ตอนที่ 1,397 เป็นกบฏ

“เดี๋ยวก่อนสิ ดูเหมือนว่าเราจะลืมเรื่องที่รับปากกับท่านยายของมู่หลินเซินไปเสียสนิทเลย”

หลินเป่ยเฉินนึกขึ้นมาได้ก็ตกใจไม่น้อย

แต่แล้วจิตใจของเขาก็สงบลง

เพราะขณะนี้ หลินเป่ยเฉินมีตำแหน่งเทพเจ้าติดตัวอยู่มากกว่าเจ็ดร้อยตำแหน่ง เขาย่อมมีตำแหน่งที่ทำให้ท่านยายของมู่หลินเซินสามารถพึงพอใจได้อยู่แล้ว

ดังนั้น จึงไม่มีอะไรที่หลินเป่ยเฉินต้องเป็นกังวลอีกต่อไป

เด็กหนุ่มผลักประตูรั้วเดินเข้าไปอย่างองอาจ

“เชี่ย?”

แต่เมื่อเห็นคนจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ที่สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์ หลินเป่ยเฉินก็อดตกตะลึงไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย?”

สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝูมีขนาดไม่เล็ก สามารถรองรับผู้คนได้จำนวนหลายร้อย แต่ขณะนี้กลับมีผู้คนเบียดเสียดกันอย่างหนาแน่น บางคนสวมใส่ชุดเกราะเงิน บางคนสวมเครื่องแบบนักเวท… ชวนให้หลินเป่ยเฉินนึกถึงบรรยากาศของงานคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

ควับ!

เมื่อหลินเป่ยเฉินปรากฏตัว ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนก็หันมาจ้องมองที่เขา

“นายท่านกลับมาแล้ว”

เฉียนหลงวิ่งเข้ามาหาเป็นคนแรก “กลุ่มคนเหล่านี้เป็นตัวแทนจากเทพเจ้าตระกูลต่าง ๆ มาร่วมแสดงความยินดีต่อนายท่านขอรับ ข้าน้อยไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้เลย”

ลู่ปิงเหวินก็รีบวิ่งเข้ามารายงานด้วยเช่นกันว่า “นายท่านขอรับ แม่นางชิงเล่ยยังคงปลอดภัยดี…”

แต่พูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกคนอื่น ๆ วิ่งเข้ามาเบียดจนกระเด็นออกไป

“คุณชายเจี๋ยน”

“กราบเรียนคุณชาย ข้าน้อยมาเรียนเชิญคุณชายไปร่วมงานเลี้ยง”

“นี่คือของขวัญที่พวกเราเตรียมมามอบให้แก่คุณชายขอรับ นี่คือตัวแทนความจริงใจของพวกเรา…”

“ข้าน้อยเป็นตัวแทนจากเผ่าเทพอัคคี ข้าน้อยมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับคุณชายเจี๋ยน ไม่ทราบว่าคุณชายสนใจเข้าร่วมกับเผ่าเทพอัคคีของพวกเราหรือไม่?”

“ข้าน้อยพร้อมรับใช้คุณชายเสมอ”

กลุ่มคนจำนวนมากต่างก็เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังหลินเป่ยเฉินจนเกิดเป็นความชุลมุนวุ่นวายโกลาหล

หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะโด่งดังถึงเพียงนี้

ในที่สุด ทุกคนก็ยอมรับเขาเป็นเทพเจ้าแล้วสินะ?

หลินเป่ยเฉินฉีกยิ้มอย่างสง่างามและยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนอยู่ในความสงบ “ทุกท่านได้โปรดใจเย็นก่อน ค่อย ๆ เข้ามาพูดคุยทีละคน ไม่ต้องตื่นเต้นไป… โอ๊ย เป็นผู้ใดเหยียบเท้าข้า ใครดึงเสื้อข้า? เดี๋ยวก่อนสิ อย่าได้เที่ยวลูบไล้ร่างกายข้าตามใจชอบ… ทุกคนหยุด!”

หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ระเบิดพลังขับไล่ทุกคนออกไปจากคฤหาสน์ของตนเอง

หลินเป่ยเฉินหอบหายใจเสมือนเพิ่งผ่านการต่อสู้มาอย่างหนักหน่วง

แน่นอนว่าตัวคนกลับไปแล้ว แต่ของขวัญยังคงอยู่

“นายท่านขอรับ ขับไล่แขกไปเช่นนี้จะไม่เกิดปัญหาตามมาหรือ?”

