ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1145 จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าสู้เซียนจริงแท้!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำไม่ได้เกิดความรู้สึกตกตะลึง

เพียงแต่ว่าสงสัยและคิดทดลองหาคำตอบในปรากฏการณ์ที่ขัดกับสามัญสำนึก

แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ตรงหน้าก็อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายแล้ว!

ก่อนลงมือ เเยี่ยนจ้าวเกออยู่ในรูปโฉมเดิม ภายนอกเหมือนกับคนธรรมดาที่ไม่เคยร่ำเรียนวรยุทธ์สักวันเดียว

จนกระทั่งสองฝ่ายปะทะกำลังกัน เลศนัยจึงเผยออกมา

จุดลมปราณที่ได้ทำลายนภาเห็นเทวะสำแดงทั่วร่างเคลื่อนไหวเหมือนกับดวงดาวที่แท้จริงในอวกาศ

ดวงดารานอกจากจะดับสูญแล้ว ยังเกิดขึ้นมาใหม่!

ดวงดาวดวงหนึ่งก้าวสู่จุดจบ สุดท้ายดับแสง แต่กลับมีดวงดาวดวงใหม่กำเนิดขึ้น

ดวงดาวนับไม่ถ้วนมีเส้นทางการโคจรเฉพาะตัว เคลื่อนไหวอย่างอิสระ เป็นระเบียบเรียบร้อยและมีกฎเกณฑ์

เกิดดับกลับกลายไม่หยุดยั้ง พลังของจอมยุทธ์ก้าวสู่ระดับใหม่โดยสิ้นเชิง

จุดลมปราณทั่วร่างมีเพียงจุดลมปราณซ่อนเร้น และจุดลมปราณลับที่ยังไม่ทะลายนภาห็นเทวะสำแดง

ขอแค่จุดลมปราณทั้งหมดต่างได้เห็นเทวะสำแดง ก็หมายความว่าสำเร็จร่างของมนุษย์เซียน ก้าวสู่ระดับประมุข ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์

เทียบกับเยี่ยนจ้าวเกอตอนที่ยังอยูในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดในนพยมโลก ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนกระดูกสร้างเส้นเอ็น

ตอนจักรพรรดิแพรอยู่ในนพยมโลก เขาได้สัมผัสกับเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดด้วยตัวเอง ถึงแม้เขาในตอนนั้นจะยังไม่ได้แยกจากหนึ่งเป็นสอง กลายเป็นคนสองคนที่สวมอาภรณ์ดำขาว แต่ก็จำได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

เทียบกับสองสภาวะ เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้เมื่อเทียบกับครั้งนั้นมีความแตกต่างอย่างชัดเจน จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำเข้าใจดี

แต่ยิ่งทำให้เขาเกิดความสงสัยกว่าเดิม

เป็นคนอื่นยังพอว่า ตอนอยู่ในนพยมโลก เขาได้เห็นเยี่ยนจ้าวเกอเลื่อนจากระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด สู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดด้วยตาตัวเอง

คนอื่นๆ ไม่เข้าใจสถานการณ์ เขาไหนเลยจะไม่เข้าใจ

ถึงจะดูออกว่าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้น่าจะเพิ่งเลื่อนมาอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า แต่ห่างจากตอนอยู่ในนพยมโลกยังไม่ถึงห้าปีด้วยซ้ำ!

ยิ่งระดับสูง การเลื่อนระดับก็ยิ่งลำบาก เวลาที่ต้องใช้ย่อมมากตามไปด้วย

พอมาถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน ทุกๆ ย่างก้าวต่างยากลำบากสุดแสน

คนส่วนใหญ่เมื่อหยุดอยู่ในระดับหนึ่ง อาจกินเวลาเป็นสิบกว่าปี หลายสิบปี หรือแม้แต่มากกว่าร้อยปี

พวกเขาไม่มีความสามารถหรือ

จอมยุทธ์ที่ปีนขึ้นสะพานเซียนได้ ไม่มีผู้ใดไม่ใช่หงส์มังกรในหมู่คน หรืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ

แต่ว่าเส้นทางยิ่งทอดสูงก็ยิ่งเดินลำบาก หลักการนี้ใช้ได้กับทุกคน

จักรพรรดิแพรงามสามารถผลักเปิดประตูเซียนได้ ย่อมเหนือกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่ครั้งกระโน้นเขาเร็วไม่เท่าเยี่ยนจ้าวเกอ

