บทที่ 1393 สิ่งของในหีบ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,393 สิ่งของในหีบ

สิ่งที่อยู่ในหีบสมบัติคือ…

หลินเป่ยเฉินชะโงกหน้าเข้าไปดู

“นี่มัน… เงิน… เงินทั้งนั้นเลยนี่นา”

เด็กหนุ่มตกตะลึง

แสงสว่างจากแท่งเงินสะท้อนประกายระยิบระยับ

ในหีบเหล็กบรรจุด้วยแท่งเงินเปี่ยมล้น

นี่เขาตาฝาดไปเองหรือไม่?

หลินเป่ยเฉินยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น

เขารีบหลับตาลง

เขาต้องตาฝาดไปเองแน่ ๆ

หลินเป่ยเฉินนับหนึ่งถึงสามในใจและลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

เชี่ย

ทำไมถึงยังมีแท่งเงินอยู่ในนี้อีก?

เด็กหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองอีกแล้ว

เขายื่นมือไปหยิบแท่งเงินขึ้นมาสำรวจดูแท่งหนึ่ง

มีน้ำหนักใช้ได้

อย่างน้อยก็หนักมากกว่าแท่งเงินทั่วไปหลายสิบเท่า

หลินเป่ยเฉินลองเพิ่มแรงมือบีบแท่งเงิน

รอยนิ้วมือพลันปรากฏขึ้นบนแท่งเงิน

“งั้นนี่ก็ไม่ใช่แท่งเงิน แต่เป็นแร่โลหะบางชนิดสินะ?”

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

แต่รูปร่างหน้าตาสีสันรวมไปถึงเนื้อสัมผัสมันเหมือนแท่งเงินทุกกระเบียดนิ้ว

แต่มันมีมวลน้ำหนักมากกว่าแท่งเงินทั่วไปที่หลินเป่ยเฉินเคยหยิบจับในจักรวรรดิเป่ยไห่

“นี่พี่สาว ของสิ่งนี้คืออะไรหรือ?”

หลินเป่ยเฉินหันกลับไปถามเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง

เทพธิดาสาวมองตอบกลับมาด้วยความรำคาญใจ “สิ่งนั้นเรียกว่าหงหวงอวิ๋น”

“หงหวงอวิ๋น? มันคืออะไร?”

หลินเป่ยเฉินดวงตาลุกวาว “ไม่ทราบว่ามีค่าหรือไม่?”

“ก็แค่แท่งเงินธรรมดา”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบกลับเสียงเรียบ “เท่านั้นเอง”

ดวงตาของหลินเป่ยเฉินลดความตื่นเต้นลงไปหลายส่วน

แม้ว่านี่จะเป็นแท่งเงินธรรมดา แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นของมีค่า ต่อให้ในอนาคตหลินเป่ยเฉินต้องเป็นขอทาน ตราบใดที่มีแท่งเงินพวกนี้อยู่ เขาก็จะถือเป็นขอทานที่ร่ำรวย

ขอทานที่ร่ำรวย? ควรภูมิใจดีไหมนะ?

เฮอะ… สุดท้ายก็ยังเป็นขอทานอยู่ดี

แม่งเอ๊ย!!

นี่ไม่ใช่ภาพยนตร์ของโจวซิงฉือสักหน่อย เขาไม่ควรมาภูมิใจกับอะไรแบบนี้สิ

“มันเป็นแท่งเงินแน่นะ?”

หลินเป่ยเฉินเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะกล่าวออกมาอีกครั้ง “แม้แต่ในเมืองเยี่ยเฉิงก็ถือว่าเป็นสิ่งของมีค่า นี่ก็ควรเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งของท่านมหาเทพไม่ใช่หรือ?”

“ใครบอกว่ามันมีค่า สำหรับที่นี่ แท่งเงินเหล่านี้ไม่มีค่า แต่ในภพอื่นก็ไม่แน่หรอก”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบโดยไม่เหลียวมองกลับมา “สรุปก็คือ หากเจ้าอยากจะเก็บแท่งเงินเหล่านี้เอาไว้ก็เก็บไปเถอะ วันใดวันหนึ่งข้างหน้าหากเจ้าได้ออกไปจากดินแดนทวยเทพ พวกมันอาจจะมีมูลค่ามากมายมหาศาลก็เป็นได้”

หลินเป่ยเฉินกำ ‘หงหวงอวิ๋น’ ในมือแน่นและใช้ความคิด

ในใจรู้สึกไม่ชอบมาพากล

เขามักรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงคงไม่ได้หลอกลวงเขาใช่ไหม?

