ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1146 เหตุการณ์ที่ชั่วชีวิตยากลืมเลือน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

พอปะทะกับรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอ ความลี้ลับของดัชนีเทพปฐมกำเนิดของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำถึงกับมีแนวโน้มว่าจะถูกทำลาย

วาจาของเยี่ยนจ้าวเกอ จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำฟังแล้วกลับไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองโมโห

เขาเพียงยกฝ่ามือขวาขึ้นขวางไว้ตรงทรวงอก

หยินหยางโอบกอดกันกลางฝ่ามือ ไท่จี๋เคลื่อนไหว

พลังฝ่ามือของฝ่ามือหยินหยางไท่จี๋จับตัวกันไปไม่ปล่อยออก

ขณะเดียวกัน บนร่างของจักรพรรดิแพรอาภรมณ์ดำก็มีสายเมฆสีม่วงหลายสายวนเวียน เป็นปราณสสารกำเนิด

พลังของไท่จี๋หมุนวน มอบพลังให้ปราณสสารกำเนิดอย่างต่อเนื่อง จากนั้นปราณสสารกำเนิดก็กลายเป็นกาลอวกาศกำเนิดที่มีรูปร่างแต่จับต้องไม่ได้

พลังของร่างกาลวอากาศกำเนิดเปลี่ยนแปลงเป็นมายา รวมกันที่ปลายนิ้วชี้ข้างขวาของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ

ตั้งแต่ไท่จี๋ไปถึงสสารกำเนิด จากนั้นเป็นต้นกำเนิด สุดท้ายเป็นปฐมกำเนิด

การเปลี่ยนแปลงจากการย้อนสู่ก่อนกำเนิด ทำให้ดัชนีเทพปฐมกำเนิดของจักรพรรดิแพรงามปรากฏเป็นแสงอรุณขึ้น

ภายใต้ดัชนีนี้ สี่แรกเริ่มก่อนกำเนิดรวมเป็นหนึ่ง กลับคืนสู่ความจริง ลี้ลับไร้สิ้นสุด มีอานุภาพเหลือประมาณ!

แม้จะแยกเป็นอาภรณ์ขาวอาภรณ์ดำ สู้จักรพรรดิแพรงามที่มีเพียงคนเดียวในตอนแรกไม่ได้ ทว่าจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำก็ยังคงเป็นยอดฝีมือระดับจักรพรรดิที่ได้ผลักเปิดประตูเซียน สามารถบดขยี้มนุษย์ได้เหมือนเดิม

ตอนนี้เมื่อลงมือสุดกำลัง ก็แสดงให้เห็นถึงท่วงท่าของบุคคลอันดับหนึ่งแห่งการสืบทอดกระแสตรงสายเอกพิสุทธิ์บนโลกซ้อนโลก

นิ้วข้างขวาของเขายังคงทิ่มใส่หว่างคิ้วของเยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ลุกลี้ลุกลน มือซ้ายใช้รอยตราพลิกนภาต้านทานดัชนีเทพปฐมกำเนิดของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำต่อ

มือขวาของเขากำเป็นหมัด โต้ตอบจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ

ฝ่ามือซ้ายที่จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำขวางไว้ด้านหน้าทรวงอก พลังฝ่ามือของฝ่ามือหยินหยางไท่จี๋ยังคงจับตัวกันไม่ปล่อยออก เพียงแต่กลายเป็นรูปไท่จี๋ ขวางกำปั้นขวาของเยี่ยนจ้าวเกอ

ทว่ากำปั้นขวาของเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับถูกเส้นแบ่งเขตแดนไร้รูปร่างแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง ครึ่งหนึ่งสะท้อนแสงพร่างพราวและสว่างไสว ครึ่งหนึ่งหลอมรวมกับความมืดดำขลับ ไม่อาจเห็นร่องรอย

ผิวกำปั้นคลุมด้วยแสงสว่างมืดมัวชั้นหนึ่ง ไม่สว่าง ไม่ละลานตา เลือนรางลงไป

จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำนึกอะไรขึ้นได้ คิดปลี่ยนกระบวนท่าทันที

ทว่ากำปั้นขวาของเยี่ยนจ้าวเกอต่อยใส่รูปไท่จี๋ที่เกิดจากพลังฝ่ามือของเขาแล้ว

ความโกลาหลบนหมัดหายไป พลังแห่งแสงและความมืดปรากฏ

ความมืดไร้สิ้นสุดกลายเป็นแสงสว่างไร้ประมาณ

ด้านในแสงสว่าง กงจักรสวรรค์สิบสองชิ้นหมุนวนอยู่กลางอากาศ ราวกับเทพแห่งแสงสิบสององค์สาดส่องความว่างเปล่าไร้สิ้นสุด

วินาทีถัดมา เทพแห่งแสงสิบสององค์แปลงกลาย ถูกทำลายทิ้งพร้อมกัน!

นี่คือหมัดบดขยี้แสงสว่าง!

