ในหมอกสีเทานั้นมันมีทางเดินเคบๆ แยกกันไป เวลานี้เหล่ายอดฝีมือเจ้าฟ้าดินทั้งหลายนับร้อยๆ ต่างเข้าเขาแห่งถงเทียนมาจนครบสิ้น
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นกล่าวขึ้นมาเมื่อเห็นเส้นทางอันไม่คุ้นเคยตรงหน้า “ทางข้างหน้านี้มันต่างนำพาขึ้นไปสูงล้ำกว่าระดับหนึ่งล้านกิโลเมตรสิ้น แต่ละทางย่อยนั้นพวกเจ้าย่อมจะได้พบเจอสมบัติและโชคลาภมากมายแล้ว แต่ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าใด เส้นทางน้อยๆ ทั้งหลายนี้มันก็จะค่อยๆ วนมาบรรจบกันจนสุดท้ายเหลือเพียงแค่เก้าเส้นทาง ถึงเวลานั้นพวกเจ้าทั้งหลายคงต้องพบเจอนักยุทธคนอื่นๆ และจะเป็นเวลาแห่งการฆ่าสังหารอย่างแท้จริง!”
ลมหายใจของเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างเริ่มติดขัดขึ้นมาเมื่อได้ยิน
ก้าวไปบนเส้นทางเหล่านี้แล้ว พวกเขาจะได้กลายเป็นศัตรู!
เพื่อที่จะเป็นเต๋าบรรพกาลนั้น การต่อสู้ของพวกเขาย่อมจะถึงชีวิตได้ไม่ยาก
มันไม่มีคำว่าสหายบนเส้นทางสู่เต๋าบรรพกาล
ทุกสิ่งอย่างนั้นมันก็เพื่อจะเอาผลึกแห่งกฎมาครองไว้
“เอาล่ะ ทีนี้พวกเจ้าก็เลือกเส้นทางที่จะไปกันเองเถอะ!” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กล่าว
วินาทีที่เสียงนั้นจางหายไปเหล่ายอดฝีมือนับร้อยๆ ก็ค่อยๆ แยกย้ายกันเดินไปในเส้นทางแคบๆ
เย่หยวนนั้นหันไปมองจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลรวมไปถึงตัวผางเจิ้นและว่านเจิ้นทั้งหลาย “พวกเจ้าจะไปกับข้าหรือจะแยกไปเอง?”
การกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์นั้นมันคือโชคครั้งใหญ่ที่อาจจะพบเจอยอดสมบัติได้มากมาย อย่างเช่นหยาดชีวาที่เย่หยวนมาตามหานั้นเป็นต้น
ก่อนหน้านี้หยาดชีวามันจะไม่ปรากฏขึ้นมาแต่ด้วยการกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์นี้ หยาดชีวามันย่อมจะเกิดขึ้นมาแน่
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงได้เดินทางมายังเขาแห่งถงเทียน
“นายท่าน เราคิดอยากลองดูด้วยตัวเอง!” ผางเจิ้นกล่าวขึ้นพร้อมๆ กับว่านเจิ้นราวนัดกันมาก่อน
เย่หยวนยิ้มและพยักหน้ารับ “งั้นก็ไปเถอะ!”
คนทั้งสองยิ้มกว้างก่อนจะหันหน้าไปเลือกเส้นทางของตนเอง
ส่วนจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้และมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ฝีมือของพวกเขาแข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆ ของโลกหล้านี้ พวกเขาย่อมจะเลือกเดินทางไปด้วยตัวเอง
สำหรับพวกเขาแล้วการเดินทางไปกับเย่หยวนมันย่อมจะปลอดภัยที่สุด
แต่มันย่อมจะไม่มีทางได้ที่เย่หยวนจะอยู่ปกป้องพวกเขาไปได้ตลอด
เวลานี้พวกเขานั้นต้องเผชิญกับมันด้วยตัวเอง
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือการเดินทางไปกับเย่หยวนนี้มันจะไม่มีโอกาสได้รับสมบัติด้วยตัวเองแม้แต่อย่างเดียว
หลังจากคนทั้งหลายเลือกเส้นทางของตนเองแล้ว เย่หยวนก็พาหมูสมบัตินั้นเดินทางขึ้นไปในเส้นทางแคบๆ ที่คดเคี้ยว
เย่หยวนนั้นค่อยๆ ก้าวเดินอย่างระวังมองดูรอบกายอย่างไม่คิดพลาดแม้แต่น้อย
เย่หยวนนั้นไม่เคยจะเห็นหยาดชีวามาก่อนและคนรอบๆ ตัวเขาเองก็ย่อมไม่มีใครเคยพบเจอ
มีเพียงแค่เต๋าบรรพกาลทั้งเก้าเท่านั้นที่เคยจะเห็นหยาดชีวา
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงค่อยๆ ก้าวเดินไปอย่างไม่คิดให้อะไรหลุดรอดสายตา
ฟุบ!
ฟุบ!
ฟุบ!
