ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1142 เริ่มไล่ล่ากระเรียน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลี่หลิน ศิษย์ที่อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์พรรคชำระบุปผาแห่งเขาชาหมอกบนเขตสุราลัยบูรพา ณ โลกซ้อนโลก

นี่เป็นสถานะในปัจจุบันของเสวี่ยชูฉิงที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์

เพราะความตั้งใจของนาง เมื่อสิบกว่าปีก่อนจึงได้รับการคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ที่ต้องลงมายังโลกเบื้องล่างของพรรคชำระบุปผาสำเร็จ ตั้งแต่นั้นมานางก็ใช้ชีวิตเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในโลกเบื้องล่างใบนั้นมาโดยตลอด

จนกระทั่งถึงวันนี้ พรรคชำระบุปผามีลูกศิษย์กลุ่มใหม่ถูกเปลี่ยนมายังโลกเบื้องล่าง คนกลุ่มก่อนหน้าเช่นพวกนางสมควรกลับโลกซ้อนโลกแล้ว

เสวี่ยชูฉิงไม่ได้คิดอาศัยอยู่ในโลกเบื้องล่างใบนั้นต่อไป

ทุกอย่างให้เป็นไปตามลิขิต

เรื่องราวที่เกิดจากความตั้งใจมากมายจะหลงเหลือร่องรอยได้ง่าย อาจถูกคนที่ไล่ล่านางค้นพบ

สถานที่ที่ดีที่สุดในการซ่อนใบไม้ใบหนึ่ง คือป่าใหญ่

เกิดใบไม้พลันกลายเป็นดอกไม้ เมื่อกิ่งใบรอบๆ หนาแน่น ย่อมดึงดูดสายตา

ถึงอย่างไรคนที่กำลังตามหานางก็มีพลังสายดียิ่งกว่าเหยี่ยว

หากเป็นเพียงแค่ใบไม้ธรรมดาๆ เมื่ออยู่บนกิ่งได้ก็อยู่ เมื่อต้องร่วงลงพื้นก็ให้ร่วงลง

หลังจากร่วงลงถูกกลบอยู่ในดิน ชีวิตใหม่ครั้งที่สองก็จะตามมาอย่างรวดเร็ว

ชะตาชีวิตของหลี่หลิน ลูกศิษย์พรรคชำระบุปผาถูกลิขิตไว้ว่าเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่คนพิเศษ

หลังจากกลับจากโลกเบื้องล่างมายังโลกซ้อนโลก ก็จะเสียชีวิตอย่างเหนือความคาดหมายในขณะที่ออกเก็บเกี่ยวประสบการณ์ครั้งหนึ่ง

นอกจากสหายในพรรคชำระบุปผาสองสามคนที่ค่อนข้างคุ้นเคยกันดี จะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ

การสูญหายในโลกเบื้องล่าง สถานที่กว้างใหญ่ปานนั้น อันคำว่าสถานที่อันตรายยังส่งผลจำกัดต่อยอดฝีมือระดับสุดยอดที่สามารถอยู่ในโลกเบื้องล่างได้ ดังนั้นจึงตามหาได้สะดวก

แต่โลกซ้อนโลกไม่เหมือนกัน ทุกๆ วันมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนหายสาบสูญ

ชีวิตเช่นนี้ เสวี่ยชูฉิงนับว่าคุ้นเคยแล้ว

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกคนพบเบาะแส นางจึงไม่อาจอยู่โลกใบเดิมได้นานเกินไป

มีไม่กี่ครั้ง เนื่องจากความจำเป็นต้องตั้งใจวางสถานการณ์ลวง นางจึงทิ้งชื่อแซ่ที่แท้จริงเอาไว้ แต่ว่าสถานที่หลบซ่อนตัวส่วนใหญ่ล้วนปลอมชื่อเปลี่ยนแซ่เช่นนี้

ความอัตคัตและการต้องร่อนเร่พเนจร ดูเหมือนไม่มีสิ้นสุด

กระนั้นเสวี่ยชูฉิงไม่กลัวว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด

ตอนนี้ขณะที่รักษาความระวัง กลับมีความรู้สึกชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลง มีความสุขในความทุกข์

อย่างเช่นเรื่องที่นางกังวลในตอนนี้ไม่ใช่ว่าตนจะต้องก้าวเดินบนเส้นทางหลบหนีต่อ แต่เป็นความสัมพันธ์ทางศักดิ์ฐานะระหว่างนางกับเยี่ยนตี๋

‘โอย น่าหงุดงิดยิ่ง!’ เสวี่ยชูฉิงรองโอดโอยในใจ ‘จะคำนวณความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์ย่ากับท่านปู่ท่านย่าไม่ได้ ถึงอย่างไรก็อยู่คนละสำนัก ต้องแยกกัน ต้องแยกกัน อืม เป็นเช่นนี้!’

