดกดดันเย่หยวน

แต่ฝั่งเย่หยวนนั้นมองกลับไปด้วยใบหน้านิ่งเฉยราวกับว่าคนทั้งหลายนี้ไม่มีตัวตน

แต่วินาทีต่อมานั้นเองที่ร่างของเย่หยวนมันจางหายไป!

วินาทีเดียวกันนั้นเขาก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าเต๋าบรรพกาลไฟเสียแล้ว

เต๋าบรรพกาลไฟนั้นหน้าซีดขาวลงก่อนจะร้องลั่น “รนหาที่ตาย!”

คลื่นพลังกฎแห่งไฟนั้นมันปะทุขึ้นทันที

มันราวกับว่าสวรรค์เปลี่ยนสี ท้องฟ้ามันถูกย้อมไปด้วยสีแดงอันแผดเผา

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดสนใจความร้อนรุ่มใดๆ นี้และยกนิ้วขึ้นมาชี้เต๋าบรรพกาลไฟ

สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันเปลี่ยนกลายเป็นเหมือนดั่งดาบคมกริบ

ดาบคมกริบที่ตัดขาดสวรรค์ออกจากกันได้!

ได้เห็นเช่นนั้นสีหน้าของพวกหลินเฉาเถียนทั้งหลายก็ซีดขาวลง

“พลังกฎเต๋าดาบ! เขา… เขานั้นกลับเป็นมหาบรรพกาลอย่างแท้จริงแล้ว!” หลินเฉาเถียนร้องขึ้นมา

เวลานี้ร่างกายของเย่หยวนนั้นมันปล่อยพลังแห่งกฎที่แสนเย็นเยือกออกมา

ความคมของร่างกายเขานั้นมันแทบจะตัดขาดดวงดาวออกจากกัน ทำให้คนทั้งหลายแทบไม่อาจมองดูร่างของเย่หยวนตรงๆ!

เทียนชิงที่เดิมทีมองดูเรื่องตลกกลับต้องเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกตะลึง

เขานั้นก็ไม่นึกฝันว่าเย่หยวนนั้นกลับจะก้าวขึ้นไปถึงระดับของมหาบรรพกาลได้รวดเร็วปานนี้

คนผู้นี้มันมีความเร็วการพัฒนาที่เหลือเชื่อไปมาก!

ขณะที่คนทั้งหลายยังคงตกตะลึงนั้นเย่หยวนก็ปะทะพลังเข้ากับเต๋าบรรพกาลไฟ

ตูม!

คลื่นพลังรุนแรงนั้นกระแทกออกมาจนหลายต่อหลายคนต้องถอยหลังไป

เต๋าบรรพกาลไฟนั้นกระอักเลือดออกมาพร้อมลอยลิ่วไปด้านหลัง!

เทียนชิงหรี่ตาลงกล่าวขึ้นทันที “ช่างเป็นดาบที่รวดเร็วและเฉียบคมนัก! ช่าเป็นดัชนีที่รุนแรงล้ำ! ดัชนีนี้มันกลับเก็บพลังไว้ภายในไม่คิดปลดปล่อยออกมา ผสานพลังของเต๋าดาบไว้จนถึงที่สุดก่อนจะระเบิดพลังออกมาช่วงสุดท้าย วิชาเช่นนี้มันเหนือล้ำกว่าวิชาไฟของเต๋าบรรพกาลไฟไปมากนัก! วินาทีที่เย่หยวนก้าวขึ้นมาถึงระดับมหาบรรพกาลนั้นกำลังของมันก็เหนือล้ำกว่าตัวมหาบรรพกาลดาบภูมิไปแล้ว ขึ้นไปถึงระดับที่ไม่อาจคาดเดาและเข้าถึงได้! ในหมู่เต๋าบรรพกาลทั้งเก้านี้มันคงมีแต่หลินเฉาเถียนเท่านั้นที่พอจะต้านทาน คนอื่นๆ คงไม่อาจรับมือเขาได้เลย!”

คำพูดนี้มันลอยไปเข้าหูใครหลายๆ คน

และทุกคนที่ได้ยินต่างก็อ้าปากค้างขึ้นมาตามๆ กัน

แค่ดัชนีเดียวนี้ก็จัดการเต๋าบรรพกาลไฟได้!

กำลังนี้มันทำให้คนทั้งหลายตกตะลึง รวมไปถึงหลินเฉาเถียนด้วย!

เย่หยวนนั้นเก็บมือมาไพล่หลังก่อนจะหันไปหาหลินเฉาเถียน “เจ้าลงมือเถอะ แต่จงรับผลที่จะตามมาเอง”

คำประกาศอันยโสนี้มันทำให้คนทั้งหลายแทบลืมหายใจ

หลินเฉาเถียนนั้นได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมา

เสียหน้าอย่างใหญ่หลวง!

……………………….