บทที่ 2159.1 ความร้อนได้ที่แล้ว (1)

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

“ชิงหยวนจุนก็หมดแล้วเหรอ?”

 

ในจวนอ๋องสวรรค์เถิง เถิงเฟยที่นั่งดื่มสุราอยู่คนเดียวในศาลาพลันเงยหน้า ดวงตาฉายแววคมกริบ

 

“ฉีกหน้าประมุขชิง  ฆ่าหวังติ้งเฉาแล้ว เหมือนจะฆ่าขุนนางที่ประมุขชิงส่งไปถ่ายทอดบัญชาด้วย คนในแดนรัตติกาลที่จงรักภักดีต่อประมุขชิงก็ถูกชิงหยวนจุนโจมตีสังหารเร็วมากเช่นกัน ตอนนี้ทัพใหญ่แดนรัตติกาลอยู่ในการควบคุมของชิงหยวนจุนแล้วขอรับ…” เถิงจงรายงานสถานการณ์ที่รวบรวมได้ให้ฟังรอบหนึ่ง

 

วางจอกสุราลงช้าๆ เถิงเฟยเริ่มยกมุมปากยิ้มเสน่ห์ “วิธีการของเจ้าแซ่หนิวนี่ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย ทัพใหญ่แดนรัตติกาลย้ายมาจากกองทัพองครักษ์ ไม่น่าเชื่อว่าจะล้มเพราะชิงหยวนจุนได้ง่ายขนาดนี้ เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อประมุขชิงมา!”

 

เถิงจงกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า”หนิวโหย่วเต๋อไม่ได้กลืนคำพูด ทำได้แล้วจริงๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราคาดหวังหรอกหรือ? สถานการณ์ของทัพตะวันออก อำนาจใหญ่แต่ละฝ่ายกำลังคุมเชิงกันอยู่ที่นี่ ประมุขชิงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ตอนนี้ลูกชายก่อกบฏแล้ว ผลกระทบเลวร้ายขนาดนี้ นี่หรือที่ประมุขชิงจะนิ่งดูดาย? เขาจะเก็บกวาดขยะในบ้านก่อน หรือจะรับมือกับท่านอ๋องก่อนละขอรับ? ถ้าจะกระจายกำลังทหารเป็นสองสายมาทำศึกพร้อมกัน แล้วทำให้อ๋องแต่ละท่านเล็งเห็นโอกาส เกรงว่าจะฉวยโอกาสตัดกำลังประมุขชิงได้…”

 

ยังไม่ทันพูดจบ ก็หยิบระฆังดาราออกมาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าติดต่อไปที่ไหน จู่ๆ ก็กล่าวด้วยสีหน้าดีใจ “ท่านอ๋อง ข่าวดี!”

 

“หืม!” เถิงเฟยกระปรี้กระเป่าไปด้วย “หนิวโหย่วเต๋อมีความเคลื่อนไหวอะไรอีก?”

 

เถิงจงตอบว่า “ไม่ใช่หนิวโหย่วเต๋อ ไม่รู้ว่าข่าวมาจากไหน บอกว่าเป็นเพราะจ้านหรูอี้ โพ่จวินเถียงกับประมุขชิง  ยั่วให้ประมุขชิงเดือดดาลมาก ปลดโพ่จวินออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ซ้ายแล้ว ให้รองผู้บัญชาการฉวี่ฉางเทียนมารับตำแหน่งที่หน่วยองครักษ์ซ้ายแทน!”

 

เถิงเฟยพลันยืนขึ้น ถามด้วยสีหน้าที่เปี่ยมล้นด้วยความยินดี “จริงหรือ?”

 

“ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ ถ้าเป็นเรื่องจริง โพ่จวินมีชื่อเสียงบารมีสูงมากที่หน่วยองครักษ์ซ้าย หากประมุขชิงทำเรื่องนี้เพื่อผู้หญิงคนหนึ่งจริง เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจทหารใดหน่วยองครักษ์ซ้ายไม่น้อย!” เถิงจงตอบ

 

เถิงเฟยหัวเราะเบาๆ “เรื่องนี้น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก แต่ดันมีข่าวแบบนี้ออกมาในเวลานี้ ถ้าจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต๋อ ข้าก็ไม่เชื่อเลยจริงๆ! ประมุขชิงเอ๊ยประมุขชิง ใช้วิธีการที่ไร้ยางอายมาแล้วทุกอย่าง ดักสังหารที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ก็ไม่สำเร็จ ตีงูไม่ตายเลยโดนแว้งกัดแล้ว ยั่วโมโหหมาบ้าอย่างหนิวโหย่วเต๋อให้โจมตีกลับ ทนรสชาตินี้ไม่ไหวสินะ?”