โดยเฉพาะเมื่อเชื่อมโยงว่าเยี่ยนตี๋บิดาของเขาก็มีความเร็วในการเติบโตน่าตระหนกเช่นกัน จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำก็มองเยี่ยนจ้าวเกอ “พ่อลูกตระกูลเยี่ยน ล้วนเป็นมนุษย์เซียนผู้ถูกเนรเทศ…หรือ”

“จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ ขอล่วงเกินแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ในการต่อสู้ระหว่างท่านกับจักรพรรดิแพรอีกคนหนึ่ง บอกตามตรงว่าข้าผู้แซ่เยี่ยนไม่ได้ยืนอยู่ข้างท่าน ด้วยเหตุผลอะไรท่านล้วนรู้อยู่เต็มอก ทว่าแม้ข้าจะสนับสนุนจักรพรรดิแพรท่านนั้น แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้สู้กับท่านเร็วขนาดนี้”

เยี่ยนจ้าวเกอพลันยิ้มขึ้น “ถ้าหากไม่ใช่เพราะข้ามีเรื่องต้องต้องรีบจัดการ ความจริงนับว่าไม่เลว มนุษย์สู้เซียนคงเป็นเรื่องที่สาแก่ใจยิ่งง!”

คำพูดของทั้งสองฝ่ายไม่ได้ปกปิดอันใด ดังไปทั่วตึกความลับฟ้า ผู้คนยามนี้ค่อยเหมือนตื่นจากหลับใหล

จากนั้นก็เป็นความซึมเซาที่เกิดขึ้นจากความตกตะลึงที่มากกว่าเดิม

เยี่ยนจ้าวเกอ เซียนผู้ถูกเนเรศใช้พลังฝึกปรือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายท้าสู้จักรพรรดิแพรงามที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนแล้วซึ่งหน้า!

เรื่องที่จักรพรรดิแพรแบ่งจากหนึ่งเป็นสองคนยังคงกระจายอยู่ในหมู่คนไม่กี่คน ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงแตกตื่นเป็นพิเศษ

ต่อให้ก่อนหน้านี้จะมีเหตุการณ์ที่ประมุขทิศบนเฉินเฉียนหัวสู้เสมอจักรพรรดิสรรพสิ่งไร้จำกัด เนี่ยจิงเสินสู้เสมอกับเฉินเฉียนหัว คนที่อยู่รอบๆ ในตอนนี้ก็ยังคงตะลึงพรึงเพริด

เฉินเฉียนหัวและเนี่ยจิงเสินโด่งดังไปทั่วใต้หล้ามาหลายปี และเป็นคนที่ไม่ธรรมดา

คนหนึ่งเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลกซ้อนโลกมาหลายปี คนหนึ่งถูกยกย่องว่าเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อันดับสามบนโลกซ่อนโลกทั้งๆ ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า

กระนั้นไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร พวกเขาสองคนก็ได้แสดงให้เห็นว่าสามารถต้านทานพลังของจักรพรรดิเซียนจริงแท้ได้ และอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ หรือระดับประมุขทั้งสิ้น

ไหนเลยจะเหมือนเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ที่ใช้ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า แต่หาญสู้กับเซียน

อย่าว่าแต่โลกซ้อนโลกหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ แม้จะเป็นก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เมื่อผู้คนพลิกความทรงจำดูแล้วกลับไม่เจอเรื่องที่น่าตกใจเช่นนี้อยู่ชั่วขณะ

ทุกคนต่างร้อนใจ เพราะพวกเขาอยากจะทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า สุดท้ายแล้วจะต้านทานจักรพรรดิแพรที่ผลักเปิดประตูเซียนมาหลายปีได้หรือไม่

ระดับความสำคัญอยู่เหนือวกว่างานประมูลที่ตอนนี้กำลังคึกคักไปแล้ว!

“ข้าไม่รีบนัก” จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ขอให้สหายน้อยเยี่ยนแสดงความลี้ลับของหมัดแปลงกำเนิดออกมาอย่างเต็มที่”

พูดพลางยกนิ้วหนึ่งขึ้น ทิ่มใส่หว่างคิ้วเยี่ยนจ้าวเกอ!

เพิ่งจะลงมือ ก็เป็นดัชนีเทพปฐมกำเนิด หนึ่งในห้ากำเนิดแรกเริ่มซึ่งเป็นการสืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ทันที!

