บทที่ 1394 เก็บกวาดไม่ให้เหลือ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,394 เก็บกวาดไม่ให้เหลือ

“หนึ่ง สอง สาม สี่… มีทั้งหมดสิบชิ้น”

หลินเป่ยเฉินนำชิ้นส่วนชุดเกราะอมตะออกมานับดูโดยละเอียด

ชิ้นส่วนเหล่านั้นประกอบไปด้วยแผ่นเกราะบริเวณหน้าอก สนับไหล่ สนับแขน สนับขา สนับเข่า ตลอดไปจนถึงแผ่นเกราะสำหรับปิดช่วงหว่างขากับบั้นท้ายและรองเท้าบู๊ทอีกทั้งสองข้าง

นับเป็นชุดเกราะที่สมบูรณ์แบบ

หากนำมารวมกับถุงมือเทวฤทธิ์และหมวกเหล็กอมตะที่หลินเป่ยเฉินมีก่อนหน้านี้ ชิ้นส่วนของชุดเกราะก็จะมีด้วยกันทั้งหมดสิบสามชิ้น

“เรานี่มันโชคดีชะมัด”

หลินเป่ยเฉินน้ำลายไหลโดยไม่รู้ตัว

ก่อนหน้านี้ เพียงอาศัยถุงมือเทวฤทธิ์และหมวกเหล็กอมตะ หลินเป่ยเฉินก็สามารถฆ่าเทพเจ้าระดับสามัญได้แล้ว

เขาจึงรู้ดีว่าชุดเกราะนี้มีอานุภาพไม่ธรรมดา

หากสวมใส่ชุดเกราะเต็มรูปแบบ เขาก็น่าจะสู้กับเทพเจ้าระดับสูงได้อย่างไม่มีปัญหากระมัง?

และหากโชคเข้าข้าง หลินเป่ยเฉินก็อาจจะสามารถเอาชนะบรรดาใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้าได้เช่นกัน

เมื่อหันหน้ามองไปและเห็นว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับลูกแก้ววิเศษของนาง หลินเป่ยเฉินก็เริ่มต้นสวมใส่ชุดเกราะอมตะอย่างรวดเร็ว

และเนื่องจากก่อนหน้านี้เขามีหมวกเหล็กอมตะกับถุงมือเทวฤทธิ์อยู่ก่อนแล้ว ชุดเกราะส่วนที่เหลือจึงไม่ควรต้องปรับตัวกับหลินเป่ยเฉินเลย

“เอาล่ะ… หึหึ ชุดเกราะอมตะเอ๋ย จงประทับลงมาบนร่างกายของข้าเดี๋ยวนี้”

หลินเป่ยเฉินพึมพำในลำคอ

ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!

ชิ้นส่วนชุดเกราะทองคำเหล่านั้นสวมใส่ลงมาบนร่างกายของหลินเป่ยเฉินโดยทันที

น้ำหนักของมันเพิ่มมากขึ้น

ในไม่ช้า ร่างกายของหลินเป่ยเฉินก็ห่อหุ้มด้วยชุดเกราะทองคำอันหนักหน่วง

“ให้ตายสิ… อึดอัดแฮะ”

หลินเป่ยเฉินลองโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์

มวลพลังสามารถไหลเวียนได้อย่างสะดวก หมายความว่าชุดเกราะไม่ได้ปฏิเสธเขา

แม้ว่าหลินเป่ยเฉินจะมีชิ้นส่วนชุดเกราะอยู่แล้วถึงสามชิ้น แต่การปรับตัวกับชุดเกราะทั้งชุดก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายอยู่ดี

ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วยามเต็ม

การปรับตัวจึงเสร็จสมบูรณ์

ชุดเกราะไม่ได้รู้สึกหนักหน่วงอีกแล้ว

แต่กลับช่วยเพิ่มพลังให้แก่หลินเป่ยเฉินได้อย่างชัดเจน

“หากพานตั่วชิงยังไม่ตาย รับรองได้เลยว่าชุดเกราะมหาธาตุของมันเทียบกับชุดเกราะของเราไม่ได้แน่…”

“ต่อให้ฮั่วเซี่ยทุ่มเทสุดกำลัง ก็ยังไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนเอาไว้ได้อีกแล้ว”

“ยิ่งไปกว่านั้น พลังของเราเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมถึงยี่สิบเท่าเห็นจะได้”

“นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของเราก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน”

“ต่อให้เป็นพวกใต้เท้าใหญ่…”