ภายใต้หมัดนี้ ไม่เพียงแต่แสงสว่างที่แหลกสลาย ยังเหมือนกับแม้แต่มรรคาของแสงและความมืดขั้วตรงข้ามก็พังทลายไปด้วย

การทำลายพลังที่น่ากลัวของทวิลักษณ์ได้แหวกรูปไท่จี๋ที่มีหยินหยางประสานกันออก

แตกต่างจากการแค่ปล่อยเจตจำนงหมัดตอนที่ฉีกปราณม่วงเมื่อก่อนหน้าเพื่อช่วยให้หวังผู่ออกไป ตอนนี้เป็นหมัดบดขยี้แสงสว่างที่แท้จริงถูกใช้ออกมา ฟ้าดินเปลี่ยนสี

ก่อนหน้านี้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำเพิ่งจะได้เห็นเจตจำนงหมัดของหมัดบดขยี้แสงสว่าง รู้ว่ากระบวนท่านี้ของเยี่ยนจ้าวเกอสะกดฝ่ามือหยินหยางไท่จี๋ได้ในระดับหนึ่งพอดี

เขาตั้งใจเปลี่ยนกระบวนท่า แต่กลับสายไปแล้ว

ขณะที่ฝ่ามือหยินหยางไท่จี๋ถูกหมัดบดขยี้แสงสว่างของเยี่ยนจ้าวเกอแหวกออก สภาวะจู่โจมของการรวมสี่แรกเริ่มก่อนกำเนิดเมื่อครู่ของจักรพรรดิแพรก็ได้รับผลกระทบไปด้วยทันที

เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายรู้อยู่แต่แรก เพิ่มพลังในรอยตราพลิกนภาที่มือซ้ายอย่างเหี้ยมหาญ เปลี่ยนจากป้องกันเป็นจู่โจม ทำลายดัชนีเพทต้นกำเนิดของจักรพรรดิแพรอีกรอบ

สภาวะจู่โจมจากการรวมสี่แรกเริ่มรวมเป็นหนึ่งตั้งแต่หัวจรดหางของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ ถูกเยี่ยนจ้าวเกอทำลายตั้งแต่หัวไปจนถึงหาง ฉีกออกเป็นชิ้นๆ โดนทำลายทิ้งไป

เยี่ยนจ้าวเกอดูแลทั้งหัวทั้งหาง จัดการทั้งสองอย่าง ดำเนินการจู่โจมจากทั้งสองทิศทาง โต้ตอบดุจคลื่นคลั่ง

“สมคำร่ำลือ” จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน พลันเปลี่ยนกระบวนท่า

เผชิญกับการโจมตีอย่างดุดันของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว เขากลับเหมือนไม่เห็น มือซ้ายสลายฝ่ามือหยินหยางไท่จี๋ พลันกำเป็นหมัด จากนั้นต่อยใส่เยี่ยนจ้าวเกอ

ภายใต้ผลของร่างกาลอวกาศกำเนิด มิติของคนทั้งสองคล้ายเกิดการเปลี่ยนแปลง

ฉับพลังนั้น หมัดของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำบรรลุถึงศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ

ลักษณะของหมัดนี้มองไปดูประหลาดพิกลอยู่หลายส่วน ไม่เหมือนกับการต่อยหมัด กลับเหมือนว่าในหมัดเพิ่มไม้เท้าท่อนหนึ่ง เตรียมควงทุบใส่ผู้คน

เป็นวิชาไม้เท้าบดขยี้ หนึ่งในห้าวรยุทธ์หลังกำเนิดสายเอกพิสุทธิ์!

ไม้เท้าพอถูกใช้ ก็เหมือนกับลิขิตว่าจะต้องโจมตีถูกเป้าหมาย

วรยุทธ์นี้เมื่อจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำที่อยู่ในระดับเซียนจริงแท้ใช้ออกมา ยิ่งเห็นอานุภาพมากกว่าเดิม

หากไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย ย่อมทำให้ผู้คนยากป้องกัน

“การแลกเปลี่ยนไม่ได้เกี่ยวข้องกับประมุขปฐวีเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเฉินทิศบนด้วย?” เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย ไม่ลนลาน มือขวาเปลี่ยนกระบวนท่า ใช้นิ้วต่างกระบี่ แทงกระบี่ออก ต้านทานไม้เท้าบดขยี้ของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ

กระบี่ดุจมังกรเขียว โดดเด่นล้ำเลิศ ขณะกำลังบินทะยาน ก็มีปราณมารไร้สิ้นสุดพุ่งสู่ฟากฟ้า

ในร่างของมังกรเขียวมีประกายแสงสาดลอดออกไป เป็นแสงโลหิตกระจายเต็มฟ้า กลายเป็นแสงกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวเหลือประมาณ เต็มไปด้วยจิตสังหาร

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ท่าฟันมังกรเขียวต้านรับไม้เท้าบดขยี้ของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ แต่ว่าในกระบี่กลับแฝงจิตกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ไว้มากกว่า

ไม่ใช่แค่กระบี่ผนึกเซียนที่ไว้เข่นฆ่าชีวิตเท่านั้น ยังมีจิตกระบี่ของกระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่เอาไว้ทำลายมรรคาด้วย!