 

สาเหตุของคลื่นลมที่วุ่นวายครั้งนี้ เกรงว่าเขาคงจะเป็นหนึ่งในคนที่รู้ดีที่สุดนอกจากเหมียวอี้ รู้ทันทีว่าคนที่จุดฉนวนเรื่องนี้ก็คือเหมียวอี้

 

จวนอ๋องสวรรค์เฉิง เฉิงไท่เจ๋อที่เดินไปเดินมาอยู่ในตำหนักกำลังกลัดกลุ้มใจ นึกไม่ถึงว่าชิงหยวนจุนที่คุมแดนรัตติกาลจะทรยศประมุขชิงได้ ก่อนหน้านี้ยังให้เซี่ยเซิงไปขู่หนิวโหย่วเต๋ออยู่เลย บอกประมาณว่าทัพใหญ่แดนรัตติกาลก็เหมือนปลายมีดที่จ่ออยู่ข้างหลังหนิวโหย่วเต๋อ พอมาดูตอนนี้ พบว่าช่างน่าขำเสียจริง หนิวโหย่วเต๋อไม่มีความกังวลนั้นแล้ว

 

ตอนนี้เขากังวลสุดๆ ว่าประมุขชิงจะนำกำลังหลักไปปราบทัพกบฏที่แดนรัตติกาล ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วเถิงเฟยโน้มน้าวอำนาจฝ่ายอื่นให้สู้กับเขาได้จริง เช่นนั้นเขาก็อยู่ในอันตรายแล้ว อย่างน้อยอำนาจแต่ละฝ่ายก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่าจะสนับสนุนเขาเลย เช่นนั้นก็เป็นไปได้ว่าจะสนับสนุนเถิงเฟย

 

เมื่อครุ่นคิดซ้ำไปซ้ำมา เขาก็หยุดเดิน แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ไม่ได้การละ ข้าต้องไปวังสวรรค์ด้วยตัวเองสักเที่ยว”

 

เซี่ยเซิงที่อยู่ข้างกันพยักหน้า เข้าใจสิ่งที่เขาพูดแล้ว ต้องการจะพยายามโน้มน้าวประมุขชิงว่าอย่าเบี่ยงเบนความสนใจออกไปจากฝั่งนี้…

 

ตำหนักดาราจักร ปั้ง ประมุขชิงตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ แล้วตะโกนอย่างเดือดดาล “ใคร? ใครปล่อยข่าวนี้? ไปสืบมาให้ข้า!”

 

ฝั่งนี้ให้ฉวี่ฉางเทียนมาแทนที่โพ่จวินนั้นไม่ผิด แต่ทำไปเพื่อให้ขวัญกำลังใจทหารมั่นคง บอกเรื่องนี้ให้บุคคลระดับสูงของหน่วยองครักษ์ซ้ายรู้เท่านั้น ควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้ข่าวแพร่ไป ผลปรากฏว่ารู้กันทั่วแล้ว แค่ข่าวหลุดก็ว่าแย่แล้ว แต่โพ่จวินเป็นฝ่ายถอยออกจากตำแหน่งเองชัดๆ ข่าวข้างนอกกลับลือว่าประมุขชิงปลดโพ่จวินเพื่อผู้หญิงคนเดียว แม้แต่ขุนนางเก่าแก่ที่จงรักภักดีก็ยังถูกปฏิบัติด้วยอย่างนี้ คนอื่นจะไม่ผิดหวังท้อใจได้อย่างไร แค่คิดก็รู้แล้วว่าคราวนี้สะเทือนกำลังพลทั้งหน่วยองครักษ์ซ้ายขนาดไหน แล้วเจ้าก็ดันไม่มีทางอธิบายเรื่องนี้ได้เลย

 

เกาก้วนที่ยืนอยู่เบื้องล่างกล่าวเสียงเรียบว่า “ฝ่าบาท ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาระบายความโกรธ ควรจะขอให้โพ่จวินออกหน้ามาอธิบายด้วยตัวเองก่อน ทำให้ขวัญกำลังใจภายในหน่วยองครักษ์ซ้ายมั่นคงก่อนขอรับ”

 

ประมุขชิงขมวดคิ้วโดยไม่พูดอะไร คำพูดนี้มีเหตุผลจริงๆ แต่ทำให้โพ่จวินออกไปอย่างโดดเดี่ยวผิดหวังแบบนั้นแล้ว จะให้เขาเอ่ยปากได้อย่างไร ถ้าพูดไปแล้วโพ่จวินไม่สนใจจะทำอย่างไร? ได้ยินว่าตอนนี้โพ่จวินปิดประตูงดรับแขก ไม่พบใครทั้งนั้น และไม่ติดต่อใครเลยด้วย

 

ในขณะนี้เอง อู๋ฉวี่ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ให้ข้าน้อยไปดีกว่าขอรับ เชื่อว่าโพ่จวินจะเข้าใจภาพรวม”

 

ประมุขชิงขานรับ “อืม” แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ

 

ที่จริงในใจเขารู้อย่างชัดเจนมาก ว่าผิดไปแล้ว การที่เขาปกป้องจ้านหรูอี้เป็นเรื่องผิดจริงๆ แต่จะให้เขาทำอย่างไร? สำหรับผู้หญิงคนอื่นเขาอาจจะไม่คิดมากอะไร แต่พอเรื่องนี้เกิดกับจ้านหรูอี้ เขาก็รู้อย่างลึกซึ้งว่าจ้านหรูอี้ไม่เคยทำผิดอะไรมาก่อน ล้วนถูกเขาทำให้พลอยลำบากไปด้วยทั้งนั้น กลายเป็นหญิงงามต้นเหตุหายนะแล้ว กลายเป็นคนที่โพ่จวินเรียกว่าปีศาจก่อหายนะที่ต้องฆ่าทิ้ง เพียงแต่จะให้เขาแข็งใจลงมือสังหารจ้านหรูอี้ได้อย่างไร?