หลินเป่ยเฉินคิดมาถึงตรงนี้ ก็ไม่กล้าปล่อยความคิดของตนเองให้เตลิดมากไปกว่านั้น

เพราะเขากำลังนึกถึงภาพที่เทพตะวัน ใต้เท้าฉางและใต้เท้ากั้วต่อสู้กันเหนือหุบเหวโหยหวนและด้วยพลังการโจมตีอันมหาศาลเช่นนั้น ต่อให้หลินเป่ยเฉินสวมใส่ชุดเกราะอมตะก็คงไม่สามารถรอดพ้นความตายได้อยู่ดี

ดังนั้น เขาจะหลงระเริงมากเกินไปไม่ได้เด็ดขาด

“แต่ถึงอย่างไรชุดเกราะชุดนี้ก็ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นอยู่ดี”

หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

การบุกเข้าห้องเก็บสมบัติของท่านมหาเทพพร้อมกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงในครั้งนี้ หลินเป่ยเฉินแทบไม่ได้สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ติดมือมาเลย นอกจากชุดเกราะทองคำชุดนี้เท่านั้น

“นี่มันอะไรกัน?”

หลินเป่ยเฉินพลันอุทานออกมา

เพราะเมื่อการปรับตัวกับชุดเกราะอมตะเสร็จสิ้น จิตใจของเขาก็เกิดการตื่นรู้ที่น่าแปลกประหลาด

เป็นการตื่นรู้เกี่ยวกับชุดเกราะอมตะ

หลินเป่ยเฉินรีบหลับตาลงทำสมาธิ

ทันใดนั้น หัวใจของเขากระตุกวูบ

เขามองเห็นภาพมายาว่าชุดเกราะทั้งสิบสามชิ้นนี้ลอยขึ้นไปในอากาศและรวมร่างกันอย่างรวดเร็วฉับไว

ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!

ชุดเกราะทั้งสิบสามชิ้นประกอบร่างกันกลายเป็น ‘ตัวคน’ รูปร่างล่ำสันสูงใหญ่ผู้หนึ่ง

หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบอีกครั้ง

เพราะ ‘ตัวคน’ ผู้นี้กำลังเคลื่อนไหว

ต่อยหมัด กระโดดเตะ หมุนตัว กระโดดหลบ ม้วนตัวตีลังกา

ด้วยความเร็วสูงสุด

พลังทำลายล้างมหาศาล

“นี่ไม่ใช่ชุดเกราะสำหรับการป้องกัน แต่ใช้เป็นอาวุธโจมตีได้เช่นกัน”

หลินเป่ยเฉินชื่นชมออกมา

ในยามที่พบกับวิกฤต เขาสามารถใช้ชุดเกราะอมตะนี้เป็นร่างจำแลงของตนเอง

หลินเป่ยเฉินเพียงแต่ต้องอยู่ควบคุมชุดเกราะจากระยะใกล้เท่านั้น

เด็กหนุ่มพยายามควบคุมสมาธิของตนเองต่อไป

ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!

ทันใดนั้น ชิ้นส่วนชุดเกราะทั้งสิบสามชิ้นก็เปลี่ยนเป็นลำแสงทองคำพุ่งเข้ามาประกอบรวมกับร่างกายของเขาดังเดิม

ความสามารถของชุดเกราะอมตะทำให้หลินเป่ยเฉินนึกถึงการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องเซนต์เซย่าที่เขาเคยดูเมื่อตอนเด็ก ๆ ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“นอกจากใช้ป้องกันตัว ใช้ต่อสู้แล้ว ก็ยังใช้แยกร่างได้อีกด้วยสินะ”

หลินเป่ยเฉินพูดออกมาด้วยความพึงพอใจ

ยังมีความสามารถอื่นใดอีกหรือไม่?

คงไม่ดีมีเพียงเท่านี้หรอกกระมัง?

นี่มันเป็นมากกว่าชุดเกราะแล้ว

แต่เขาอย่าแสดงท่าทีตื่นเต้นออกไปให้เกินหน้าเกินตาดีกว่า…

หลินเป่ยเฉินเก็บชุดเกราะอมตะเข้าไปในโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้นจึงรวบรวมเสื้อผ้าสตรีที่เก่าขาด แท่งเงินที่เรียกว่าหงหวงอวิ๋น และข้าวของอื่น ๆ ตามหีบทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหนังสัตว์ ชุดเกราะหนังสัตว์ กระบี่ที่แตกหัก สายธนูที่ขาดสะบั้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกจัดเก็บอยู่ไหนแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์หมดสิ้น