วินาทีต่อมานั้นมันก็ได้ปรากฏเงาร่างสีเทาหนึ่งพุ่งออกมาจากม่านหมอกใส่ตัวเย่หยวน
เงาร่างสีเทานี้มันสุดแสนจะทรงพลังด้วยพลังที่เทียบเคียงได้กับเจ้าฟ้าดินสี่ถึงห้าทลาย
เมื่อมันมีสมบัติ มันย่อมจะมีความอันตราย
บนเขาแห่งถงเทียนนี้นอกจากสายฟ้าทั้งหลายนั้นแล้วมันยังมีอันตรายอีกมากมายที่หลบซ่อนอยู่
อย่างเช่นเจ้าผีเทาทั้งหลายนี้
พวกมันนั้นมีนามว่าผีเทาเป็นวิญญาณที่พบได้เฉพาะบนเขาแห่งถงเทียนระหว่างการกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์
ผีเทาทั้งหลายนี้มันสุดแสนจะทรงพลังที่อ่อนแอหน่อยนั้นยังเป็นถึงเจ้าฟ้าดินหนึ่งหรือสองทลาย
สำหรับยอดฝีมือทั้งหลายที่เข้าเขาแห่งถงเทียนมาในช่วงการกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์แล้ว มันนับได้ว่าเป็นอันตรายที่ใหญ่หลวง
แต่เวลานี้เหล่าผีเทาที่พุ่งตัวออกมามันไม่มีตนไหนที่เป็นแค่เจ้าฟ้าดินหนึ่งหรือสองทลายเลย
พวกมันนี้ที่อ่อนแอสุดยังเป็นถึงเจ้าฟ้าดินสี่ทลาย!
ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังเป็นฝูงที่ใหญ่อย่างมาก!
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นกล่าวขึ้นมา “ข้านั้นเพิ่งเริ่มเดินเข้ามาแต่กลับเจอผีเทามากมายปานนี้แล้ว? มันดู… แปลกๆ!”
“อู๊ด!”
ในเวลานั้นเองที่เจ้าหมูสมบัติในอ้อมแขนของเย่หยวนมันร้องลั่นขึ้น
ผีเทาทั้งหลายที่เดิมทีคิดโจมตีเย่หยวนนั้นต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะหยุดตัวลง
หมูสมบัตินั้นพุ่งออกไปจากอ้อมแขนของเย่หยวนอย่างรวดเร็ว
จากนั้นมันก็กลืนกินผีเทานั้นลงในคำเดียว
ผีเทาแต่ละตัวนั้นสั่นสะท้านไปทั้งร่างก่อนจะหันหน้าพุ่งตัวหนีกลับเข้าม่านหมอก
แต่เมื่อเจ้าหมูสมบัติได้สัมผัสถึงรสชาติอันแสนอร่อยนี้แล้วมีหรือที่มันจะยังปล่อยผีเทาไป?
วินาทีต่อมานั้นหมูสมบัติก็พุ่งตัวตามเข้าไปในม่านหมอกหนา
เย่หยวนที่เห็นเช่นนั้นแทบจะต้องหลุดขำออกมา
เจ้าหมูสมบัตินี้นับวันมันจะยิ่งตะกละขึ้นทุกที
เย่หยวนนั้นรู้ได้ว่าผีเทาทั้งหลายมันมีสติปัญญา ร่างของพวกมันนั้นคงเป็นพลังงานที่จับตัวเป็นก้อน
และของเช่นนั้นมันคืออาหารอันโอชะของหมูสมบัติ
ทั้งเวลานี้หมูสมบัตินั้นยังมีพลังฝีมือสุดเหนือล้ำ มากพอที่จะต้านทานสองเต๋าบรรพกาลไว้ได้ด้วยตัวคนเดียว
มันย่อมจะไม่มีอะไรในม่านหมอกนี้ที่จะทำร้ายมันได้
เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ต้องระแวดระวังมากมาย
“อู๊ด!”
“อู๊ด!”
“อู๊ด!”
ในม่านหมอกนั้นหมูสมบัติร้องขึ้นมาเป็นครั้งคราวจากทุกทิศทาง
ดูแล้วมันคงกำลังไล่ล่าผีเท่านั้นอย่างบ้าคลั่ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดสุดท้ายเสียงร้องของมันก็ค่อยๆ เบาบางหายไป
วินาทีต่อมาเจ้าหมูสมบัติก็กระโจนกลับเข้ามาในอ้อนแขนของเย่หยวนอีกครั้ง
แต่ในปากของมันนั้นมีลูกบอลสีขาวอันหนึ่งอยู่ด้วย
“เอิ้ก!”
เจ้าหมูสมบัติเรอออกมาก่อนจะทิ้งลูกบอลนั้นลงในมือของเย่หยวน
จากนั้นมันก็ค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอน
ดูแล้วคงได้กินอิ่มจนพุงกาง
แต่มุมปากของเย่หยวนต้องกระตุกขึ้นมา!
“เจ้าสิ่งนี้… มันคงไม่บังเอิญปานนั้นหรอกใช่ไหม?” เย่หยวนก้มลงมาที่ลูกบอลสีขาวในมือด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
เวลานี้เจ้าลูกบอลสีขาวนี้มันส่งพลังกฎธาตุน้ำออกมาอย่างรุนแรง
ใช่แล้ว มันคือพลังแห่งกฎ!