เผชิญกับคู่ต่อสู้ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าคนหนึ่ง กระบวนท่าแรกที่จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำใช้ กลับเป็นกระบวนท่าไม้ตาย!

เขาไม่คิดดูแคลนเยี่ยนจ้าวเกอแม้แต่น้อย

ตอนยังอยู่ในนพยมโลก จักรพรรดิแพรที่ยังไม่ได้แบ่งแยกกันเคยต่อสู้กับเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดมาก่อน

ยามนั้นเยี่ยนจ้าวเกอใช้ไหวพริบ อาศัยสภาพชัยภูมิของนพยมโลก กระตุ้นคัมภีร์มารไร้รูปรวมเป็นร่างมารพุทธสีดำ เลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าแบบปลอมๆ จากนั้นใช้ออกด้วยสายฟ้าจิตทันใจ จู่โจมช่องโหว่ของจักรพรรดิแพรซึ่งเกิดจากการถูกธาตุไฟเข้าแทรกในตอนนั้น

แต่จักรพรรดิแพรพอจะคำนวนพลังของเยี่ยนจ้าวเกอในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดได้

จักรพรรดิแพรงามวินิฉัยโดยไม่มีปัจจัยทางความรู้สึกแทรกอยู่ ว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่รุดหน้าขึ้นก้าวหนึ่งบนพื้นฐานนั้น เลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า สามารถใช้ร่างมนุษย์สู้กับเซียนจริงแท้ได้จริงๆ!

และเมื่อครู่ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้สู้กันจริงๆ แต่ก็เป็นการแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากลางอากาศ

จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำใช้ปราณกำเนิดวรยุทธ์ของตัวเองกั้นเมืองหยวนโจวไว้

เยี่ยนจ้าวเกออาศัยเจตจำนงหมัดของหมัดบดขยี้แสงสว่างของตัวเอง ฉีกปราณม่วงหลายชั้นเป็นร่องแยกสายหนึ่ง ช่วยหวังผู่ออกไป

ยอดฝีมือพอลงมือ ก็ทราบว่ามีหรือไม่มี

เพียงการแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากลางอากาศนี้ จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำก็ทราบแล้วว่าคู่ต่อสู้ที่ไม่เคยมีมาก่อนผู้นี้ เขาจำเป็นต้องต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมด รับมืออย่างจริงจัง!

ดัชนีเทพปฐมกำเนิดเพิ่งถูกใช้ออก โลกเหมือนกลับคืนสู่ก่อนกำเนิด นิยามของมิติและเวลาไม่คงอยู่อีก

มีเพียงแต่พลังงานก่อนกำเนิดที่ลี้ลับไร้รูปร่างรองรับหลักการฟ้าดิน

เยี่ยนจ้าวเกอพอเผชิญกับดัชนีนี้ ก็พลันรู้สึกว่ามิติและเวลาถูกบิด

เหมือนกับขณะที่จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำออกดัชนี ตนเองก็ถูกกระบวนท่าไปแล้ว

ทว่าเขาไม่ร้อนใจ ยกฝ่ามือขึ้น เป็นท่ารอยตราพลิกนภาฟาดลงมา

พลังอันยิ่งใหญ่ไพศาลปรากฏขึ้น

สองด้านตรงข้ามของฝ่ามือ ด้านหนึ่งเป็นแปลงกำเนิด จุดเริ่มต้นของก่อนกำเนิด ด้านหนึ่งเป็นไท่จี๋ จุดจบของก่อนกำเนิด

ขั้วตรงข้ามพลิกเปลี่ยน กลับทำให้ปราณก่อนกำเนิดของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกลายเป็นหลังกำเนิดผ่าปฐมกำเนิด สสารกำเนิด และไท่จี๋

รอยตราพลิกนภามีการเปลี่ยนแปลงของการย้อนสู่ก่อนกำเนิด ทำให้โลกหลังกำเนิดย้อนทวนสู่ก่อนกำเนิด

ฝ่ามือนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอกลับตรงกันข้าม ต้องการเปลี่ยนก่อนกำเนิดให้กลายเป็นหลังกำเนิด!

ที่ใช้ได้อย่างแยบยลล้วนมาจากความใส่ใจ แสดงถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของการพลิกเปลี่ยนเอกภพจากรอยตราพลิกนภา

“กล่าวแบบนี้อาจเสียมารยาทไปบ้าง ขอท่านโปรดให้อภัย” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเฉื่อยชา “แต่ท่านในตอนนี้ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร”

………………..