ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1141 ศักดิ์ต่ำกว่าสามีสองขั้น?!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

การมาถึงเมืองหยวนโจวพร้อมกับจักรพรรดิแพร ไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของเยี่ยนจ้าวเกอ

ปราณม่วงกว้างใหญ่สั่นไหวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน

บุรุษสวมอาภรณ์สีดำคนหนึ่งปรากฏกายด้านในทะเลเมฆสีดำ เค้าหน้าหล่อเหลาจนแทบไม่อาจหล่อเหลาไปมากกว่านี้ได้ องอาจสง่างาม เป็นจักรพรรดิแพรนั่นเอง…จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ

เขามีสีหน้าเรียบเฉย สองตาสงบนิ่งเหมือนน้ำที่ไม่มีระลอกคลื่นแม้แต่น้อย มองไปกลับไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจ

หรือควรบอกว่า ‘จิต’ สมควรมี เพียงแต่เหนือกว่าทุกผู้ทุกคน ทว่าไม่มีวิญญาณ

สายตาที่เขามองผู้อื่น เหมือนกับสำรวจตัวตนที่ไร้ชีวิต

ตอนนี้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำมองเยี่ยนจ้าวเกอ

หลังจากลากันในนพยมโลกเมื่อครั้งนั้น นี่เป็นครั้งที่สองที่เยี่ยนจ้าวเกอได้เผชิญกับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำที่เดินบนเส้นทางไร้รัก

เพื่อสั่งสมสภาวะให้แก่กษัตริย์กระบี่ เยี่ยนจ้าวเกอลบเงาร่างของตัวเองเหมือนตั้งใจเหมือนไม่ได้ตั้งใจตลอดเวลา

ดังนั้นถึงแม้ตึกความลับฟ้าจะมีชื่อกระฉ่อนไปทั่วโลกซ้อนโลก แต่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงความสัมพันธ์อย่างเป็นรูปธรรมของเยี่ยนจ้าวเกอและตึกความลับฟ้า และคนส่วนใหญ่ก็ไม่คุ้ยเคยกับความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวอ้ายและเยี่ยนจ้าวเกอด้วยเช่นกัน

ทว่าสำหรับยอดฝีมือระดับสูงบนโลกซ้อนโลกล้วนทราบ ว่าตึกความลับฟ้าที่พัดคลื่นลมขนาดมหึมาขึ้นบนโลกซ้อนโลกเป็นฝีมือของเยี่ยนจ้าวเกอ

ของล้ำค่าที่ได้สูญหายไปแล้วนับหลายสิบชนิดปรากฏโฉมขึ้นมาใหม่ ต่างก็เป็นเพราะเซียนผู้ถูกเนรเทศตระกูลเยี่ยน

แม้ปกติจะไม่ได้อยู่บนโลกซ้อนโลก แต่เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิแพรทราบเรื่องนี้ดี

ขณะนี้เขาพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอขึ้นลง พิจารณาอย่างละเอียดกว่าการเจอกันเป็นครั้งแรกในนพยมโลกเสียอีก

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเป็นปรกติ แม้ถูกจักรพรรดิเซียนจริงแท้ผู้หนึ่งจับจ้องกลับไม่มีความรู้สึกไม่สบายตัวแม้แต่น้อย

“จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำมาเยือน ตึกความลับฟ้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” เขาประสานมือคารวะ กล่าวอย่างเฉยชา “ท่านต้องการของล้ำค่าชิ้นใด เพียงให้ลูกศิษย์ในสำนักมาก็พอ ถึงกับมาเยือนด้วยตัวเองเช่นนี้ นับว่าข้าผู้แซ่เยี่ยนได้รับความเมตตาแล้ว”

เมื่อได้ฟังคำเรียกของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำก็หยุดการสำรวจ แต่อารมณ์ของเขากลับไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆ

“ข้าต้องการอะไร ตึกความลับฟ้าล้วนมีหรือ” จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกล่าวอย่างสงบ

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มแย้ม แต่สายตาไม่มีแววยิ้ม “ของที่ท่านต้องการมากที่สุดย่อมมี แต่ว่าท่านไม่มีทางจ่ายได้ ดังนั้นท่านโปรดเลือกของที่อยู่รองลงไป พิจารณาตัวเลือกอื่นๆ ดู แบบนี้จะได้ไม่ต้องกลับไปมือเปล่า”

จักรพรรดิแพรได้ยินคำตอบชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันของเยี่ยนจ้าวเกอ กลับไม่บันดาลโทสะ ยังคงเฉื่อยชา “ไม่ต้องรีบปฏิเสธ ข้าจะได้สิ่งที่ปรารถนาหรือไม่ พูดตอนนี้ยังเร็วไป”

“ถ้าหากวันนี้จักรพรรดิแพรคิดจะตรวจสอบของก่อน เกรงว่ายังคงผิดหวัง” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลาง ระวังจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำไปพลาง

อีกฝ่ายไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆ “หาเป็นไรไม่ ในเมื่อมาแล้ว ข้าย่อมไม่คิดจะพลาดเรื่องยิ่งใหญ่ในวันนี้ไป คงเป็นเรื่องที่หลายปีมานี้เกิดขึ้นไม่กี่ครั้ง”

เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่พูดอะไรต่อ พยักหน้าอย่างแช่มช้า “ผู้มาเป็นแขก จักรพรรดิแพรเชิญด้านใน”

คนทั้งสองเหาะลงบนเมืองหยวนโจว มาถึงตึกความลับฟ้า

ด้วยสถานะของจักรพรรดิแพร อย่าเพิ่งพูดถึงว่าเป็นมิตรหรือศัตรู ก่อนที่จะฉีกหน้ากันโดยสิ้นเชิง ย่อมต้องปฏิบัติดุจแขกผู้มีเกียรติ

ระดับป้ายคำสั่งของยอดเขาอัศจรรย์ในตึกความลับฟ้าเดิมทีก็สูงมากอยู่แล้ว

ในการเติบโตตลอดสามปีของตึกความลับฟ้า การต้อนรับกับบุคคลากรล้วนได้รับการอบรมอย่างเหมาะสม มีพนักงานรับแขกพาจักรพรรดิแพรไปยังห้องส่วนตัวที่แยกออกไปเดี่ยวๆ

เยี่ยนจ้าวเกอมีที่พักของเจ้าของตึก

พวกเสี่ยวอ้าย อาหู่ ชิวเจียไห่คอยอยู่ด้านใน แม้แต่หวังผู่ก็มาด้วย พอเห็นเขาเข้ามาก็ถามทันทีว่า “จักรพรรดิแพรที่สวมอาภรณ์ดำผู้นี้มาด้วยเจตนาใด”

“ยังไม่ทราบ แต่แน่ใจว่าผู้มาเยือนไม่มีเจตนาดี คิดก่อเรื่อง” เยี่ยนจ้าวเกอนั่งลง ทางหนึ่งจิบชา ทางหนึ่งกล่าว “แต่ดูจากลักษณะสะกดทัพไม่เคลื่อนไหวของเขาในตอนนี้ ข้ารู้สึกว่าคนที่จะก่อเรื่อง เกรงว่าไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว”

พวกหวังผู่สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา

“ต้องแจ้งให้ศิษย์น้องเนี่ยมาหรือไม่” ชิวเจียไห่ถาม

เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วนวดขมับของตัวเอง “ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไร ศิษย์พี่เนี่ยใช้การไม่เปลี่ยนแปลงรับมือการเปลี่ยนแปลงเถอะ เพียงให้เขาย้ายตำแหน่ง ไม่ต้องอยู่บนบึงพันทะเลสาบแล้ว เขตเพลิงทักษิณตอนนี้ไม่ใช่จุดสำคัญ ขอให้ศิษย์พี่เนี่ยย้ายไปอยู่ระหว่างเขตมหานภากลางและเขตตะวันอาคเนย์ก่อนชั่วคราวจะวิเศษกว่า”

หวังผู่กับชิวเจียไห่ต่างพยักหน้าแช่มช้า จากนั้นหวังผู่ก็กล่าวว่า “ติดต่อกับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวไม่ได้ ทางยอดเขาอัศจรรย์ก็ไม่มีข่าวคราวเช่นกัน”

จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำมาถึงที่นี่ คนที่จะรับมือเขาได้ดีที่สุด ย่อมเป็นจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวที่เหมือนศัตรูคู่อาฆาต

ปัจจุบันธงจตุกำเนิดอยู่ในมือของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาว ถ้าไม่มียอดฝีมือระดับเซียนคนอื่นๆ สอดมือช่วยเหลือ สถานที่ที่เขาปรากฏตัวขึ้น จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำก็ได้แต่หลบเลี่ยงหนีหน้าแล้ว

ก่อนหน้านี้ จักรพรรดิแพรสองคนต่อสู้กัน ท่านไล่ข้าหนี ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในมิติต่างแดน

ปัจจุบันจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกลับโลกซ้อนโลก พวกเยี่ยนจ้าวเกอย่อมต้องหาวิธีติดต่อให้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวกลับมา

“ทางประมุขตระกูลบอกว่า แม่นางฟู่ยังติดต่อกับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวไม่ได้” อาหู่รอบนี้เอ่ยอย่างเร่งร้อน

เยี่ยนจ้าวเกอตบหน้าผาก “รู้สึกไม่เหมือนกับบังเอิญ ดูเหมือนจะมีสถานการณ์อะไรสักอย่างที่มัดมือมัดเท้าจักรพรรดิแพรแพรอาภรณ์ขาว นี่เป็นหนึ่งในความมั่นใจที่จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำมาตึกความลับฟ้าอย่างเปิดเผยหรือ”

