ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1140 เจ้าอ้วนที่ยิ่งมายิ่งเจ้าเล่ห์

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จักรพรรดิแพรคนใด?

วาจานี้ของเยี่ยนจ้าวเกอพอฟังดูกลับน่าหัวเราะอยู่บ้าง แต่ความจริงกลับเป็นปัญหาที่เอาจริงเอาจังยิ่ง

จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำหรือจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาว ล้วนมีนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

อาหู่รู้ความแตกต่างดี ดังนั้นจึงตอบว่า “อาภรณ์ดำ!”

“อาภรณ์ดำ?” เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย

ไม่ว่าจะดูจากด้านเยี่ยนตี๋กับเมฆแปลงกำเนิด หรือเมิ่งหว่านกับฟู่ถิง จุดยืนของเยี่ยนจ้าวเกอกับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำอยู่ตรงกันข้ามกัน ทุกคนเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู

หลายปีมานี้ ระหว่างพวกเขาไม่มีเรื่องราวใด เพียงแต่เป็นเพราะว่าต่างฝ่ายต่างสะกดกันเอง และส่วนใหญ่จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำไม่ได้อยู่บนโลกซ้อนโลก

“เป็นข่าวที่ส่งมาจากยอดเขาอัศจรรย์” อาหู่กล่าวอย่างจนปัญญา “เป็นท่านที่ใส่อาภรณ์ดำไม่ผิดแน่”

ถึงแม้ต้องการจะกำจัดฟู่ถิงและเมิ่งหว่าน แต่ว่าจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกลับไม่มีเจตนาเป็นศัตรูกับคนอื่นๆ ในยอดเขาอัศจรรย์

แน่นอนว่าไม่อาจพูดถึงความสัมพันธ์ใดๆ แต่สำหรับเขาแล้ว ลูกศิษย์ในสำนักไม่ใช่สิ่งที่มีหรือไม่มีก็ได้ ในด้านที่ส่งผลดีต่อเขาเช่นกันย่อมไม่อาจละทิ้ง

นอกเสียจากว่า คนของยอดเขาอัศจรรย์จะสนับสนุนจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาว หรือขัดขวางจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำอย่างชัดเจน

ตอนนี้พวกเหอซีสิงยังคงรักษาท่าทีเป็นกลาง สำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิแพรแพรอาภรณ์ขาวหรืออาภรณ์ดำ ความจริงก็ถือเป็นผู้ปกครองยอดเขาอัศจรรย์อยู่ดี

ไม่ว่าสุดท้ายใครชะมีชัย ยอดเขาอัศจรรย์ก็ยังมีจักรพรรดิแพรเป็นผู้ปกครอง

ถึงแม้ว่าจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำจะไม่ค่อยน่าคบหา แต่ทุกคนย่อมไม่ต่อต้าน

นอกจากว่าส่วนใหญ่จะแสร้งเป็นเลอะเลือน ทำเป็นคนหูหนวกต่อเรื่องจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวกับฟู่ถิงแล้ว จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำเมื่อมีคำขอหรือคำสั่งใด ทั่วทั้งยอดเขาอัศจรรย์ก็ได้แต่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ยังดีที่ก่อนที่สองจักรพรรดิแพรจะมีผลแพ้ชนะอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์ดำหรืออาภรณ์ขาวก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้แก่พวกเหอซีสิง นับว่าทำให้ทุกคนโล่งใจ

ถึงจะทราบว่าจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำคล้ายไม่ถูกกับเยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิง แต่คนของยอดเขาอัศจรรย์ไม่เห็นสาเหตุที่ชัดเจน จึงหวังจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายปรับความเข้าใจกันอย่างเต็มที่

ดังนั้นเหอซีสิงจึงมายังตึกความลับฟ้าในฐานะตัวแทน ติดต่อแทนอาจารย์ของตัวเอง หวังให้ตึกความลับฟ้ายินยอม อย่ายึดถือความขัดแย้ง

เขากลับไม่ทราบว่า ความขัดแย้งระหว่างเขากว่างเฉิงกับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำแทบไม่อาจไกล่เกลี่ยได้ นอกเสียจากจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำยินยอมหยุดอยู่ในระดับนี้ ไม่พัฒนาขึ้นอีก