“ศิษย์น้องหลี่ เจ้าเป็นอะไรหรือ” ด้านข้างมีคนถามขึ้นอย่างสงสัย “เจ้าคงไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อกระมัง”

เสวี่ยชูฉิง หรือตอนนี้สมควรบอกว่าเป็นหลี่หลินรู้สึกตัว ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ใช่ ข้าเพียงเสียดายที่ไปงานเฉลิมฉลองครบสามปีของตึกความลับฟ้าไม่ทันเท่านั้น”

ทุกคนพากันกล่าว “ถูกต้อง ถึงพวกเราจะมีโอกาสไม่มาก แต่ถ้าเกิดถูกประมุขพรรคกับเหล่าผู้อาวุโสเลือกไปเข้าร่วมงานประมูล เช่นนี้วิเศษยิ่ง”

“หากอยู่ในโลกซ้อนโลก ถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาส พอลงมาที่นี่กลับไม่มีโอกาสแม้แต่นิดเดียว”

“เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ลงมาใหม่กลุ่มนี้ก็เป็นเหมือนกัน เกรงว่าจะเสียดายยิ่งกว่าเราอีก”

ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์ เสวี่ยชูฉิงเงียบเสียงอีกครั้ง

นางความจริงกลับไม่เสียดาย

เทียบกับลูกศิษย์พรรคชำระบุปผาเหล่านี้แล้ว เสวี่ยชูฉิงรู้อะไรมากกว่า

สหายในสำนักตรงหน้าเหล่านี้เพียงทราบว่าที่ตึกความลับฟ้ามีสภาวะยิ่งใหญ่เช่นวันนี้ เพราะมีความเกี่ยวข้องแนบแน่นกับสำนักของกษัตริย์กระบี่แห่งเขานครหยกยอดเขาเป่ยเกา

เสวี่ยชูฉิงเพียงได้ยินว่าผู้ดูแลตึกความลับฟ้าในปัจจุบันเป็นเสี่ยวอ้าย ก็ทราบว่านั่นเป็นฝีมือของเขากว่างเฉิง เป็นฝีมือของสามีแลบุตรชายของตน

ทว่านางไม่คิดไปหาเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก

นางเชี่ยวชาญมรรคาการทำนาย ทั้งยังมีของวิเศษเช่นผังเหอถูกครึ่งหนึ่งอยู่ในมือ กลับไม่อาจทำนายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขากว่างเฉิงได้ เพราะต้องหลบเลี่ยงคนที่ตามหานางผ่านการทำนาย ค้นพบร่องรอยและจับตาดูเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกเพราะสาเหตุนี้

แม้ข่าวในตอนนี้จะบอกว่าเขากว่างเฉิงหยัดยืนบนโลกซ้อนโลกอย่างมั่นคงได้แล้ว ทั้งยังมีผู้สนับสนุนเช่นกษัตริย์กระบี่ แต่เสวี่ยชูฉิงกลับเพิ่มความระวังขึ้น

คนที่ตามหานางบางทีอาจรอให้นางผ่อนคลาย เผยช่องโหว่เพราะสาเหตุนี้

ดังนั้นมาตรว่าในใจจะคิดถึงครอบครัว ตอนนี้เสวี่ยชูฉิงก็ยังคงฝืนสะกดจิตใจตัวเอง

ความกังวลที่น่าขบขันในเรื่องลำดับศักดิ์ระหว่างตนกับเยี่ยนตี๋ ไหนเลยไม่ใช่วิธีการคลายความคะนึงหาอย่างหนึ่ง

ตอนนี้เสวี่ยชูฉิงไม่มีอะไรผิดปรกติ ลอยขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับสหายในพรรคชำระบุปผาก กลับโลกซ้อนโลกผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ภายใต้การคุ้มครองของของวิเศษประจำพรรค

นางเดิมทีอยู่เหนือกว่าระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามแต่แรก ทว่ายามนี้ย่อมแสร้งเป็นเหมือนคนอื่น

กระนั้นในตอนที่ผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ เสวี่ยชูฉิงก็พลันเกิดความวิตกกังวล

ความรู้สึกอันตรายสายหนึ่งบัดเดี๋ยวปรากฏบัดเดี๋ยวสูญหาย

เพียงอึดใจเดียว ความระวังตัวของเสวี่ยชูฉิงก็เพิ่มสูงขึ้น

สำหรับนางแล้ว ถ้าหากไร้ความสำคัญจริงๆ วิกฤติการณ์เล็กน้อยที่ไม่อันตรายสมควรรับรู้ได้อย่างชัดเจน แต่ตอนนี้มันกลับบางเบาจนแทบสัมผัสไม่ได้ เลอะเลือนพร่ามัวคล้ายกับความรู้สึกหลอน เช่นนั้นก็มีคำอธิบายเดียว

มียอดฝีมือที่เชี่ยวชาญมรรคาการทำนายถึงขีดสุดกำลังปิดกั้นการรับรู้ของนาง!