“แล้วเศษขยะพวกนี้คืออะไรกัน?”

หลินเป่ยเฉินชี้ไปยังกองถุงเท้าและเสื้อผ้าเก่าขาดรวมไปถึงเศษกระบี่ที่แตกหัก “นี่ก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่าในภพอื่นเหมือนหงหวงอวิ๋นหรือไม่?”

“ย่อมไม่ใช่แน่นอน”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความดีใจ “งั้นก็มีค่าในดินแดนทวยเทพสินะ?”

“ไม่ใช่อีกเช่นกัน”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบห้วนสั้น “สิ่งของเหล่านี้ถือเป็นขยะที่แท้จริง”

หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ

“งั้นท่านมหาเทพเสียสติไปแล้วหรือ? เหตุไฉนถึงได้เก็บขยะไว้มากมายเพียงนี้?”

เขาถามด้วยความฉุนเฉียว

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างหาได้ยากยิ่ง “น้องชายสุดที่รัก ข้าจะอธิบายช่วยให้เจ้าโง่น้อยลงก็แล้วกัน… สำหรับเจ้า พวกมันอาจเป็นแค่กองขยะ แต่สำหรับท่านมหาเทพ สิ่งของเหล่านี้คือสมบัติล้ำค่าทางใจที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ต่างหาก”

หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก

เฮอะ

ให้มันได้อย่างนี้สิ

“ท่านรู้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่ว่าในห้องเก็บสมบัติมีแต่เศษขยะทั้งนั้น เพราะแบบนี้เองสินะ ท่านถึงได้ยอมตกลงทำสัญญายกทุกอย่างให้ข้า…”

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนความดันจะขึ้น

“อย่าพูดอย่างนั้น”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน “น้องชาย เจ้ายังไม่ได้เปิดหีบอีกตั้งสามใบ”

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว

“หมายความว่าในหีบอีกสามใบนั้นอาจจะมีของดีอยู่ก็ได้อย่างนั้นหรือ?”

เขาถามด้วยความตื่นเต้น

“เฮ้อ เจ้านี่มันน่ารำคาญเสียจริง”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงโบกมือไล่ด้วยความเบื่อหน่าย “เปิดดูสิ แล้วเจ้าจะได้รู้”

หลินเป่ยเฉินรู้สึกปวดหัวตุบ

นี่มันคำแนะนำประเภทไหนกันเนี่ย

หลินเป่ยเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ

เขาเปิดหีบใบที่สองออกดู

ไม่มีประกายระยิบระยับ

ไม่มีสมบัติล้ำค่า

หลินเป่ยเฉินชะโงกหน้าเข้าไปดู

“เสื้อผ้าสตรี?”

ในหีบใบที่สองมีแต่ชุดกระโปรงของสตรีเท่านั้น

พวกมันเป็นชุดที่เก่าขาด แต่ได้รับการเย็บปักซ่อมแซมอย่างประณีต มิหนำซ้ำ ยังได้รับการซักล้างจนกลับมาขาวสะอาดอีกครั้ง

รอยเย็บปักบางรอยเป็นรูปนกน้อยดูน่ารักน่าชัง

เมื่อเห็นเสื้อผ้าสตรีเหล่านี้ หลินเป่ยเฉินก็นึกถึงสภาพของหญิงสาวที่ยากจนข้นแค้นขึ้นมาโดยทันที

เป็นไปไม่ได้

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

หลินเป่ยเฉินส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ

เขาหยิบเสื้อผ้าสตรีขึ้นมาดู

ลองสัมผัส

และพบว่ามันเป็นเสื้อผ้าธรรมดา

ไม่ได้มีความพิเศษใด ๆ เลย

ท่านมหาเทพเป็นพวกสมองเสื่อมที่ชอบเก็บเศษขยะโดยคิดว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างนั้นหรือ?

หรือว่าเสื้อผ้าสตรีเหล่านี้เคยเป็นของอดีตคนรักของท่านมหาเทพ?

หลินเป่ยเฉินเปิดหีบใบที่สามออกดูด้วยความโกรธแค้น

“อะไรกันเนี่ย?”