เรียกได้ว่าหลินเป่ยเฉินแทบไม่เหลืออะไรทิ้งเอาไว้เลย

เพราะถึงอย่างไร ท่านมหาเทพก็ไม่ได้ใช้สิ่งของพวกนี้อยู่แล้ว

เขาหันหน้ากลับไปมองและพบว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยังคงวุ่นวายอยู่กับลูกแก้ววิเศษไม่จบไม่สิ้น

นางนำลูกแก้วกลับขึ้นมาจากไหสุรา กำลังใช้นิ้วมือลูบไล้ไปบนพื้นผิวของลูกแก้ววิเศษ ในลำคอส่งเสียงครวญครางคล้ายกับคนที่มีความสุข สลับกับคนที่กำลังเศร้าใจ แล้วก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง

หลินเป่ยเฉินไม่เข้าใจเลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น…

เขานำผลกวนเจี๋ยออกมารับประทานฆ่าเวลา

และนี่ก็ทำให้เด็กหนุ่มมีเวลาได้สำรวจเรือนร่างของเทพธิดาสาวโดยละเอียด

ต้องยอมรับเลยว่าถึงเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจะพึ่งพาไม่ค่อยได้ แต่นางมีรูปกายที่งดงามจริง ๆ

โดยเฉพาะช่วงสะโพก ช่วงเอว หัวไหล่ที่ขาวเนียนและลำคอ

ให้ตายเถอะ

ยิ่งจ้องมองมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งค้นพบว่านางงดงามมากเท่านั้น

งดงามจนไม่อาจหาสตรีอื่นใดมาเทียบเคียงได้

ผ่านไปชั่วหนึ่งก้านธูป

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็เสร็จสิ้นธุระกับลูกแก้ววิเศษของนางสักที

ลูกแก้ววิเศษนั้นสลายหายวับถูกปิดผนึกอยู่ในไหสุราราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลินเป่ยเฉินไม่รู้เลยว่าไหสุราใบนี้คืออะไร

แต่มันต้องเป็นของวิเศษแน่ ๆ

มิฉะนั้น คงไม่สามารถใช้เก็บลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์ที่รวบรวมพลังวิญญาณของท่านมหาเทพเอาไว้ได้เด็ดขาด

“เรียบร้อยดีหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “เอาลูกแก้ววิเศษใส่ไหสุราเช่นนี้ ท่านคงคิดจะเอามันไปดองสุราแล้วกระมัง?”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพลันหันกลับมาตวาดเขาด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร? ข้าไม่มีทางแบ่งให้เจ้าดื่มแน่”

หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก

เดาถูกซะอย่างนั้น

เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของหลินเป่ยเฉิน เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็เกิดอาการลังเลเล็กน้อย ก่อนที่นางจะยกมือชูนิ้วเรียวยาวขาวผ่องขึ้นมาหนึ่งนิ้วพร้อมกับกล่าวว่า “ก็ได้ ข้าขอถอนคำพูด ข้าจะแบ่งให้เจ้าหนึ่งชาม แค่หนึ่งชามเท่านั้น อย่าได้โลภมากเกินไป”

หลินเป่ยเฉินลดผลกวนเจี๋ยลงจากริมฝีปากและตอบว่า “เสร็จแล้วพวกเราก็รีบกลับกันเถอะ อยู่นานไปเดี๋ยวพวกใต้เท้าเหลียนจะผิดสังเกตเอาได้”

ทั้งสองคนรีบออกมาจากห้องเก็บสมบัติ

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงใช้กุญแจสีดำดอกนั้นปิดประตูห้องเก็บสมบัติดังเดิม

พวกเขาเดินลงมาตามทางเดินของบันไดเวียน

ในที่สุด ทั้งสองก็มาถึงห้องโถงใหญ่ที่ชั้นแรกของวิหารต้องห้าม

หลินเป่ยเฉินได้รับของรางวัลของตนเองอีกสองชิ้น…

เป็นคัมภีร์สำหรับฝึกกระบี่ที่ชื่อว่าคัมภีร์กระบี่เสียดฟ้า

กับถุงเก็บสมบัติที่บรรจุศิลาเทวะ

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเปลี่ยนร่างกลายเป็นหมอกควันขาวและหายวับเข้าไปอยู่ในกุญแจสีดำ นางบอกหลินเป่ยเฉินว่าเมื่อเขากลับออกไปจากวิหารแล้ว ก็ให้มอบกุญแจดอกนี้คืนแก่เซียวอวี้อย่าลังเล

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็เดินกลับออกมาจากวิหารต้องห้าม

แต่อย่างไรก็ตาม จังหวะที่ประตูวิหารทางด้านหลังปิดลงอย่างช้า ๆ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกเหมือนกับว่าตนเองลืมเลือนอะไรไปบางอย่าง