ภายนอกแม้ไม่มีความผิดปกติใด ทว่าในม่านตาของนางพลันเป็นประกาย

‘แม้ดูผ่านผังเหอถูก็ยังไม่เห็น…’ เสวี่ยชูฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตอนนี้บนยอดเขาแห่งหนึ่งในโลกซ้อนโลกมีแสงสว่างสีเขียวมรกตพุ่งสู่ฟากฟ้า

แสงสีเขียวกลายเป็นแสงสว่างกระจายเต็มฟ้า แล้วแผ่ขยายออกไปสี่ทิศแปดทาง จากนั้นมันก็หายไปพร้อมกับการกระจายตัว เริ่มทำให้ผู้คนสัมผัสไม่ได้

เงาคนสายหนึ่งเงยหน้ามองดูแสงสีเขียวค่อยๆ สลายไปบนยอดเขา

ข้างหูเขาคล้ายกับสะท้อนเสียงสนทนาของคนผู้หนึ่ง

เจ้าของเสียงนั้นเป็นคนที่ก่อนหน้ามอบยันต์กระดาษสีเขียวมรกตใบหนึ่ง อันเป็นที่มาของแสงมรกตให้แก่เขา

เสียงของจ้าววิญญาณดินหลี่จวินซิ่น ลูกศิษย์ของประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิง

“อาคมนี้มาจากประมุขทิศบน พื้นฐานวรยุทธ์ของประมุขทิศบ คือคัมภีร์เกิดนภาซึ่งอยู่ในสามคัมภีร์ก่อนกำเนิดสายหยกพิสุทธิ์ หนึ่งในวิชาที่ถนัดในการทำนายมากที่สุด ยันต์ชิ้นนี้สามารถสะกดและปิดกั้นการรับรู้ที่ใกล้เคียงกับการหยั่งรู้ถึงอันตรายของกระเรียนหิมะได้ ทั้งยังรบกวนผังเหอผูครึ่งหนึ่งของนาง ท่านอาจารย์อนุมานว่าเวลาและโอกาสสมควรอยู่ไม่ไกล ขอให้ท่านกำหนดตำแหน่งคราวๆ การร่วมกันทำงานเช่นนี้จะทำให้ได้เบาะแสที่แม่นยำง่ายกว่าเดิม”

“เมื่อมีการช่วยเหลือจากยันต์อาคมของประมุขทิศบน แม้ว่ากระเรียนหิมะจะย้ายตำแหน่ง ในเวลาสั้นๆ สามารถสะกดรอยได้ เพียงแต่ครั้งนี้เวลามีจำกัด หากพลาดโอกาสนี้ไป คิดขัดขวางกระเรียนหิมะผู้นี้จะลำบากแล้ว ขณะเดียวกัน ถ้าเกิดพ่อลูกเขากว่างเฉิงคู่นั้นสัมผัสถึงความผิดปกติได้ แล้วเร่งรุดมาขัดขวาง ถึงแม้ว่าท่าอาจารย์จะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่ก็ต้องป้องกันเรื่องเหนือความคาดหมาย ดังนั้นต้องรีบเผด็จศึก จัดการให้เร็วที่สุด”

“ให้ขัดขวางกระเรียนหิมะนั่นไว้ เป็นตายแล้วแต่ท่านต้องการ เพียงแต่ของวิเศษมากมายบนตัวกระเรียนหิมะ ท่านอาจารย์ต้องการตรวจสอบ ขอให้ท่านจดจำข้อนี้ไว้ด้วย”

อีกฝ่ายคล้ายไม่กลัวว่าเขาจะฮุบของวิเศษ

กระนั้นตอนนี้เขาก็ไม่ได้ขบคิดมากมายขนาดนั้นจริงๆ

สำหรับเขาแล้ว สถานการณ์ที่ดีที่สุดคือสามารถกำจัดเสวี่ยชูฉิงในสถานการณ์ที่พ่อลูกในเขากว่างเฉิงคู่นั้นไม่ทราบเรื่องได้อย่างเงียบๆ แบบนี้เรื่องราวถึงจะวิเศษสุด ไร้ภยันอันตรายใดๆ

หลังจากถอนใจคำหนึ่ง เขาก็ปิดตาลง คำนวณเงียบๆ อยู่ในใจ

เนิ่นนานให้หลัง เขาก็ลืมตาขึ้น จากนั้นร่างกายหายไปจากที่เดิม พุ่งลิ่วไปยังทิศทางหนึ่ง

………………..