แต่ละคนมองหน้ากันไปมา รู้สึกเหมือนว่ามีตาข่ายไร้รูปร่างกำลังครอบคลุมมา

ฝ่ายเยี่ยนจ้าวเกอไม่กระวนกระวาย เพียงแต่ไม่เข้าใจ “เป้าหมายของพวกเขาคืออะไรกันแน่ เป็นตึกความลับฟ้าจริงๆ หรือ”

ในโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง ณ ตอนนี้ จอมยุทธ์กลุ่มหนึ่งกำลังรวมตัวกันมุ่งหน้าไปยังบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่เชื่อมไปยังโลกซ้อนโลก

ผู้ปกครองโลกเบื้องล่างใบนี้ มีชื่อว่าพรรคชำระบุปผา

พรรคชำระบุปผากำเนิดจากโลกเบื้องล่างใบนี้ ต่อมาสร้างรากฐานบนเขาใบชาหมอกเขตสุราลัยบูรพาของโลกซ้อนโลก

ทุกๆ สองสามปี พรรคชำระบุปผาแห่งเขาใบชาหมอกบนโลกซ้อนโลกจะเปลี่ยนลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งไปยังโลกเบื้องล่างใบนั้น ทางหนึ่งเพื่อเฝ้ารักษา ทางหนึ่งเพื่อฝึกฝน

ปัจจุบันมีศิษย์กลุ่มใหม่ถูกเลือก ได้มาถึงโลกเบื้องล่างแล้ว ลูกศิษย์กลุ่มก่อนหน้าที่พักอยู่ที่นี่กำลังจะได้กลับโลกซ้อนโลก

เหล่าลูกศิษย์กลุ่มก่อนหน้าย่อมยินดีเหลือแสน

กระนั้นก็มีคนไม่พอใจ “ฟังศิษย์พี่ที่ลงมาบอกว่า ตึกความลับฟ้านั่นปัจจุบันได้จัดงานเฉลิมฉลองครบสามปี น่าเสียดายพวกเราไปไม่ทันแล้ว”

คนอื่นๆ ต่างหัวเราะ “เรื่องใหญ่ปานนั้น พรรคชำระบุปผาของพวกเรามีแต่ประมุขพรรคกับเหล่าผู้อาวุโสถึงเข้าร่วมได้ ต่อให้ก่อนหน้านี้ท่านอยู่บนโลกซ้อนโลก แล้วยังจะทำอะไรได้”

“ประมุขพรรคกับเหล่าผู้อาวุโสจะต้องพาลูกศิษย์ไปปรนนิบัติด้วย ไหนเลยไม่มีโอกาสได้ไปเปิดหูเปิดตา” คนแรกโต้ตอบอย่างมีเหตุผล

ทุกคนหัวเราะต่อกระซิก ความจริงไม่ได้ยึดถือเป็นเรื่องสำคัญ

มีเพียงลูกศิษย์หญิงคนหนึ่งในนี้ แม้เปลือกนอกจะสนับสนุนทุกคน แต่สายตากลับเลื่อนลอยเล็กน้อย

‘คิดไม่ถึงว่าสามีกับจ้าวเกอถึงกับทำธุรกิจยิ่งใหญ่ขนาดนี้’ นางคิดอย่างซึมเซา กลับถอนใจอีกครั้ง ‘เสียดายข้ายังคงไม่อาจไปพบพวกเขา’

แม้เหมือนโอกาสที่ครอบครัวจะได้อยู่กันพร้อมหน้ากำลังจะสุกงอม บนโลกซ้อนโลกมีคนสามารถปกป้องตัวเองและมอบที่อยู่ให้แก่ตัวเองได้แล้วก็ตาม mว่าชีวิตที่ปกติต้องหนีตายเร่ร่อน ทำให้นางมีความระวังตัวสูงยิ่ง ไม่ได้ผ่อนคลายลง

เป็นเพราะว่าตนจะนำปัญหาไปให้เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกที่อุตส่าห์ตั้งตัวได้ นางจึงไม่ยินยอม

นางยอมให้ตัวเองลำบาก

แต่ว่า…

‘ยิ่งคิดไม่ถึงว่า สามีถึงกับเป็นบุตรของราชันพระศุกร์’ นางคิ้วขมวดมุ่น เรื่องที่กังวลกลับเป็นอีกเรื่อง ‘ราชันพระศุกร์มีศักดิ์เทียบเท่ากับอาจารย์ย่าของข้า แบบนี้เมื่อคำนวณแล้ว ข้าไม่ใช่มีศักดิ์ต่ำกว่าสามีสองขั้นหรอกหรือ’

“ล้อเล่นหรืออย่างไร?!”

………………..