พลังแห่งกฎที่มันปล่อยออกมานี้แทบจะเหมือนดวงตะวันที่สาดส่องพื้นโลก ไม่อาจจะปิดซ่อนใดๆ ได้เลย
ต่อให้เย่หยวนจะไม่รู้จักมัน เขาก็ยังพอเดาได้ว่ามันคืออะไร
ผลึกแห่งกฎ!
เย่หยวนนั้นไม่นึกฝันว่าตัวเขาแค่ก้าวเท้าลงมาไม่กี่ก้าวนั้นก็กลับได้พบเจอผลึกแห่งกฎที่คนทั้งหลายต่างเฝ้าฝันเสียแล้ว!”
ดูจากพลังกฎที่ออกมานี้มันย่อมจะต้องเป็นผลึกแห่งกฎธาตุน้ำแน่
เย่หยวนนั้นได้แต่ก้มมองดูมันอย่างไม่อาจสรรหาคำจะกล่าวได้
คนที่ตั้งใจปลูกดอกไม้กลับยังไม่ทันบานแต่คนที่แค่โยนเมล็ดทิ้งกลับได้มีดอกไม้งามเชยชม
เขานั้นไม่ได้คิดสนใจตำแหน่งเต๋าบรรพกาลมาตั้งแต่แรกแต่เขานั้นกลับได้มาพบเจอผลึกแห่งกฎตั้งแต่ก้าวแรกที่ขึ้นเขา
เรื่องเช่นนี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน?
ผลึกแห่งกฎนั้นมันสามารถปรากฏขึ้นได้ทุกหนแห่งบนเขาแห่งถงเทียน
แต่การมาเจอมันตั้งแต่ประตูทางเข้าเช่นนี้ คงเรียกได้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้
แม้แต่เต๋าบรรพกาลแสงในตอนนั้นที่ว่าโชคดีเองก็ยังไปเจอมันในระยะหนึ่งแสนกิโลเมตร
แต่เย่หยวนนั้นเพิ่งก้าวเท้าออกมา ยังไม่ทันถึงกิโลเมตรเสียด้วยซ้ำ!
โชคนี้มันสะท้านสวรรค์อย่างแท้จริง!
หมูสมบัตินั้นเองก็เก่งกาจเข้าไปเดินเล่นในม่านหมอกแต่กลับออกมาด้วยผลึกแห่งกฎ
เย่หยวนนั้นได้แต่รู้สึกขมขื่นในใจก่อนจะหันไปหาเจ้าหมูสมบัติ “เจ้านี่นะ หากเจ้าเอาหยาดชีวามาให้ข้าแทนมันจะดีสักแค่ไหนกัน?”
หมูสมบัตินั้นเบิกตากว้างขึ้นมามองดูเย่หยวนด้วยท่าทางไม่พอใจ
จะอวดอ้างตัวคนเขาไม่ทำกันแบบนี้!
หมูสมบัตินั้นมิใช่สัตว์โง่ๆ ตรงกันข้าม ตัวมันนั้นฉลาดพอๆ กับคน
มันรู้ดีว่าผลึกแห่งกฎนี้ล้ำค่าแค่ไหน
เย่หยวนนั้นได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา มีหรือที่เจ้าหมูสมบัติจะเข้าใจความเจ็บปวดของเขา?
แต่ว่าเขานั้นก็ไม่คิดยืดเรื่องให้ยาวใดๆ เพราะจะอย่างไรเสียตำแหน่งเต๋าบรรพกาลนั้นในเมื่อเขามีมันในมือเขาก็ย่อมจะไม่มีทางทิ้งมันลงไปเฉยๆ
เขาเก็บผลึกแห่งธาตุน้ำนั้นลงแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรมันก็ไม่อาจจะปิดบังคลื่นพลังแห่งกฏธาตุน้ำที่ผลึกนี้มันปล่อยออกมาได้
หากเขานำมันไปด้วยนั้นมันคงเหมือนเขาเป็นประภาคารเดินได้
บนแสงบนประภาคารนั้นมันย่อมจะเห็นได้ไกลนับสิบๆ กิโลเมตร!
เย่หยวนนั้นได้แต่บ่นขึ้นมา “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมการแย่งชิงตำแหน่งเต๋าบรรพกาลครั้งก่อนๆ มันถึงได้นองเลือดนัก ในหมู่คนที่รอดสงครามมานั้นมันคงมีคนอีกมากมายต้องตายลงไป ของเช่นนี้มันคือผลึกแห่งกฎใดเล่า? ดูอย่างไรมันก็เครื่องรางหายนะชัดๆ!”
ไม่ว่าจะเป็นใครแต่หากได้สมบัติชิ้นนี้ไปพวกเขาก็คงถูกผู้คนรุมโจมตีอย่างหนักหน่วง
ความเย้ายวนของตำแหน่งเต๋าบรรพกาลนั้นมันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ใครจะต้านทาน!
เพราะฉะนั้นเจ้าของสิ่งนี้มันจึงเป็นเหมือนเครื่องรางแห่งความตายโดยแท้!