บทที่ 1400 ค่าความซื่อสัตย์

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,400 ค่าความซื่อสัตย์

ในที่สุด หญิงชราผู้เป็นท่านยายของมู่หลินเซินก็ออกคำสั่งให้หลานชายส่งมอบหัวใจโอสถพฤกษาออกมาอย่างไม่เต็มใจ

“เราผู้เฒ่ามีอายุยืนยาวขนาดนี้ เคยเผชิญหน้ากับผู้คนที่มากด้วยเล่ห์เหลี่ยมมานับไม่ถ้วน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า… กลับต้องมาพลาดท่าเสียทีให้แก่ตัวชั่วช้าเช่นท่าน”

นางก้าวเดินออกไปด้วยความโกรธแค้นสุดขีด

“นายท่านขอรับ เรื่องนี้…”

มู่หลินเซินยังคงไม่รู้ว่าหลินเป่ยเฉินมีเจตนาอะไรกันแน่

เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

หลินเป่ยเฉินยิ้มอย่างเป็นปริศนา ก่อนลุกขึ้น ก้าวเดินลงมาจากบัลลังก์และตบไหล่หลานชายของหญิงชราพร้อมกับกล่าวว่า “วางใจเถอะ ข้าไม่ใช่คนที่โหดร้ายเช่นนั้นหรอก สิ่งที่ข้าพูดออกไปเมื่อสักครู่นี้ เป็นเพียงการทดลองอะไรบางอย่างเท่านั้น… นี่คือตำแหน่งเทพเจ้าระดับสูงสุด เจ้าเอาไปส่งมอบให้ท่านยายเถอะ”

หลังจากนั้น เขาก็นำลูกแก้วเทพเจ้าออกมาใบหนึ่ง

“นี่มัน…”

มู่หลินเซินถามด้วยความสงสัย

“นี่คือตำแหน่งเทพเจ้าที่มีลำดับชั้นสูงกว่าเทพเจ้าจำแลงอย่างที่ท่านยายของเจ้าต้องการ”

หลินเป่ยเฉินบอกความจริงโดยไม่ปิดบัง “แต่เจ้าอย่าบอกท่านยายนะว่าได้มาจากข้า เจ้าบอกว่าได้มาโดยบังเอิญก็พอแล้ว”

มู่หลินเซินอ้าปากค้าง พูดตะกุกตะกัก “ตะ ตะ ตำแหน่ง… เทพเจ้าระดับสูงสุดหรือขอรับ?”

ตำแหน่งเทพเจ้าระดับสูงสุด

นี่คือสิ่งที่มีค่ามากกว่าโอสถหัวใจพฤกษาไม่รู้กี่ล้านเท่า

มู่หลินเซินคล้ายกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกหลินเป่ยเฉินเร่งเร้าเสียก่อนว่า “รีบไปเถอะ เดี๋ยวท่านยายเจ้าก็หมดพลังเอาหรอก”

มู่หลินเซินรับลูกแก้วเทพเจ้าและรีบวิ่งตามหลังท่านยายออกไปทันที

หลินเป่ยเฉินยืนส่งคนทั้งสองอยู่ในห้องโถงใหญ่ของตนเอง

เขาอยากจะรู้ว่าท่านยายของมู่หลินเซินซึ่งขณะนี้เกลียดตนเองเข้ากระดูกดำ เมื่อได้รับตำแหน่งเทพเจ้าที่มีค่าความซื่อสัตย์ต่อหลินเป่ยเฉินเต็มร้อย มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ส่งข้อความไปหาเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงผ่านทางแอปวีแชต

‘เหตุไฉนข้าถึงยังไม่มีวงแหวนเทพเจ้าที่หลังศีรษะอีก?’

เขาถาม

‘เพราะว่าเจ้าไม่มีลูกแก้วเทพเจ้าที่มีพลังมากพอน่ะสิ’

คราวนี้ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบรับข้อความกลับมาอย่างเร็วไว ซ้ำยังเป็นคำตอบที่เรียบง่ายแต่ชัดเจนอีกด้วย

‘งั้นต้องเป็นลูกแก้วเทพเจ้าที่มีพลังขนาดไหน?’

หลินเป่ยเฉินสอบถามต่อ

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบว่า ‘ต้องเป็นลูกแก้วเทพเจ้าที่มีพลังศรัทธาเพียงพอ และดวงวิญญาณที่อยู่ในนั้นก็ต้องบำเพ็ญตบะมาถึงจุดสูงสุด… แต่ข้าขอแนะนำว่าเจ้าอย่าตามหามันดีกว่า’

‘เพราะอะไร?’

‘เพราะมันเป็นเสมือนดาบสองคม หากเจ้าอยากปลดผนึกวงแหวนเทพเจ้า เจ้าก็จะสูญเสียอิสรภาพ จงอย่าได้จองจำตนเองเช่นนั้นเลย’

‘ว่าไงนะ?’

