บทที่ 1396 ใต้เท้าใหญ่คนใหม่

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,396 ใต้เท้าใหญ่คนใหม่

“สำเร็จแล้วหรือ? เป็นไปได้อย่างไร?”

เด็กสาวเท้าเปล่าหรี่ตาลง “นี่เขา… สามารถทำได้จริง ๆ หรือเจ้าคะ?”

สีหน้าของใต้เท้าเหลียนกลับมาเยือกเย็นดังเดิมแล้ว

แต่ในดวงตาคู่งามนั้นยังปรากฏความตกตะลึงให้เห็นอยู่บ้าง

“ข้ามั่นใจว่าเขาต้องทำได้สำเร็จ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำได้สำเร็จอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้…” ความตกตะลึงทำให้ใต้เท้าเหลียนยังคงมีหัวใจเต้นรัวเร็วอยู่ดังเดิม

ปกติแล้ว การเข้ารับตำแหน่งใต้เท้าใหญ่ต้องใช้เวลาในการดูดซับพลังนานเท่าไหร่?

ตัวใต้เท้าเหลียนเองต้องใช้เวลาถึงสามเดือน

ส่วนผู้ที่ดูดซับพลังจากเทพเจ้าระดับสูง ซึ่งเทียบเท่ากับตำแหน่งใต้เท้าใหญ่ที่รวดเร็วที่สุดนั้นไม่ได้อยู่รับใช้สภาเทพเจ้า

เป็นกระบี่กวาดสวรรค์ซวีเซี่ยเกอ

เขาใช้เวลาเพียงสิบวัน

แต่ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าซวีเซี่ยเกอมีปัญหาอันใดกับท่านมหาเทพ เพราะหลังจากนั้น เขาก็ถูกขับไล่ออกจากสภาเทพเจ้า

เรื่องทุกอย่างล้วนเป็นอดีต

แต่เจี๋ยนเซียวเหยาที่อยู่ในหอคอยหรงเซินขณะนี้ใช้เวลาดูดซับพลังทั้งหมดนั้นเท่าไหร่กัน?

เต็มที่ไม่น่าจะเกินสองชั่วยาม!

เหตุไฉนเขาจึงสามารถหลอมรวมพลังจากใต้เท้าฉางได้รวดเร็วถึงเพียงนี้?

เจี๋ยนเซียวเหยามีระดับพลังที่แท้จริงอยู่ในขั้นไหนกันแน่?

“นั่นสิเจ้าคะ… เขาใช้เวลาน้อยเกินไป”

เด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำพึมพำ

หลังจากหยุดชะงักเล็กน้อย นางก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกล่าวต่อว่า “เท่าที่ข้าน้อยรู้ เขาเคยได้รับการแต่งตั้งจากใต้เท้ากั้วให้เป็นเทพเจ้าแห่งแดนรกร้างมาก่อน และครั้งนี้ เขาก็รับตำแหน่งเทพเจ้าสายฟ้าสืบต่อจากใต้เท้าฉาง… เป็นไปได้ไหมเจ้าคะที่ร่างกายของเขาเคยรับพลังเทพเจ้ามาแล้ว เขาจึงสามารถดูดซับพลังได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ?”

ใต้เท้าเหลียนได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย

คำอธิบายนี้… มีความเป็นไปได้พอสมควร

แม่น้ำที่ไหลเชี่ยวย่อมสามารถรองรับกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากได้อยู่แล้วกระมัง?

สำหรับสถานการณ์ของเจี๋ยนเซียวเหยา นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่มันเป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากเท่านั้น

ใต้เท้าเหลียนรู้ดีว่าการหลอมรวมพลังของเทพเจ้าระดับสูงเช่นนี้มีความยากลำบากเพียงใด

“เขาผู้นี้ช่างโชคดีเหลือเกิน ได้ครอบครองทั้งตำแหน่งของเทพเจ้าแห่งแดนรกร้างและตำแหน่งของใต้เท้าฉาง หลังจากนี้เขาคงมีอำนาจล้นมือแล้ว”

เด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำกล่าว

ใต้เท้าเหลียนไม่ได้ตอบรับคำใด

เจี๋ยนเซียวเหยาจะมีอำนาจล้นมือจริงหรือไม่?

