ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1138 พิธีฉลองครบรอบสามปี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“การค้าขายของตึกความลับฟ้าไม่มีอะไรต้องพูดถึงจริงๆ”

นอกโลกซ้อนโลก ในดินแดนอุดมสมบูรณ์ของมิติต่างแดนที่เร้นลับแห่งหนึ่งท่ามกลางความว่างเปล่าไร้สิ้นสุด คนหนุ่มสองคนนั่งหันหน้าหากัน

คนหนุ่มอาภรณ์ขาวในนี้ยกแผ่นหยกในมือ สีหน้าซับซ้อน “พี่ใหญ่ เยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้หรือว่าจะฝึกฝนคัมภีร์เกิดนภาด้วย ไม่อย่างนั้นเขาจะทราบถึงความลับที่หายสาบสูญไปนานจำนวนมากปานนั้นได้อย่างไร”

คนหนุ่มอาภรณ์ขาวเป็นคุณชายดินเฉินคุนหัว

และคนหนุ่มอาภรณ์ม่วงที่พิงอยู่บนเก้าอี้ไม้โบราณอย่างเกียจคร้านตรงข้ามเขาย่อมเป็นเฉินเฉียนหัว ประมุขทิศบน

“ตึกความลับฟ้าสร้างอะไรมาอีกหรือ” เฉินเฉียนหัวมีสีหน้าสนอกสนใจ

ไม่รอเฉินคุนหัวตอบ หลังจากเขาตาเป็นประกายอยู่หลายครั้ง ก็ถามเองตอบเอง “อ้อ โอสถละชีวัน?”

“ไม่ผิด เป็นโอสถละชีวัน” เฉินคุนหัวเคยชินกับพฤติกรรมของพี่ชายอยู่แล้ว

โอสถละชีวัน ถือเป็นโอสถวิญญาณชนิดหนึ่งก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ และเป็นของวิเศษของขุมกำลังวรยุทธ์ขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ถ่ายทอดอย่างเป็นความลับ

หลังจากจอมยุทธ์กินเข้าไปแล้วจะเพิ่มพลังของตัวเองได้มากในระยะเวลาสั้นๆ แต่หลังจากฤทธิ์ยาหมดแล้วจะอ่อนแอถึงขีดสุด อีกทั้งรากฐานลมปราณได้รับความเสียหาย ถ้าหากไม่ได้รับการแก้ไขที่มีประสิทธิภาพ จะมีอาการตกค้างที่ค่อนข้างรุนแรง

แต่ว่าการเสี่ยงชีวิตในห้วงเป็นตายกลับเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะสามารถช่วยให้ตัวเองหนีเอาชีวิตรอด หรือพลิกสังหารอีกฝ่ายได้

ฤทธิ์ยาไม่ได้มีประโยชน์กับยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ปีนขึ้นสะพานเซียนนัก หลักๆ แล้วจะสามารถใช้กับจอมยุทธ์ที่อยู่ต่ำกว่าขั้นสะพานเซียนลงไปได้มากกว่า

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็มีประสิทธิผลแข็งแกร่งยิ่ง

หากไม่ใช่ก่อนหน้านี้ไม่มีวัตถุดิบหลัก ในตอนที่ระดับพลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอยังต่ำ เขาคงคิดจะเตรียมไว้ใช้สักหลายชิ้น

ดังนั้นพอเสนอออกมา โอสถละชีวันก็กลายเป็นของวิเศษที่ขายดียิ่ง

“ของวิเศษจำนวนมากที่ตึกความลับฟ้าแห่งนี้ขายเหมือนกับการจับคู่กัน” เฉินคุนหัวยิ้มอย่างหนักใจ “ไม่ต้องพูดถึงกระดานก่อนพิรุณและสากทำลายค่ายกล หากซื้อยันต์เหลืองฟ้าเร้นเจ็ดทบมาก่อน จากนั้นก็ซื้อศิลาสะกดมิติ แม้แต่คนที่ไม่ได้ซื้ออย่างข้ายังต้องด่าว่าหน้าเลือด”

ศิลาสะกดมิติ เป็นของประหลาดที่แพร่หลายก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ประโยชน์และความสามารถของมันคือการสะกดมิติแถบหนึ่งได้ในระยะเวลาสั้นๆ ผนึกเอาไว้จนทำให้ผู้คนยากเข้าไป

จอมยุทธ์ที่มีพลังฝึกปรือแข็งแกร่งมากพอและเข้าใจถึงความลี้ลับของมิติเวลาอย่างล้ำลึก สามารถทดลองทำลายได้ แต่ยอดฝีมือเช่นนี้ไม่น่าจะใช้ยันต์เหลืองฟ้าเร้นเจ็ดทบ