‘ไม่ต้องถามอะไรอีกแล้ว อีกไม่นานเดี๋ยวเจ้าก็คงเข้าใจเองนั่นแหละ เจ้าแค่ฝึกวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณให้สำเร็จก็พอ เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าค่อยปลดผนึกวงแหวนเทพเจ้าก็ยังไม่สาย เพราะเจ้าจะไม่ต้องสูญเสียอิสรภาพอีกแล้ว’

‘แน่ใจนะ?’

‘แน่ใจสิ ไม่งั้นข้าจะ… ช่างมันเถอะ แค่เจ้าเชื่อคำพูดของพี่สาวคนนี้ก็พอ ข้าไม่เคยโกหกเจ้าอยู่แล้ว’

‘ก็ได้ งั้นข้าจะเชื่อท่านดูสักครั้ง’

ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจทำตามคำแนะนำของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง

เพราะเขารู้สึกได้ว่านางให้คำแนะนำอย่างจริงจังผิดปกติ

มิหนำซ้ำ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยังมีความน่าเชื่อถือมากกว่าเดิมในสายตาของหลินเป่ยเฉิน

เพราะขนาดนักรบเทวะระดับสูงของสภาเทพเจ้าอย่างเซียวอวี้ก็ยังต้องทำงานรับใช้นาง นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่าสถานะที่แท้จริงของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงไม่มีทางต่ำต้อยเด็ดขาด

แม้หลินเป่ยเฉินเป็นบุคคลสมองเสื่อม แต่เขาไม่ใช่คนโง่

หลินเป่ยเฉินยังมีอีกหลายอย่างที่สงสัย แต่ก็ไม่ได้อยากรู้คำตอบ

เพราะมันเป็นคำถามที่น่ากลัวมากเกินไป

เมื่อสิ้นสุดบทสนทนากับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง หลินเป่ยเฉินก็รอคอยผลลัพธ์การทดลองของตนเอง

สามวันให้หลัง คฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนก็ยังคงอยู่ในสภาวะต้อนรับแขกเหรื่อที่นำของขวัญมาร่วมแสดงความยินดี

หลินเป่ยเฉินใช้เวลาว่างสวมใส่ชุดเกราะอมตะเข้าไปฆ่าฟันสัตว์ประหลาดในเกม Lost Castle เพื่อสร้างความคุ้นชินให้แก่ตนเอง

ฉู่เหินกับกงกงยังคงหลอมรวมพลังจากลูกแก้วเทพเจ้าอยู่ในหอคอยหรงเซิน

วันที่สี่

ในที่สุด หญิงชราแห่งเผ่าเทพไม้เขียวก็กลับมาตามหาหลินเป่ยเฉินที่คฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนอีกครั้ง

รูปลักษณ์ของนางเปลี่ยนไปแล้ว

นางกลับมาเป็นเด็กหญิงผู้น่ารักคนเดิม

เหมือนตอนที่หลินเป่ยเฉินได้พบเจอนางครั้งแรก

เพียงแต่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งมากขึ้น

นางกลายเป็นเทพเจ้าระดับสูงโดยสมบูรณ์

ดูเหมือนการดูดซับพลังจากลูกแก้วเทพเจ้าที่มอบให้ไปจะสำเร็จด้วยดี

“ผู้อาวุโสมาทำอะไรที่นี่หรือ?”

หลินเป่ยเฉินถามโดยไม่รีรอ

“ผู้ต่ำต้อยก็มาพบใต้เท้าน่ะสิเจ้าคะ”

เด็กหญิงผู้มัดผมเปียสองแกละมีสีหน้าเคร่งเครียด คุกเข่าลงและประสานมือทำความเคารพด้วยความอ่อนน้อม “ผู้ต่ำต้อยมาเพื่อถวายตัวรับใช้ใต้เท้า”

“แต่ท่านเป็นคนของเผ่าเทพไม้เขียวไม่ใช่หรือ?”

หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปากเล็กน้อย หัวใจพองโตอย่างมีความสุข

“ผู้ต่ำต้อยถอนตัวออกมาจากเผ่าเทพไม้เขียวแล้ว”

เด็กหญิงตอบกลับมาด้วยเสียงใสปานระฆังแก้ว

“ว่าไงนะ? นี่ท่าน… ถอนตัวออกมาจากเผ่าเทพไม้เขียว เพื่อมารับใช้ข้าอย่างนั้นหรือ?”

หลินเป่ยเฉินยังคงถามต่อไป “แล้วครอบครัวของท่านเล่า?”