“ตอบรับเขา” เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง กลับเห็นด้วย

“…ขอรับคุณชาย” อาหู่ใช้สายตาประหลาดใจมองมา เยี่ยนจ้าวเกอจึงใช้นิ้วนวดขมับของตัวเองเบาๆ “เรื่องราวผิดธรรมดาย่อมมีเลศนัย ข้าอยากรู้ว่าเขาวางแผนอะไร หากไม่ให้เขามา ก็ไม่อาจทราบถึงร่องรอยและทิศทางของเขา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ปล่อยให้เขามาเถอะ”

หลังจากที่ชิวเจียไห่ซึ่งคอยคุ้มครองตึกความลับฟ้าได้ฟังข่าว ก็อดตื่นตระหนกไม่ได้ “จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำจะมา? ถ้าเกิดว่าอาละวาดขึ้นมา งานประมูลคงดำเดินต่อไปไม่ได้ ถึงอย่างไรก็เป็นจักรพรรดิคนหนึ่ง”

“ท่านชิวโปรดวางใจ จักรพรรดินีเองก็มาเข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้ด้วย” อาหู่อธิบาย

ชิวเจียไห่พอฟังดังนั้นก็โล่งใจ “ที่แท้เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว”

เขาถามอย่างประหลาดใจ “จริงด้วย ศิษย์น้องเยี่ยนเล่า ตอนนี้ของที่จะใช้ประมูลล้วนครบแล้ว เขายังอยู่ในหุบเขาผีเสื้อมังกรอีกหรือ”

“คุณชายเขา…อืม กำลังดูแลโร่วโร่วที่นายหญิงทิ้งไว้” อาหู่ยิ้มอย่างสัตย์ซื่อ

ชิวเจียไห่มึนงง “โร่วโร่ว?”

เสี่ยวอ้ายกระแอมขึ้นด้านข้าง “ความจริงท่านชิวอาจได้เจอในหุบเขาผีเสื้อหิมะแล้ว โร่วโร่วเป็นสุนัขสีดำตัวนั้น”

“อ้อ เคยเจอแล้วจริงๆ” ชิวเจียไห่ได้ยินก็พลันนึกออก ทว่ายังคงสงสัยอยู่บ้าง

อาหู่อธิบาย “โร่วโร่วเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักที่ก่อนหน้าฮูหยินน้อยเลี้ยงไว้ หลังจากพวกเราตั้งตัวบนทะเลหวงเจียได้แล้ว ฮูหยินน้อยก็ได้พาโร่วโร่วมาจากโลกแปดพิภพ ต่อมาฮูหยินน้อยออกเดินทาง จึงทิ้งโร่วโร่วไว้ที่เขากว่างเฉิงเพื่อความปลอดภัย หลายปีมานี้ส่วนใหญ่เป็นคุณชายดูแล”

เฟิงอวิ๋นเซิงออกเดินทาง นางจะเป็นตายอย่างไรยากจะคาดคิดถึง ตอนนั้นย่อมไม่อาจพาโร่วโร่วไปด้วย เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นแค่สุนัขสีดำทั่วไป แม้แต่สัตว์ประหลาดก็ไม่ใช่

ต่อมาเรื่องราวได้พิสูจน์ว่าการตัดสินใจของนางชาญฉลาดขนาดไหน

“สองวันมานี้โร่วโร่วล้มป่วย เพราะว่าอีกหลายวันกว่าจะถึงงานประมูล คุณชายจึงคิดจะดูแลมันให้หายดีก่อน” อาหู่อธิบาย

สำหรับสุนัขธรรมดา อายุขัยของโร่วโร่วใกล้จะสิ้นสุดแล้ว

โอสถวิญญาณที่ใช้ยืดอายุขัยส่วนหนึ่งไม่มีประโยชน์สำหรับจอมยุทธ์ที่มีพลังฝึกปรือสูง มีกายเนื้อและลมปราณแข็งแกร่ง แต่ว่าหากป้อนให้โร่วโร่ว แม้จะให้มันตายพร้อมกับผู้เป็นนายไม่ได้ ก็ยังยืดอายุได้ไม่น้อย ดังนั้นในตอนนี้จึงยังกระฉับกระเฉงอยู่