ดังนั้นหากมองในมุมหนึ่ง ศิลาสะกดมิตินี้สะกดยันต์เหลืองฟ้าเร้นเจ็ดทบได้พอดี

เทียบกับสากทำลายค่ายกลที่สะกดค่ายกลในใต้หล้าแล้ว กระดานก่อนพิรุณเพียงถูกผลกระทบอ้อมๆ แต่ศิลาสะกดมิตินี้มีผลจำกัดยันต์เหลืองฟ้าเร้นเจ็บทบมากกว่า

“ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ วรยุทธ์รุ่งเรืองมากกว่าปัจจุบัน หลายๆ ครั้งเมื่อการปรากฏขึ้นของวรยุทธ์อย่างหนึ่งหรือของวิเศษอย่างหนึ่ง พร้อมกับเวลาที่ผ่านไปก็จะมีวิธีสะกดเกิดขึ้นตามมา” เฉินเฉียนหัวกล่าวอย่างไม่สนใจ “เรื่องคล้ายๆ กันนี้มีอยู่มากมาย ไม่น่าประหลาดใจ”

“เวลาเพียงสามปี ตึกความลับฟ้าเสนอของวิเศษสามสิบสี่อย่างที่หายสาบสูญไปหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่!” เฉินคุนหัวส่ายหน้าติดต่อกัน “สามสิบสี่อย่าง! ยังไม่นับของวิเศษที่เขารับทำตามคำขอของคนอื่นๆ ไม่อย่างนั้นข้าสงสัยว่าจะมีมากกว่าห้าสิบชนิด”

ตั้งแต่ตึกความลับฟ้าเปิดอย่างเป็นทางการ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสามปีแล้ว

การเปิดตึกอีกครั้งในเดือนต่อไปจะเป็นการครบรอบสามปีพอดี

ในเวลาสามปีนี้ ตึกความลับฟ้าได้กลายเป็นธุรกิจและตึกขายของวิเศษที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกซ้อนโลก กลายเป็นการดำรงอยู่ที่เหมือนกับตำนานในจิตใจของคนมากมาย

ขณะที่มีสมบัตินับไม่ถ้วน ก็เริ่มสานเป็นตาข่ายเส้นสายขนาดมหึมา ทว่าเป็นเพราะว่าเวลายังน้อยไป ตาข่ายนี้จึงยังไม่แข็งแกร่งนัก และส่วนใหญ่เชื่อมต่อกันด้วยผลประโยชน์

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่อิทธิพลของมันก็กระจายไปทั่วทั้งโลกซ้อนโลก

ระยะเวลาสามปี ตึกความลับฟ้าออกกระบวนท่าใหม่ ประกาศกับโลกซ้อนโลกว่าจะจัดงานประมูลที่ยิ่งใหญ่ในฐานะผู้จัดหลัก โดยตึกความลับฟ้าไม่เพียงจะประมูลขายของของตัวเองเท่านั้น แต่ยังดำเนินการประมูลขายของวิเศษที่รับมาจากคนอื่นด้วย

และเป็นเพราะจะทำการประมูลขายเป็นครั้งแรก ดังนั้นครั้งนี้จึงไม่รับค่าธรรมเนียมคนกลาง

ข่าวพอส่งออกไป ก็พลันเกิดคลื่นมรสุมขึ้น ทั่วทั้งโลกซ้อนโลกเดือดพล่านขึ้นมา

เรื่องยิ่งใหญ่ที่หายากในรอบหลายปีมานี้กำลังจะมาถึง

“เยี่ยนจ้าวเกอสร้างตึกความลับฟ้า ดูท่าทางไม่ใช่เพื่อเกาะกุมผลประโยชน์ แต่ต้องการสร้างชื่อเสียงและสภาวะ!” เฉินคุนหัวมีสีหน้าเคร่งขรึม

เฉินเฉียนหัว พี่ชายของเขายักไหล่ “เขากำลังป้องกันการกลับมาของกษัตริย์ดิน หลังจากกษัตริย์เร้นลับออกฌานแล้วอาจสร้างความลำบากให้แก่เขากว่างเฉิงเพราะเรื่องของกงจักรมหาประกายกาฬ รวมถึงมารดาของเขาด้วย กษัตริย์ดินกับกษัตริย์เร้นลับถ้าหากมีความคิดเดียวกัน แรงกดดันของกษัตริย์กระบี่อาจจะมีมากขึ้น ถึงเวลานั้นต่อให้คุ้มครองพวกเขาสองพ่อลูกได้ แต่กลับใช่ว่าจะคุ้มครองเสวี่ยชูฉิงได้”