ประกายกระบี่ที่ซ่อนความคมกล้าหยุดไม้เท้าบดขยี้ของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำได้ชั่วคราว

ในขณะเดียวกัน เยี่ยนจ้าวเกอก็เพิ่มพลังให้แก่รอยตราพลิกนภาที่มือซ้ายต่อ

ฝ่ามือเดียวเหมือนกับพลิกเปลี่ยนกระแสเวลาอยู่ชั่วขณะ

ด้านหนึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของก่อนกำเนิด ด้านหนึ่งเป็นจุดจบของหลังกำเนิด

การเปลี่ยนแปลงของการสร้างและการดับ ใช้รอยตราพลิกนภาสายหยกพิสุทธิ์เป็นเส้นเชื่อม ต่อกับหมัดสายเอกพิสุทธิ์อันเป็นสัญลักษณ์ของจุดกำเนิด และกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์อันเป็นสัญลักษณ์ของจุดจบ

สุดท้ายกลายเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสุดขั้วของรอยตราพลิกนภา เปลี่ยนสู่การสร้าง!

หลังจากศึกษากระบี่ลงทัณฑ์เซียน พอเยี่ยนจ้าวเกอใช้ออก ก็กลายเป็นท่าพลิกสู่การสร้างที่เหี้ยมหาญยิ่งกว่าตอนสู้กับเฉินเฉียนหัวในโลกแปดพิภพ

ภายใต้การกระหน่ำของพลังอันบ้าคลั่ง จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำโซเซถอยหลัง แม้แต่วิชาไม้เท้าบดขยี้ก็ไม่อาจรักษาได้ต่อ

ร่างเซียนจริงแท้ยากจะถูกมนุษย์ธรรมดาทำร้าย

แม้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำจะทุลักทุเลอยู่หลายส่วน แต่ก็ไม่มีปัญหาใด

ทว่าพอเหตุการณ์นี้ปรากฏในสายตาของคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้าง ก็ทำให้ผู้คนต้องอ้าปากตาค้าง

ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอคำนึงถึงคนในเมืองหยวนโจว จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกลับไม่มีข้อกริ่งเกรง

ดังนั้นวินาทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น งานประมูลของตึกความลับฟ้าในครั้งนี้จึงถูกประกาศให้หยุดลงกลางคัน

จอมยุทธ์ที่มาร่วมงาน กับคนอื่นๆ ในเมืองหยวนโจวหนีออกไปด้านนอกแต่เนิ่นๆ แล้ว ไม่มีใครกล้าอาลัยอาวรณ์บ้านหรือเกิดความเคียดแค้นชิงชัง

ยอดฝีมือระดับเซียนจริงแท้สู้กัน คนธรรมดาไม่อาจกล่าวเหตุผลได้ ทุกคนกลับสนใจผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้มากกว่า

จากนั้นพวกเขาก็เห็นเหตุการณ์ที่ชั่วชีวิตยากลืมเลือน

จักรพรรดิแพรงามที่ได้ผลักเปิดประตูเซียน ถูกเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายโจมตีจนถอยหลัง!

“ถ้าหากท่านคิดจะศึกษาหมัดแปลงกำเนิดของข้าผ่านการต่อสู้ เช่นนั้นไม่จำเป็นแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอสะบัดมือ “ข้าผู้แซ่เยี่ยนแค่ไม่ใช้หมัดแปลงกำเนิดก็พอ”

ถึงจักรพรรดิแพรงามจะพ่ายแพ้ แต่หลังจากยืนหยัดทรงตัวได้ เขาก็กล่าวอย่างราบเรียบ “ไม่เป็นไร ข้ามีเวลาเหลือเฟือ จะต้องหาโอกาสให้จงได้”

“จักรพรรดิเอกภพที่ไปทะเลหวงเจียก็คิดเหมือนกับท่านหรือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย พลันถามว่า “ข้าไม่สนใจเขา เขายินดีไปเอาลายมือแห่งแผ่นดิน ย่อมมีคนดูแล เขาจะถ่วงเวลาหรือ”

จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกล่าวอย่างเฉื่อยชา “เรื่องของกานหยวนจื่อข้าไม่ทราบ”

“เหอะๆ…” เยี่ยนจ้าวเกอใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม กลับลอบส่งกระแสเสียงอย่างแน่ใจ

‘อาหู่ ติดต่อบิดาข้า เป้าหมายของอีกฝ่ายไม่ใช่ข้ากับกงจักรมหาประกายกาฬ และไม่ใช่ตึกความลับฟ้า แต่เป็นมารดาข้า พวกเขาคงหาวิธีกำหนดตำแหน่งของมารดาข้าได้แล้ว!’

………………..