ในหีบบรรจุด้วยแผ่นป้ายเครื่องรางแผ่นหนึ่ง

มันคือแผ่นป้ายไม้ไผ่ที่แกะสลักเป็นรูปวงรี

น่าจะไม่ใช่ของธรรมดา

เพราะโดยส่วนใหญ่แผ่นป้ายเครื่องรางก็ไม่ใช่ของธรรมดาอยู่แล้ว

“นี่ต้องเป็นป้ายอาญาสิทธิ์ประจำตัวท่านมหาเทพแน่ ๆ หุหุ ในที่สุด เราก็ได้เจอของดีบ้างแล้วโว้ย…”

หลินเป่ยเฉินรีบหยิบป้ายวงรีนั้นขึ้นมาอย่างมีความสุข

ด้านหน้าของแผ่นป้ายแกะสลักเป็นรูปเมฆก้อนใหญ่ โดยที่มียอดเขาสามลูกแทงทะลุก้อนเมฆ ส่วนอีกด้านของแผ่นป้ายแกะสลักเป็นลวดลายบางอย่างคล้ายกับลายมือผู้คน

แผ่นป้ายวงรีนี้มีน้ำหนักมหาศาลราวกับเป็นภูเขาขนาดย่อม

ผิวสัมผัสมีความแข็งแกร่งไม่ต่างไปจากทองคำ

หลินเป่ยเฉินลองโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ใส่เข้าไป ทว่า ป้ายไม้ไผ่แผ่นนี้กลับไม่ดูดซับพลังแม้แต่น้อย

“ท่านรู้ไหมว่านี่คืออะไร?”

หลินเป่ยเฉินเดินถือป้ายเข้าไปที่ด้านหลังของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงหันหน้ากลับมาตอบว่า “เศษขยะไม่มีค่า”

“ว่าไงนะ?”

หลินเป่ยเฉินยืนตกตะลึงด้วยความเหลือเชื่อ “ลองดูดี ๆ ก่อนสิ”

“ไม่ต้องดูแล้ว ของในมือเจ้าเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง มีค่าสู้พวกเสื้อผ้าเก่าขาด กระบี่ที่แตกหักหรือชุดหนังสัตว์พวกนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ… เก็บเอาไว้ก็หนักตัวเปล่า ๆ ทิ้งไปเสียเถอะ”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงไม่ได้หันกลับมาสนใจเขาอีก

หลินเป่ยเฉินไม่มีทางเชื่อคำพูดของนางอยู่แล้ว

ถ้าเขาทิ้งไป นางจะได้เก็บเอาไว้เองใช่ไหมล่ะ?

หลินเป่ยเฉินไม่ใช่คนโง่

เด็กหนุ่มจึงรีบเก็บแผ่นป้ายไม้ไผ่นั้นเข้าไปในอกเสื้อทันที

ในเวลาเดียวกันนี้ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็เปิดตู้หยิบลูกแก้ววิเศษใบหนึ่งออกมาใส่ไว้ในไหสุรา ลูกแก้วใบนี้ก็มีการลงอักขระโบราณลักษณะเหมือนแผงวงจรของซีพียูคอมพิวเตอร์เช่นกัน

หลินเป่ยเฉินหันกลับมาปาดน้ำตาและเปิดหีบใบที่สี่

เมื่อกระชากสายโซ่กุญแจขาดออกไป

ทันทีที่ฝาหีบเปิดออก แสงทองคำก็เป็นประกายระยิบระยับสาดเข้าใส่ใบหน้า

“นี่มัน… ในที่สุด เราก็ได้เจอของดีแล้วสินะ?”

หลินเป่ยเฉินจ้องมองชิ้นส่วนชุดเกราะในหีบด้วยดวงตาเป็นประกายแวววาว

นี่คือชุดเกราะอมตะ

ประเสริฐ

หลินเป่ยเฉินกวาดสายตาสำรวจดูด้วยหัวใจที่เต้นระรัว

ตัวเขาเองก็มีองค์ประกอบชุดเกราะอยู่แค่สามชิ้น คือหมวกเหล็กอมตะกับถุงมือเทวฤทธิ์

และสิ่งที่อยู่ในหีบใบนี้ ก็ประกอบไปด้วยแผ่นเกราะบริเวณหน้าอก เกราะบริเวณหว่างขา สนับไหล่ สนับแขน…

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าชุดเกราะนี้มีชิ้นส่วนครบหรือไม่?

หลินเป่ยเฉินไม่รอช้า รีบนำชิ้นส่วนชุดเกราะเหล่านั้นขึ้นมาจากหีบเหล็กทันที