บทที่ 1399 ผิดคำสัญญา

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,399 ผิดคำสัญญา

คนพูดย่อมต้องเป็นกงกง

เขาปรากฏตัวออกมาจากเงามืดด้านหลังหลินเป่ยเฉินและแสดงรูปร่างที่แท้จริง

ร่างกายสูงใหญ่ ไว้ผมจุกอยู่บนศีรษะ

แต่ร่างกายกลับปกคลุมไปด้วยแสงสว่าง เมื่อมองจากด้านหน้า จึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้

ฉู่เหินกับไต้จือฉุนต่างก็หยุดชะงัก

พวกเขาไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าข้างกายของหลินเป่ยเฉินมีคนผู้นี้อยู่ด้วย

นี่คือยอดฝีมือในดินแดนทวยเทพใช่หรือไม่?

เป็นเทพเจ้าหรือ?

“นี่คือกงกง ซึ่งเคยเป็นสหายของพวกท่านมาก่อน”

หลินเป่ยเฉินแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

เคยเป็นสหายของพวกเขา?

ฉู่เหินกับไต้จือฉุนขมวดคิ้วตกตะลึง

“หรือว่า…” ทันใดนั้น คล้ายกับว่าฉู่เหินนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะ ตอบว่า “เหล่ากงมาจากเมืองหยุนเมิ่ง เขาเป็นผู้ติดตามข้ามานับจากนั้น… และเขาก็ได้รับการติดตั้งแขนกลเทพเจ้าดาวเหนือ ทำให้มีพลังแปลกประหลาดพิสดารมากมาย ปัจจุบันนี้ เหล่ากงมีความแข็งแกร่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอาจารย์ฉู่แล้ว”

ขณะนี้ ประวัติในอดีตของกงกงได้ถูกบอกเล่าออกมาอย่างสั้น ๆ

“เพราะแบบนี้นี่เอง…”

ฉู่เหินอุทานออกมา “ตอนที่เหล่ากงปรากฏตัวเมื่อสักครู่ ข้าถึงได้รู้สึกแปลกประหลาดนัก ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะพวกเรามีแขนกลเทพเจ้าดาวเหนือเหมือนกันเสียอีก… พูดถึงเรื่องนี้แล้ว เป่ยเฉิน เจ้าเอาคัมภีร์สร้างแขนกลเทพเจ้าดาวเหนือมาจากที่ใด? ข้าขอทราบที่มาที่ไปของมันหน่อยได้หรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินตอบ “หากข้าบอกว่าได้รับมาจากเทพีกระบี่ ท่านจะเชื่อหรือไม่?”

ฉู่เหินยิ้มและไม่พูดอะไรอีก

แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อ

เพราะนับตั้งแต่ที่มาถึงดินแดนทวยเทพ ฉู่เหินก็ได้เข้าใจเรื่องชนชั้นลำดับเทพเจ้าพอสมควร

ปรากฏว่าเทพีกระบี่… ไม่ได้เป็นเทพเจ้าที่ใหญ่โตอันใดเลย

แต่แขนกลเทพเจ้าดาวเหนือถือเป็นอาวุธวิเศษระดับสูง

เทพเจ้าระดับล่างอย่างนางไม่มีทางครอบครองได้แน่ ๆ

“ไปกันเถอะ ข้าจะพาท่านไปที่หอคอยหรงเซินเพื่อดูดซับตำแหน่งเทพเจ้า หลังจากนั้น ท่านก็จะเป็นผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยของคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน อาจารย์ฉู่คอยจัดการเรื่องราวในแสงสว่าง ส่วนกงกงจะคอยจัดการเรื่องราวในความมืด เพียงเท่านี้ ก็จะไม่มีผู้ใดมารังควานพวกท่านได้อีก”

หลินเป่ยเฉินนำอาจารย์ฉู่เหินและกงกงไปพบกับเซียวอวี้ ก่อนที่จะพากันเดินทางตรงไปยังหอคอยหรงเซิน

ตำแหน่งเทพเจ้าประจำตัวกงกง หลินเป่ยเฉินได้เลือกเอาไว้ให้นานแล้ว

เป็นเทพสุนัขอัคคี

ส่วนของอาจารย์ฉู่เหินก็เป็นเทพแห่งถ่านไฟผู้มีสามหัวหกแขนตามคำเรียกร้อง

สำหรับไต้จือฉุน หลินเป่ยเฉินไม่ได้มอบตำแหน่งเทพเจ้าให้ เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องเดินทางกลับจักรวรรดิเป่ยไห่ไปพร้อมกับเขา และร่างกายของไต้จือฉุนอาจจะปรับตัวอย่างลำบากเมื่อต้องกลับไปอยู่บนโลกมนุษย์