แน่นอนว่า อาจจะล้มป่วยได้อยู่ดี

ในหุบเขาผีเสื้อมังกร เยี่ยนจ้าวเกอมองเจ้าตัวเล็กด้านหน้า สะกิดหน้าผากมันเล็กน้อย “เมื่อก่อนอวิ๋นเซิงเลี้ยงเจ้าจนตะกละเกินไป อะไรก็กล้ากินหมด ตอนนี้กินจนป่วยแล้วกระมัง”

สุนัขสีดำตัวน้อยครางหงิงๆ อย่างน้อยใจ ซุกตัวด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมแกว่งหางเล็กไปมา

ตอนนี้มันเริ่มหายดีแล้ว

“เจ้าตัวเล็ก” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคอของมัน หันไปพูดกับเจ้าตัวโตที่อยู่อีกด้านหนึ่ง “หลังจากข้าไป ข้าขอฝากเจ้าด้วย ทำตัวให้น่าเชื่อถือหน่อย”

พ่านพ่านที่เหมือนภูเขาขนาดย่อมๆ กะพริบตาปริบๆ พยักหน้าอย่างเหลอหลา

หากพูดถึงด้านประโยชน์ หรือศักยภาพ สุนัขสีดำไม่อาจเทียบกับปี่เซียะภูเขาตัวนี้ได้

แต่พูดถึงที่สุด การเลี้ยงสัตว์ไม่ใช่แค่ต้องเลี้ยงให้เชื่องและดูแลบ้านได้

ตัวโง่งมบางตัวที่มีความสามารถดูแลบ้าน ทว่าหลายๆ ครั้งก็ไม่น่าเชื่อถือเช่นกัน…

เยี่ยนจ้าวเกอสงสัยอยู่ลึกๆ ว่า ในตอนที่ตนไม่อยู่ โร่วโร่วจะถูกพ่านพ่านกลั่นแกล้งอย่างไร

ไม่ทราบว่าเป็นความรู้สึกหลอนหรือไม่ เจ้าอ้วนที่ยิ่งมายิ่งเหมือนมนุษย์ มีสติปัญญาปราดเปรียวขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้คล้ายกับเจ้าเล่ห์มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

มันเคยแว้งกัดอาหู่ เพราะว่าอาหู่เอามือไปชนใส่หูของมัน

แม้จะผ่านไปแล้วหลายปี ทว่าเสียงร้องโอดโอยในตอนนั้นของอาหู่ก็คล้ายยังดังขึ้นข้างหู่เยี่ยนจ้าวเกอ ทำให้เขาทราบว่าคนคนหนึ่งส่งเสียงร้องดังได้ขนาดไหน

และหลังจากเกิดเรื่องแล้วเจ้าอ้วนก็ทำหน้าซื่อตาใส แสดงสีหน้าบอกว่า ‘เขาลงมือก่อน’ ทำให้อาหู่อยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา

“หลายปีมานี้ข้าเองก็เอาใจเจ้าโร่วโร่วมากไป โอ๋มันเสียยิ่งกว่าตอนที่อวิ๋นเซิงอยาเสียอีก สมควรหาคนมาเล่นบทดุแทนข้า ส่วนข้าก็เล่นบทคนดี” เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนทบทวนตัวเอง แสร้งทำเป็นไม่มองเห็นสายตาน่าสงสารของโร่วโร่ว เขาโยนมันให้พ่านพ่าน จากนั้นก็ออกจากหุบเขาผีเสื้อมังกร มุ่งหน้าไปยังตึกความลับฟ้า

หลังจากรั้งอยู่ในหุบเขาผีเสื้อมังกรระยะหนึ่ง พอเยี่ยนจ้าวเกอไปถึงตึกความลับฟ้าในเมืองหยวนโจว ก็นับใกล้จะถึงวันเปิดงานประมูลแล้ว

เขาย่อมไม่ได้อยู่ที่หุบเขาผีเสื้อมังกรเพื่อโร่วโร่วเพียงอย่างเดียว แต่ยังจัดการเรื่องอื่นๆ ไปด้วย มาวันนี้ถึงค่อยถือว่าเตรียมการเสร็จสรรพ

แต่พูดไปก็นับว่าบังเอิญนัก ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงตึกความลับฟ้า เหนือเมืองหยวนโจวก็ปรากฏปราณม่วงที่มีรัศมีหมื่นลี้พอดี

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็ตาเป็นประกายเล็กน้อย “โอ้? จักรพรรดิแพรหรือ”

………………..