อาจไม่ใช่

เพราะขณะนี้ กระแสลมในเมืองเยี่ยเฉิงรุนแรงมากกว่าที่ใครหลายคนเข้าใจ

“สภาเทพเจ้ากำลังจะมีใต้เท้าใหญ่คนใหม่”

ใต้เท้าเหลียนกล่าวแผ่วเบา น้ำเสียงอ่อนหวานขึ้นมาเล็กน้อย

นางค่อย ๆ ถอนสายตาของตนเองกลับมาและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นอีกครั้ง “ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งเจี๋ยนเซียวเหยาได้อีก ในเมื่อเขาสามารถครอบครองตำแหน่งของใต้เท้าฉางได้ นี่ก็หมายความว่าเขาผ่านการประเมินจากท่านมหาเทพแล้ว… เจ้ารีบไปเตรียมตัวช่วยเหลือเจี๋ยนเซียวเหยาที่วิหารเก่าของใต้เท้าฉางเถอะ”

เด็กสาวเท้าเปล่ามีดวงตาเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาทันที

นางรวบผมที่ยาวสลวย ก่อนประสานมือก้มศีรษะ ตอบรับว่า “ได้เลยเจ้าค่ะ อิอิ ข้าน้อยจะใช้โอกาสนี้เกาะติดเขาไม่ยอมปล่อย หรือบางที ข้าน้อยอาจจะทำให้เขาหลงเสน่ห์จนโงหัวไม่ขึ้น และเขาก็จะกลายเป็นทาสรับใช้คนใหม่ของพวกเรา”

ใต้เท้าเหลียนหันกลับมามองตาขวาง “อย่าก่อกวน”

เด็กสาวเท้าเปล่าหัวเราะคิกคักและไม่พูดอะไรอีก

ในเวลาเดียวกันนี้…

ครืน!

นางหันหน้ามองไปยังหอคอยหรงเซินที่อยู่ห่างออกไป

ขณะนี้ ก้อนเมฆกลุ่มใหญ่ได้ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าอย่างช้า ๆ สายฟ้าแลบแปลบปลาบ บรรยากาศเหนือหอคอยหรงเซินดูแปลกประหลาดและน่าขนลุก คล้ายกับว่ากำลังจะเกิดพายุซัดถล่มในอีกไม่ช้า

ทันใดนั้น สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในดินแดนทวยเทพต่างก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่กดดันนี้

ครืด!

บรรดาอัญมณีที่เด็กสาวเท้าเปล่าสวมใส่เกิดการสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย

“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ?”

เด็กสาวหันกลับไปมองหน้าใต้เท้าเหลียนด้วยความประหลาดใจ

บัดนี้ ในอากาศปรากฏคลื่นพลังไหลเวียนราวกับกระแสน้ำ

วัตถุที่สร้างจากโลหะทุกชนิดรอบกายเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง

“ข้าน้อยจำได้ว่าพลังของใต้เท้าฉางไม่ได้มีผลต่อแร่โลหะเลยนะเจ้าคะ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำหายวับไป คิ้วของนางขมวดมุ่น

ใต้เท้าเหลียนส่ายศีรษะ ตอบว่า “แม้จะมีตำแหน่งเดียวกัน แต่เมื่อคนที่เข้ามารับตำแหน่งต่างกัน พลังที่พวกเขาจะได้ครอบครองก็ต่างกันเช่นกัน ใต้เท้าฉางสามารถควบคุมก้อนเมฆและสายฟ้า จึงไม่สามารถควบคุมแร่โลหะ… แต่เจ้าไม่ต้องสนใจไปหรอก การที่เจี๋ยนเซียวเหยาสามารถสืบทอดตำแหน่งต่อจากใต้เท้าฉางได้สำเร็จ นั่นก็คือสิ่งที่อธิบายทุกอย่างแล้ว ดังนั้น จงร่วมมือกับเขาให้ดี”

เด็กสาวเท้าเปล่าถอนหายใจออกมาด้วยความเกียจคร้านอีกครั้ง “ก็ได้เจ้าค่ะ ก็ได้ แต่ใต้เท้ามั่นใจแน่นะเจ้าคะว่าความพยายามของพวกเราจะไม่สูญเปล่า?”

ใต้เท้าเหลียนไม่สนใจสนทนาต่อไป “ยังไม่รีบไปอีก”

“ไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”

ทันใดนั้น ร่างของเด็กสาวเท้าเปล่าก็ลอยขึ้นในอากาศและพุ่งวาบหายไป

เมื่อนางมาปรากฏกายอีกครั้งหน้าวิหารประกาศิต เด็กสาวก็มีสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “นอกจากพวกเราแล้ว ก็ยังมีฮันลั่วเซวี่ยอีกคนนี่นะที่รู้ความจริงเกี่ยวกับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ”

หลังพูดกับตนเองจบ ร่างของเด็กสาวเท้าเปล่าก็หายวับไปในอากาศ

เมื่อได้อยู่เพียงลำพัง ใต้เท้าเหลียนก็หันหน้ามองไปยังทิศทางของหอคอยหรงเซิน

หัวคิ้วขมวดมุ่น ราวกับนางกำลังนึกถึงปัญหาอะไรบางอย่าง

หลินเป่ยเฉินเลิกล้มความพยายามที่จะปลดผนึกพลังปราณธาตุดินและพลังปราณธาตุไม้ต่อไป

เพราะเมื่อสักครู่นี้ เขาสามารถปลดผนึกพลังปราณธาตุทองคำได้สำเร็จ

และเด็กหนุ่มรู้ดีว่าในหอคอยหรงเซิน ย่อมมีหลายสายตาจับจ้องมองอยู่

หากเขายังคงหาทางปลดผนึกพลังปราณธาตุต่อไป ก็อาจจะกลายเป็นจุดสนใจของบรรดาเทพเจ้าเอาได้