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็นำโทรศัพท์มือถือออกมา กำลังจะกดจองคิวรถแท็กซี่ตี๋น้อย แต่ก็ได้รับการติดต่อจากมู่หลินเซินผู้พ่ายแพ้ในการแข่งขันวัดความแข็งแกร่งเชิงชายเสียก่อนว่า

“กราบเรียนนายท่าน ท่านยายอยากพบนายท่าน เพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญบางประการขอรับ”

เสียงพูดผ่านทางกำไลผลึกแก้วกิเลนของมู่หลินเซินฟังออกว่ารู้สึกกระอักกระอ่วนใจเป็นอย่างยิ่ง “ไม่ทราบว่านายท่านสะดวกหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินย่อมรู้เหตุผลดี

“สะดวกอยู่แล้ว เจ้าพาท่านยายมาเข้าพบข้าที่คฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนได้เลย”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไป

เมื่อเสร็จสิ้นการสื่อสารผ่านทางกำไลผลึกแก้วกิเลน หลินเป่ยเฉินก็กดเข้าไปดูที่ศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงในเกมสัตว์เลี้ยงแสนสนุกอีกครั้ง

แม้เขาจะไม่ได้ทิ้งใบไม้เอาไว้ในวิหารต้องห้าม แต่หลินเป่ยเฉินมีตำแหน่งเทพเจ้าอยู่ในมือมากมาย และผู้อาวุโสสูงสุดประจำเผ่าเทพไม้เขียวก็จะต้องพึงพอใจกับตำแหน่งที่เขากำลังจะมอบให้นางอย่างแน่นอน

หลินเป่ยเฉินสำรวจดูตำแหน่งเทพเจ้าระดับสูงที่มีค่าความซื่อสัตย์หนึ่งร้อยคะแนนเต็ม

นี่คือของขวัญที่เขาเตรียมไว้ให้ท่านยายของมู่หลินเซิน

นอกจากเป็นการทำตามคำสัญญาแล้ว หลินเป่ยเฉินก็พยายามจะสร้างผู้ติดตามที่ไว้ใจได้ของตนเองคนใหม่ขึ้นมาอีกด้วย

เขาอยากจะทดลองดูว่าหากท่านยายของมู่หลินเซินที่มีจิตใจคิดโกรธแค้นเขา เมื่อนางได้รับตำแหน่งเทพเจ้าระดับสูงสุดที่มีค่าความซื่อสัตย์หนึ่งร้อยคะแนนเต็ม มันจะเกิดอะไรตามมาบ้างหลังจากนั้น

ไม่กี่อึดใจต่อมา

“นายท่าน พวกเรามาแล้วขอรับ”

เสียงของมู่หลินเซินดังขึ้นนอกห้องโถงใหญ่

“เข้ามาได้”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับด้วยเสียงยานคาง

หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีคนสองคนได้เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ของเขา

นี่คือความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งผ่านมาจากค่ายอาคมที่จัดวางไว้อย่างรัดกุม

ค่ายอาคมเหล่านั้นทำให้หลินเป่ยเฉินสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างภายในคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนแห่งนี้

“ข้าน้อยคารวะนายท่าน…”

มู่หลินเซินปรากฏตัวขึ้นหน้าบัลลังก์ของหลินเป่ยเฉินและโค้งตัวลงประสานมือทำความเคารพ

ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเผ่าเทพไม้เขียวคุกเข่าลงคำนับด้วยความนอบน้อม “ผู้เฒ่าขอคารวะใต้เท้า…”

หลินเป่ยเฉินแอบยิ้มอยู่ในใจ

เพิ่งมาถึงก็ประชดประชันกันเชียวนะ

เขายกมือขึ้นหมุนวนในอากาศ

คลื่นพลังแผ่วเบาดันร่างให้หญิงชราลุกขึ้นยืน

“ผู้อาวุโสไม่ต้องเกรงใจ”

หลินเป่ยเฉินกล่าว “ข้ากับหลานชายของท่านเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ท่านก็เปรียบเสมือนกับท่านยายของข้า ข้าควรทำความเคารพท่านจึงจะถูกต้อง แต่ที่นี่คือวิหารประจำตำแหน่งใต้เท้าใหญ่ ข้าเป็นตัวแทนของสภาเทพเจ้า โปรดให้อภัยผู้เยาว์ด้วยที่ไม่ได้ต้อนรับอย่างสมเกียรติ”

“หึหึ ใต้เท้าอย่าได้เกรงใจเช่นกัน”

ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเผ่าเทพไม้เขียวกล่าวตอบด้วยเสียงราบเรียบ “ไม่ทราบว่าเรื่องใบไม้ใบนั้น ใต้เท้าได้ทำตามคำสัญญาแล้วหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินส่ายหน้าตอบกลับไปด้วยสีหน้าเยือกเย็น “วันนั้นผู้เยาว์ได้มีโอกาสเข้าไปในวิหารต้องห้ามแล้ว แต่ผู้เยาว์ลืมทิ้งใบไม้ของท่านเอาไว้ที่นั่นเสียสนิท”