 

ที่เขาแค้นยิ่งกว่านั้นก็คือ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีคนวางอุบายโดยใช้จุดอ่อนของเขา จงใจทำให้เกิดผลกระทบวงกว้างเพราะเรื่องของจ้านหรูอี้ เขาเริ่มสงสัยว่าคนที่ก่อเรื่องนี้คือเถิงเฟย ตอนนี้เหตุการณ์ทหารก่อกบฏที่ทัพใหญ่แดนรัตติกาลทำให้เขาตระหนักได้แล้ว ว่าเถิงเฟยไม่มีความสามารถที่จะทำให้ทัพใหญ่แดนรัตติกาลรวมตัวกันเปลี่ยนทิศทางอย่างเงียบเชียบได้ คงจะเป็นตระกูลเซี่ยโห้วที่แทรกซึมลึกเข้ามาข้างใน ทำให้เขาหวาดกลัวมาก!

 

แค่พลังของตระกูลเซี่ยโห้วเผยความดุร้ายออกมานิดหน่อย ก็ทำให้เขารู้สึกหนาวแล้ว เราก็มีเชือกมาผูกอยู่บนคอของเขา เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าเชือกนี้กำลังเริ่มแน่นขึ้นอย่างช้าๆ ไม่รู้ว่าจะโจมตีปลิดชีวิตเขาภายในครั้งเดียวเมื่อไหร่ และตอนนี้เขาก็ดันไม่กล้าแตกหักกับตระกูลเซี่ยโห้วจนถึงที่สุดด้วย

 

ทว่านี่ก็คือผลลัพธ์ที่เหมียวอี้ต้องการ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่หลบอยู่เบื้องหลัง

 

จวนอ๋องสวรรค์หนิว นอกประตูใหญ่ ทหารยามขวางคนกลุ่มหนึ่งเอาไว้

 

ฮวาอี้เทียนที่เดินขึ้นบันไดมาหันกลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นผู้ติดตามของตัวเองโดนขวางไว้แล้ว

 

หยางเจาชิงที่อยู่ข้างกันกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ผู้ตรวจการใหญ่โปรดเห็นใจ”

 

ฮวาอี้เทียนเหล่ตามองหยางเจาชิงอย่างเย็นเยียบวแวบหนึ่ง แล้วโบกมือให้ลูกน้อง บอกใบ้ให้ถอยไป ไม่จำเป็นต้องตามเข้าไป

 

“ผู้ตรวจการใหญ่ เชิญ!” หยางเจาชิงยื่นมือเชิญ

 

ทั้งสองรีบก้าวเข้าไปข้างใน

 

ในโถงรับแขก เหมียวอี้ยืนต้อนรับอยู่ตรงประตูแล้ว กล่าวทักทายอย่างร่าเริง “ผู้ตรวจการใหญ่ฮวา ไม่ได้เจอกันมาหลายปี สบายดีนะ!”

 

สำหรับท่านนี้ ฮวาอี้เทียนมีความรู้สึกหลากหลายคนกัน ในปีนั้นเป็นลูกน้องของเขา สำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นลูกน้องระดับต่ำสุด แต่ตอนนี้ยศสูงกว่าเขาเสียอีก แน่นอน เป็นเพราะเลื่อนขั้นมาถึงตำแหน่งอย่างฮวาอี้เทียนแล้วขยับไปไหนไม่ได้อีก แต่อีกฝ่ายเหยียบไต่เต้าขึ้นมาตลอดทาง

 

ฮวาอี้เทียนที่เดินขึ้นบันไดมาแล้วกุมหมัดทักทาย “คำนับท่านอ๋อง รบกวนให้ท่านอ๋องมาทักทายแล้ว ข้าสบายดี”

 

เหมียวอี้เชิญเขาเข้าไปด้านใน แล้วสั่งให้คนนำน้ำชามาวาง

 

ฮวาอี้เทียนโบกมือ “ชาน่ะไม่ต้องแล้ว จุดประสงค์ที่เข้ามาที่นี่ คาดว่าท่านอ๋องคงรู้ดี เหตุใดต้องหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ทัพใหญ่ของข้ารวมตัวไปปราบกบฏ อย่าบอกนะว่าท่านอ๋องไม่ได้รับบัญชาจากตำหนักสวรรค์?”

 

………………