และหากความลับข้อนี้ถูกเปิดเผย หลินเป่ยเฉินก็มีแต่ต้องรีบหลบหนีเท่านั้น

“พอแค่นี้ก็แล้วกัน อย่าเพิ่งใจร้อนเลยดีกว่า ไว้ค่อยหาทางปลดผนึกต่อทีหลังก็ยังไม่สาย”

หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นแล้วหมุนตัวเดินออกมา

เซียวอวี้ยังคงยืนรออยู่ที่หน้าประตูทางเข้าหอคอยหรงเซิน

“ขอแสดงความยินดีต่อใต้เท้าเจี๋ยนด้วยขอรับ”

เซียวอวี้และนักรบเทวะชั้นนำผู้ติดตามทั้งสิบคนพร้อมใจกันก้มศีรษะลงประสานมือทำความเคารพ

พวกเขาไม่ใช่คนโง่ กระแสพลังที่ระเบิดออกมาจากหอคอยเมื่อสักครู่ พวกเซียวอวี้ย่อมทราบดีว่าหลินเป่ยเฉินหลอมรวมพลังเข้ากับตำแหน่งใด

เซียวอวี้คิดไม่ถึงเลยว่าใต้เท้าฉางตกตายไปได้ไม่เกินสองวัน ก็มีใต้เท้าคนใหม่เข้ารับตำแหน่งสืบทอดต่อทันที

“พวกเราได้รับคำสั่งจากใต้เท้าเหลียน ให้ช่วยนำทางใต้เท้าเจี๋ยนไปยังวิหารเก่าของใต้เท้าฉางขอรับ”

เซียวอวี้คุกเข่าลงข้างหนึ่งด้วยกิริยาท่าทีแสดงออกถึงความเคารพสูงสุด

หลินเป่ยเฉินสะดุ้งเล็กน้อย แต่แล้วก็เข้าใจอะไรบางอย่าง

เขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากใต้เท้าฉาง จึงได้ครอบครองวิหารของใต้เท้าฉาง ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้าด้วยสินะ?

มีเรื่องที่ดีงามเช่นนี้ด้วยหรือ?

หลินเป่ยเฉินหัวใจพองโตด้วยความตื่นเต้น

แต่ว่า…

เขากลับไปหาอาจารย์ฉู่กับกลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้าและเจ้าอ้วนก่อนดีกว่า

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือกลับไปหาชิงเล่ย

อย่างไรการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ก็จบสิ้นลงแล้ว ได้เวลาที่เขาจะเดินทางออกจากดินแดนทวยเทพเพื่อกลับสู่จักรวรรดิเป่ยไห่

แต่ก่อนเดินทางกลับ หลินเป่ยเฉินต้องจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ให้เรียบร้อยเสียก่อน

“งั้นข้าขอถามอะไรหน่อยแล้วกัน”

หลินเป่ยเฉินกล่าว “หากสาวกของใต้เท้าฉางในวิหารแห่งนั้นคิดก่อกบฏกับข้า ข้าสามารถทำอะไรได้บ้าง?”

“หากในวิหารของใต้เท้าฉางมีผู้คนคิดกบฏต่อใต้เท้าเจี๋ยน” เซียวอวี้ตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพ “ไม่ว่าจะเป็นเทพเจ้าระดับใด ใต้เท้าเจี๋ยนก็สามารถสั่งเป็นสั่งตายพวกเขาได้ตามใจปรารถนาเลยขอรับ”

หลินเป่ยเฉินพลันยกมือขึ้นนวดขมับตนเอง “งั้นท่านช่วยไปตรวจสอบความเรียบร้อยให้ข้าก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะไปที่วิหารแห่งนั้นด้วยตนเองอีกที”

“ไม่มีปัญหาขอรับ”

เซียวอวี้และผู้ใต้บังคับบัญชาลุกขึ้นยืน

หลินเป่ยเฉินจึงบ่ายหน้าเดินทางกลับไปที่คฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝู

แต่ทันใดนั้น อยู่ดี ๆ หลินเป่ยเฉินก็เกิดความรู้สึกเสมือนตนเองลืมเรื่องราวสำคัญไปบางประการ

“ให้ตายสิ ช่วงหลังนี้น้ำหนักเราลดไปไม่น้อย คงต้องกินอาหารให้เยอะขึ้นซะแล้ว”

เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่หน้าประตูรั้วคฤหาสน์ด้วยสีหน้าตื่นเต้น