เด็กหนุ่มยื่นมือออกมา

แล้วใบไม้ใบหนึ่งก็ค่อย ๆ ลอยไปอยู่เบื้องหน้าของหญิงชราแห่งเผ่าเทพไม้เขียว

“เจ้า…”

หญิงชราพยายามสะกดกลั้นความโกรธแค้น

ความหวังในหัวใจแหลกสลาย ความผิดหวังและความโกรธแค้นปะทุขึ้นมาในหัวใจ

ผมของนางที่กลายเป็นใบไม้พลันปลิดปลิวลงมาหลายใบ ร่างของหญิงชราสั่นไหวด้วยความเดือดดาล นางคิดที่จะสบถคำหยาบออกมามากมาย แต่เมื่อนึกได้ว่าอีกฝ่ายมีสถานะใด ท่านยายของมู่หลินเซินก็ทำได้เพียงกัดฟันเก็บความโกรธแค้นเอาไว้ในใจเท่านั้น

ทุกอย่างจบลงแล้ว

โอกาสสุดท้ายหลุดมือไปแล้ว

บัดนี้ วิหารต้องห้ามถูกทำลาย ตำแหน่งเทพเจ้าถูกขโมยไปหมดสิ้น

หากไม่มีปาฏิหาริย์ นางก็ไม่มีทางอยู่รอดอีกแล้ว

อายุขัยของนางกำลังจะหมดลง นางกำลังจะตาย ไม่มีเวลาให้รอคอยปาฏิหาริย์ใด ๆ อีก

“งั้นผู้เฒ่าขอตัวอำลา”

ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเผ่าเทพไม้เขียวถอนหายใจออกมาสามครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป

มู่หลินเซินมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่เคยรู้เลยว่าตนเองสมควรอยู่ต่อหรือสมควรติดตามท่านยายกลับไป

“ผู้อาวุโสจะรีบไปไหนกันเล่า?”

หลินเป่ยเฉินพูดขึ้นแผ่วเบา “ท่านยังไม่ได้มอบโอสถหัวใจพฤกษาให้กับข้าตามสัญญาเลยนะ”

ร่างของหญิงชราแทบจะสะดุดล้มลงกับพื้น

นางไม่เคยพบเจอบุคคลที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน

“ในเมื่อใต้เท้าไม่ได้ทำตามคำสัญญา เพราะฉะนั้น ข้อตกลงของเราจึงถือเป็นโมฆะ”

หญิงชราตอบโดยไม่เหลียวหน้ามองกลับมา “โอสถหัวใจพฤกษานั้น ต่อให้มันต้องกลายเป็นอาหารสุนัข เราผู้เฒ่าก็จะไม่มอบให้แก่ใต้เท้าเด็ดขาด… โปรดไปตามหาที่ผู้อื่นเถอะ”

“แต่โอสถหัวใจพฤกษาของท่านสำคัญสำหรับข้ามาก”

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ “ผู้อาวุโสได้โปรดอย่าเพิ่งไป”

“ฮ่า ๆๆ ไม่ว่ามันสำคัญสำหรับใต้เท้าเพียงใด แต่นี่ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราผู้เฒ่าอีกแล้ว”

หญิงชราหัวเราะเยาะโดยไม่เหลียวหน้ามองกลับมา “แน่นอนว่าใต้เท้าจะใช้กำลังแย่งชิงไปจากเราผู้เฒ่าก็ได้ แต่ต่อให้เราผู้เฒ่าต้องตาย โอสถหัวใจพฤกษาก็จะไม่มีทางเป็นของท่าน”

“แม้ต้องตายท่านก็ยอมหรือ?”

ใบหน้าของหลินเป่ยเฉินยิ้มแย้ม แต่น้ำเสียงแข็งกระด้าง “ท่านยินดีสละชีวิตมู่หลินเซินด้วยหรือไม่? ข้าอุตส่าห์พูดกับท่านดี ๆ แล้ว ได้โปรดส่งมอบโอสถหัวใจพฤกษามาให้กับข้าเถอะ มิฉะนั้นแล้ว ข้าจะถอนรากถอนโคนเผ่าเทพไม้เขียวให้หมดสิ้น ท่านจะไม่ได้ตายเพียงลำพัง หากท่านไม่เชื่อจะลองดูก็ย่อมได้”

หลินเป่ยเฉินแอบขยิบตาส่งสัญญาณให้แก่มู่หลินเซิน บุรุษหนุ่มผู้กำลังตื่นกลัวจึงได้โล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย

หญิงชราผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเผ่าเทพไม้เขียวยังไม่ได้เหลียวหน้ามองกลับมา

แต่เมื่อนางได้ยินคำพูดของหลินเป่ยเฉิน ร่างกายก็สั่นเทาอย่างรุนแรงแล้ว