“ข้าเองก็รู้สึกเช่นนี้” เฉินคุนหัวพยักหน้าอย่างแช่มช้า

“เรื่องนี้น่าสนใจอยู่บ้าง” เฉินเฉียนหัวหัวเราะ หยิบยันต์กระดาษสีเขียวใบหนึ่งขึ้นมาส่งให้น้องชายของตัวเอง

เฉินคุนหัวรับไว้ พลันนึกอะไรได้ “พี่ใหญ่ นี่หรือว่าจะเป็น…”

“ข้าก่อนหน้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่หวังเจิ้งเฉิงไหว้วานให้ข้าทำ แต่ตอนนี้ยินดีทำให้แล้ว” เฉินเฉียนหัวดวงตาฉายแววพอใจ “ไม่ทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกนั่นจะทำอย่างไร”

เฉินคุนหัวสูดหายใจลึก เก็บยันต์กระดาษสีเขียวมรกต “น่าเสียดายที่พี่ใหญ่ท่านครั้งนี้ไม่อาจลงมือด้วยตัวเอง ตอนนั้นท่านได้รับทัณฑ์ทะลวงดาบ รวมการรักษาและการฝึกฝนเป็นหนึ่งที่วันนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ถ้าหากหยุดกลางคันจะต้องละทิ้งความสำเร็จก่อนหน้าทั้งหมด”

“นี่ไม่สำคัญอันใด หยุดกลางคันก็หยุดกลางคัน” เฉินเฉียนหัวกล่าวอย่างไม่สนใจ

เฉินคุนหัวพลันยิ้มขื่นขม “พี่ใหญ่ ทำให้เสร็จทีเดียวดีกว่า”

“คอยดูสถานการณ์แล้วกัน” เฉินเฉียนหัวโบกมืออย่างไม่แยแส “ข้าอาจจะลงมือ หรืออาจจะไม่ลงมือก็ได้”

“หากหวังเจิ้งเฉิงลงมือแล้วข้าเข้าร่วมด้วย นั่นไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ข้ากลับไม่รู้สึกสนใจมากนัก แต่ถ้าเกิดสองพ่อลูกตระกูลเยี่ยนมีการแสดงออกน่าตกตะลึง ข้าไม่แน่ว่าอาจจะร่วมสนุก”

เขาตาเป็นประกายเล็กน้อย ไม่เกียจคร้านอีก เห็นได้ชัดว่ารู้สึกสนใจยิ่ง และถึงกับยึดถือประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงเป็นกระดานหมากและเบี้ยที่เอาไว้ประชันกับเยี่ยนจ้าวเกอ

คุณชายดินเฉินคุนหัวไม่ได้ประหลาดใจ แม้จะจนปัญญา แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช่พี่ชายของตนแล้ว

นึกถึงยันต์กระดาษสีเขียวมรกต เฉินคุนหัวก็ทราบแก่ใจดีว่าประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงคิดใช้พวกตนสองพี่น้องเช่นกัน

ทุกคนได้สิ่งที่ตนต้องการ ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร เช่นนั้นย่อมต้องดูที่ฝีมือของตัวเองแล้ว

“พี่ใหญ่รักษาอาการบาดเจ็บ ข้าจะไปส่งที่ผากิเลน”

“ไปเถอะๆ” เฉินเฉียนหัวโบกมืออย่างไม่นำพา

เฉินคุนหัวบอกลาพี่ชาย ออกจากนิวาสสถานดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ ข้ามผ่านมิติมากมายกลับถึงโลกซ้อนโลก

เขาระมัดระวังตัวยิ่ง ป้องกันไม่เปิดเผยร่องรอยจนถูกคนสะกดรอยตามไปจนถึงที่อยู่ลับของเฉินเฉียนหัว

ตัวเฉินเฉียนหัวไม่ใส่ใจ แต่เฉินคุนหัวกลับไม่อาจไม่สนใจ

เมื่อกลับโลกซ้อนโลก เฉินคุนหัวก็มุ่งหน้าไปยังผากิเลนบนยอดเขาเกาหนานในเขาคุนหลุนทันที

กษัตริย์ดินยังคงไม่กลับโลกซ้อนโลก ผู้ที่คุมสถานการณ์ที่นี่ ยังคงเป็นประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิง

พอเห็นเฉินคุนหัว หวังเจิ้งเฉิงก็มีสีหน้าสงบราบคาบ “สหายน้อยเฉินมาที่นี่มีธุระใดหรือ”

“พี่ชายข้าส่งของสิ่งหนึ่งมา” เฉินคุนหัวตอบอย่างจริงจัง

หวังเจิ้งเฉิงพอฟังดังนั้นก็ยังคงมีสีหน้ากังเดิม และพยักหน้าแช่มช้า “ประมุขทิศบนยอมช่วยเหลือ ย่อมประเสริฐสุด”

………………..