ซือเกินตั๋งถามขึ้นมา

หลินเป่ยเฉินยิ้มอย่างผู้ชนะและตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ต้องห่วง บัดนี้ข้ามีตำแหน่งยิ่งใหญ่กว่าพวกเขาแล้ว”

จังหวะนั้น ชิงเล่ย ฉู่เหินและไต้จือฉุนก็เดินออกมาจากด้านในคฤหาสน์พอดี

หญิงสาวโถมตัวเข้าใส่อ้อมกอดของหลินเป่ยเฉินทันที

กลิ่นกายที่หอมหวนโชยขึ้นมาเตะจมูกของหลินเป่ยเฉินเมื่อเขาโอบแขนกอดเอวบางแนบแน่น

“นายท่านเลือกตำแหน่งใดหรือขอรับ?”

กวนรั่วเฟยถามด้วยความตื่นเต้น

หลินเป่ยเฉินบอกเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจบลงโดยไม่ปิดบัง

“ตำแหน่งของใต้เท้าฉาง?”

บรรดาคุณชายผู้สูงศักดิ์ถึงกับปากอ้าตาค้าง

“นายท่านขอรับ…. มะ… หมายความว่า บัดนี้นายท่านเป็นหนึ่ง… นะ… นะ… ในห้าใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้าแล้วหรือ?”

สีหน้าของลู่ปิงเหวินแปรเปลี่ยนไป

เจ้าอ้วนพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า “ทะ… ทะ… ทำไม… จะ… เจ้าต้อง… ตะ… ตะ… ติดอ่าง… มะ… เหมือนข้าด้วย?”

ดวงตาของมู่หลินเซินเป็นประกายระยิบระยับ หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างมีความสุข “นายท่าน… งั้นบัดนี้พวกเราสมควรเรียกท่านว่าใต้เท้าแล้วใช่หรือไม่?”

โป๊ก! โป๊ก! โป๊ก!

เจ้ากิ้งก่ายักษ์รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะกับพื้นหินทันที

“หากพื้นบ้านข้าเสียหาย เจ้าต้องจ่ายค่าซ่อมแซมนะ”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำราม

ต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าที่ทุกคนจะกลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง

“หากกลุ่มคนเมื่อสักครู่นี้รู้ว่าเจ้ากลายเป็นใต้เท้าใหญ่แล้ว พวกเขาก็คงไม่กล้าบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์ของเจ้าแน่”

ฉู่เหินอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

“บัดนี้ พวกเราไม่ต้องหวาดกลัวผู้ใดอีกแล้ว”

เฉียนหลงยิ้มจนปากฉีกถึงรูหู แสดงออกถึงความสุขที่เปี่ยมล้น

สำหรับผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นหนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้า ว่ากันว่านี่คือตำแหน่งสูงสุดในเมืองเยี่ยเฉิง หลังจากนี้ ธุรกิจสำนักโอสถที่พวกเขากำลังจะเปิดขายโอสถรักษาโรคบุปผามรณะก็คงไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือเข้ามาปั่นป่วนอีกแล้วกระมัง?

“ประเสริฐ ขอให้พวกเจ้าทำตามแผนเดิมต่อไป”

หลินเป่ยเฉินให้คำยืนยันที่หนักแน่นมั่นคง

เขากวาดสายตามองกลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ เจ้าอ้วน เจ้ากิ้งก่ายักษ์และอาจารย์ฉู่ก่อนพูดว่า “บัดนี้ ข้ามีตำแหน่งเป็นหนึ่งในใต้เท้าใหญ่ก็จริง แต่ข้ายังไม่มีผู้ติดตาม หากพวกเจ้าอยากจะเป็นผู้ติดตามของข้าอย่างเป็นทางการ ข้าก็จะมอบตำแหน่งเทพเจ้าให้แก่พวกเจ้าคนละหนึ่งตำแหน่ง”

เมื่อบรรดาคุณชายผู้สูงศักดิ์ได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็ยืนตกตะลึง

ก่อนจะแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา

“นายท่านขอรับ ข้าน้อย…”

เฉียนหลงก้าวออกมาข้างหน้าแสดงตัวขอเป็นผู้ติดตามคนแรก

คนอื่น ๆ ก็รีบขยับเท้าก้าวออกมาเช่นกัน

หลินเป่ยเฉินโบกมือกล่าวว่า “พวกเจ้ากลับไปคิดทบทวนดูให้ดีก่อน ไม่ต้องรีบให้คำตอบกับข้าหรอก นี่คือเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตพวกเจ้าเชียวนะ เอาไปปรึกษากับบรรดาผู้อาวุโสในตระกูลก่อนเถอะ”

นั่นเอง กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์และเจ้าอ้วนจึงได้เดินทางกลับออกไปจากคฤหาสน์ของหลินเป่ยเฉิน

หลงเหลือเพียงเจ้ากิ้งก่ายักษ์ที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเท่านั้น

หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น

หลังจากนั้น เขาเดินไปพูดคุยอะไรบางอย่างกับฉู่เหินและไต้จือฉุนอยู่นานสองนาน

ต่อมา จึงได้มีโอกาสอยู่กับชิงเล่ยตามลำพัง

“ข้าได้เรียนรู้กระบวนท่าใหม่มาด้วยล่ะ”

หลินเป่ยเฉินพูด “รับรองว่าเมื่อเรานำมาฝึกด้วยกัน ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ประเสริฐสุดแน่นอน”

คืนนั้น

ข่าวการเสียชีวิตของใต้เท้าฉางและการขึ้นสืบทอดตำแหน่งโดยเจี๋ยนเซียวเหยาก็ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วเมืองเยี่ยเฉิงด้วยความเร็วราวกับโรคระบาด

“เจ้าได้ข่าวแล้วหรือไม่? ใต้เท้าฉางตายด้วยฝีมือของกระบี่กวาดสวรรค์ซวีเซี่ยเกอล่ะ”

“ข่าวของเจ้ามันเก่าไปแล้ว ข้าเพิ่งได้รู้มาว่าสภาเทพเจ้าแต่งตั้งใต้เท้าใหญ่คนใหม่ขึ้นมาแทนคนเดิมแล้วนะ”

“เจี๋ยนเซียวเหยาขึ้นรับตำแหน่งได้อย่างไรกัน”

“เจี๋ยนเซียวเหยาเข้าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจากใต้เท้าฉาง”

“ให้ตายเถอะ ในดินแดนทวยเทพ เคยมีผู้ใดสร้างชื่อเสียงขึ้นมารวดเร็วขนาดนี้บ้าง?”

ผู้คนจำนวนมากต่างก็จับกลุ่มพูดคุยกันไม่หลับไม่นอน

เสียงการต่อสู้ดังขึ้นจากทั่วทุกมุมเมืองเยี่ยเฉิง

โดยเฉพาะพื้นที่ใจกลางเมืองซึ่งเป็นเขตแดนของใต้เท้าฉาง ที่นั่นมีการต่อสู้ดุเดือดมากที่สุด ผู้ที่แอบไปรับชมการต่อสู้ถึงกับบรรยายว่าแม้จะยืนอยู่ห่างไกล แต่พวกเขาก็เห็นเปลวไฟลุกโชนสว่างไสวไปครึ่งแผ่นฟ้า…

ในอาณาเขตของเผ่าเทพตะวันพลันเกิดความวุ่นวายไม่แพ้กัน

เมืองเยี่ยเฉิงตกอยู่ในความโกลาหล

สภาเทพเจ้าส่งหน่วยผู้คุมกฎลงมาควบคุมสถานการณ์

แต่ถึงกระนั้น ความวุ่นวายโกลาหลก็ยังคงดำเนินต่อไป

ล่วงเลยเข้ายามดึกสงัด เมืองเยี่ยเฉิงก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ผู้คนในพื้นที่เขตสองและพื้นที่เขตสามต้องพบเจอกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในชีวิต พลเมืองและเทพเจ้าระดับล่างต่างก็วิ่งออกมาบนท้องถนนด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาพร้อมกับคิดว่านี่คือจุดสิ้นสุดของโลก

“ฟ้ากำลังจะถล่มแล้ว ดูนั่นสิ ฟ้ากำลังจะถล่มลงมา”

เมื่อบรรดาผู้คนในพื้นที่เขตหนึ่งเห็นท้องฟ้าเกิดรอยแยกอย่างแปลกประหลาด ชาวเมืองก็พร้อมใจกันกรีดร้องด้วยความตื่นกลัว

“พื้นดินกำลังจะถล่ม พื้นดินถล่มแล้ว…”

ส่วนผู้ยากไร้ในพื้นที่เขตสาม เมื่อพบเห็นพื้นดินเกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ ปรากฏมวลพลังสีดำไหลทะลักขึ้นมาจากรอยแยกบนพื้นดิน พวกเขาก็ส่งเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกเช่นกัน

บางคนพลัดตกลงไปในรอยแยกบนพื้นดินนั้นและร่างกายก็ถูกกลืนหายไปทันที

การต่อสู้ดำเนินไปตลอดทั้งคืน

ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนแห่งความโกลาหล

กว่าเหตุการณ์จะสงบลงก็เป็นตอนรุ่งเช้าแล้ว

มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากสภาเทพเจ้าโดยการลงนามของใต้เท้าเหลียนว่า เทพตะวันและใต้เท้าฉางมีสถานะเป็นผู้ก่อกบฏโดยสมบูรณ์…

เมืองเยี่ยเฉิงถึงกับสั่นสะเทือน

ในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินก็เสร็จสิ้นการฝึกวิชาส่วนตัวกับชิงเล่ยและกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าอย่างสดชื่นกระปรี้กระเปร่า