เด็กหญิงตอบว่า “บัดนี้ ผู้ต่ำต้อยสนใจแต่เพียงรับใช้ใต้เท้าเท่านั้น”

หลินเป่ยเฉินไม่พูดอะไรอีก

ดูจากสีหน้าของนางแล้ว ท่านยายของมู่หลินเซินคงไม่ได้โกหกแน่ ๆ

“มู่หลินเซินบอกอะไรกับท่าน?”

หลินเป่ยเฉินทำลายความเงียบขึ้นอีกครั้ง “บอกข้ามาว่าหลังจากที่ท่านกลับออกไปจากวิหารวันนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง”

เด็กหญิงรีบอธิบายว่า “มู่หลินเซินไม่ได้พูดอะไรเลย เขาไม่ยอมบอกว่านำลูกแก้วเทพเจ้าใบนั้นมาจากไหน…”

ตัวนางในร่างหญิงชราวันนั้นเมื่อกลับออกจากคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนไปพร้อมกับความหมดหวัง นางก็เตรียมตัวเตรียมใจรอรับความตาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลานชายสุดที่รักอย่างมู่หลินเซินกลับนำลูกแก้วเทพเจ้ามามอบให้ และเมื่อหญิงชราได้ดูดซับพลังจนเสร็จสิ้น นางถึงได้รู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองแสดงออกต่อใต้เท้าเจี๋ยนก่อนหน้านี้ ออกจะเป็นการหยาบคายมากเกินไป ดังนั้นนางที่อยู่ในร่างใหม่จึงกลับมาเพื่อขอโทษเด็กหนุ่มด้วยใจจริง

บัดนี้ เด็กหญิงแสดงออกถึงความเศร้าและเสียใจ

ไม่มีสิ่งใดที่จะไถ่โทษให้แก่นางได้ นอกจากยอมเป็นทาสรับใช้เจี๋ยนเซียวเหยาเท่านั้น

นางถึงกับยอมถอนตัวออกจากเผ่าเทพไม้เขียว ตัดสิ้นเยื่อใยทุกอย่าง เพื่อมาหาเขาในวันนี้

หลังจากที่หลินเป่ยเฉินรับฟังจนจบ สีหน้าของเขายังราบเรียบ แต่หัวใจเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง

มีหลายคำถามปรากฏขึ้นมา

อย่างเช่น…

เขาจะสั่งให้เด็กหญิงถอดเสื้อผ้าเพื่อแสดงความซื่อสัตย์ดีหรือไม่?!

หลินเป่ยเฉินรีบหยุดยั้งความคิดของตนเองทันที

นางยังเด็กมากเกินไป

แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คืออานุภาพของตำแหน่งเทพเจ้าจากเกมสวนสัตว์แสนสนุก

ตำแหน่งเทพเจ้าที่มีค่าความซื่อสัตย์หนึ่งร้อยคะแนนเต็มมีความยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

นี่เรียกว่าเป็นการล้างสมองแล้ว

ตราบใดที่อีกฝ่ายยังคงรับตำแหน่งเทพเจ้านั้นอยู่ ความซื่อสัตย์ก็จะไม่มีวันลดลงใช่หรือไม่?

หากเป็นเช่นนี้ ขอแค่เขาส่งมอบตำแหน่งที่มีค่าความซื่อสัตย์หนึ่งร้อยคะแนนให้กับผู้ที่มีความสามารถในเมืองเยี่ยเฉิง ไม่ว่าก่อนหน้านี้คนผู้นั้นจะมีความคิดเห็นต่อหลินเป่ยเฉินเป็นอย่างไร แต่เมื่อได้รับตำแหน่งเทพเจ้าที่มีความซื่อสัตย์หนึ่งร้อยคะแนนเข้าไป คนผู้นั้นก็จะเปลี่ยนไปเป็นคนที่ภักดีต่อเขาตลอดกาลเลยสินะ?

ความสามารถนี้ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน

หากใช้ให้ถูกวิธี ขอเวลาเพียงไม่นาน คฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนก็จะกลายเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของเมืองเยี่ยเฉิงแล้ว

อย่าว่าแต่เขามีตำแหน่งเทพเจ้าในมืออยู่ถึงเจ็ดร้อยยี่สิบตำแหน่ง

แต่ตำแหน่งที่มีค่าความซื่อสัตย์หนึ่งร้อยคะแนนเต็มนั้นยังมีไม่มาก

มันมีความสามารถล้างสมองผู้คน เพราะฉะนั้น จึงต้องใช้อย่างระมัดระวังยิ่ง

“โอ๊ะ ตำแหน่งเทพเจ้าที่เรามอบให้แก่อาจารย์ฉู่กับเหล่ากงก็มีค่าความซื่อสัตย์ไม่ถึงหนึ่งร้อยคะแนนเต็มนี่หว่า”

หลินเป่ยเฉินพลันนึกขึ้นมาได้