ตอนที่ 2016 ความเชื่อ

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 2016 ความเชื่อ

 

จอมยุทธทางฝั่งปราสาทตกตะลึง

 

พวกเขามั่นใจในทักษะบ่มเพาะของตนเอง และดวงวิญญาณนิรันดร์ที่พวกเขาศรัทธาเป็นอย่างมากเนื่องจากพวกเขาเคยพิสูจน์มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ว่าทักษะบ่มเพาะของพวกเขานั้นไร้เทียมทานอย่างแท้จริง

 

คิดว่าพวกหลิงฮันเป็นกลุ่มแรกที่มาบนเกาะนี้อย่างนั้น ผิดแล้ว ไม่รู้ว่ามีคนที่กลุ่มต่อที่กลุ่มแล้วที่มาติดเกาะแห่งนี้ แต่ก็ไม่มีใครเลยที่กลับออกไป

 

แต่ตอนนี้ล่ะ?

 

จอมยุทธจากภายนอกผู้นี้ มีพลังบ่มเพาะต่ํากว่าเขียวจนแท้ๆ แต่กลับเอาชนะเซียวจขึ้นได้

 

ต้องรู้ก่อนว่าเซียวจขึ้นนั้นเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดในหมู่พวกเขา

 

ถ้าหากแม้แต่เซียวจชิ้นก็ยังแพ้ละก็ ในระดับพลังเดียวกันคงไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้

 

ผลลัพธ์เช่นนี้ได้ล้มล้างความมั่นใจอันสูงส่งของพวกเขา และทําให้ความศรัทธาในดวงวิญญาณนิรันดร์สั่นคลอน

 

เซียวจขึ้นคํารามและพยายามตอบโต้ให้ตนเองกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบแต่ก็ไร้ผล

 

หลังจากทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันไปหนึ่งพันกระบวนท่า หลิงฮันก็เตะร่างของเชียวจนลอยกระเด็น บัง” ร่างของเซียวจจิ้นกระแทกเข้าใส่กําแพงอย่างรุนแรง

 

“น้องชายหลิงช่างแข็งแกร่งนัก!” เซียวจนรู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณหน้าอก แต่ก็พยา ยามฝืนยิ้มออกมา

 

หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “ข้าขอยอมรับคําชมนั่น”

 

เขาไม่ทําตามที่คําพูดของหอคอยน้อย ที่ว่าให้สังหารทุกคนและทําลายสถานที่แห่งนี้ทิ้งเนื่องจากที่นี่คืออาณาเขตของอีกฝ่าย ซึ่งมีจอมยุทธที่แข็งแกร่งเทียบเท่าระดับตําหนักอมตะอยู่จํานวนหนึ่งแถมเจ้าของเกาะที่เก็บตัวฝึกตนอยู่ ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้

 

หากสังหารใครที่นี่ ก็ไม่ต่างจากรนหาที่ตาย

 

เมื่อได้ยินคํากล่าวยอมแพ้จากปากของเซียวจน จอมยุทธทางฝั่งของปราสาทก็กลายเป็นที่นตระหนกเอะอะ ความเชื่อที่พวกเขามีต่อดวงวิญญาณนิรันดร์มายาวนาน แทบจะพังทลายลงในพริบตา

 

– เซียวจขึ้นทําเป็นไม่สนใจ และยกมุมปากเป็นรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม “ พรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของน้องชายหลิงช่างน่าอัศจรรย์นัก หากน้องชายหลิงยินดีที่จะฝึกฝนทักษะบ่มเพาะของอาจารย์ข้าล่ะก็ รับประกันได้เลยว่าพลังต่อสู้ของน้องชายหญิงจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้แน่นอน”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างพยักหน้า

 

ขนาดคนที่เสนอตัวยอมทดสอบแสดงความเชื่อมั่นในดวงวิญญาณนิรันดร์ก่อนหน้านี้ ก็ยังมีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นสี่ถึงห้าเท่าได้ในพริบตา ถ้าหากผลลัพธ์เช่นนั้นเกิดขึ้นกับหลิงฮันล่ะก็พลังต่อสู้ของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนกัน?

 

เมื่อคิดเช่นนี้ ความศรัทธาของจอมยุทธทางฝั่งปราสาทก็ฟื้นคืนกลับมา

 

ใช่แล้ว ตราบใดที่หลิงฮันศรัทธาในพระเจ้าของพวกเขา หลิงฮันก็จะแข็งแกร่งขึ้น ความเป็นจริงนี้เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาตัดสินใจไม่ผิด ที่เชื่อมั่นใจดวงวิญญาณนิรันดร์

 

เมื่อมองเห็นดวงตาที่ส่องประกายของผู้คนรอบด้าน หลิงฮันก็อดส่ายหัวไม่ได้ ดูเหมือนความพยายามที่จะดึงสติทุกคนกลับมาของเขาจะสูญเปล่าเสียแล้ว

 

แต่ฟังจากที่หอคอยน้อยกล่าวแล้ว ถึงแม้รูปแบบศาสตร์วรยุทธที่แตกต่าง จะสามารถสั่นคลอนความมั่นคงของสวรรค์และปฐพีได้ แต่ด้วยจํานวนของพวกฉินเหว่ยแค่สามสิบกว่าคนจะไปเพียงพอได้อย่างไร?

 

จํานวนเพียงเท่านี้ย่อมไม่ต่างอะไรกับหยดน้ําที่จมลงสู่มหาสมุทร

 

“นายน้อยเชียว โปรดสอนทักษะให้แก่พวกเราด้วย!” ชายใบหน้าเหี่ยวย่นราวกับชายช ราคนหนึ่งกล่าวออกมา

 

“โปรดสอนทักษะพวกเราให้ด้วย!” คนอื่นๆ เริ่มกล่าวตาม

 

ใบหน้าของเซียวจขึ้นแสดงออกถึงความพึงพอใจ ที่สามารถดึงความเชื่อมั่นของคนอื่นกลับมา

 

“ไม่ต้องกังวล อาจารย์ของข้ามีความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ ที่จะเผยแพร่ทักษะไปทั่วยุทธภพเพราะงั้นเขาไม่หวงแหนทักษะของตนเองอยู่แล้ว” เขากล่าวด้วยรอยยิ้มอันแสนจริงใจ

 

เหล่าจอมยุทธฝั่งฉินเหว่ยทุกคนซาบซึ้ง และรู้สึกราวกับว่าเจ้าของเกาะแห่งนี้ คือคนที่ดีที่สุดในโลก

 

หลิงฮันแสยะยิ้มในใจ ตอนแรกเขาก็ประใจอยู่ว่าทําไมพวกเซียวจน ถึงได้ยอมมอบทักษะให้แก่คนแปลกหน้า แต่หลังจากที่ได้ฟังคําอธิบายจากหอคอยน้อย เขาก็เข้าใจทันทีว่านี่คือภัยคุกคามครั้งใหญ่

 

เมื่อใดที่แผนการของคนเหล่านี้สําเร็จ ภัยพิบัติที่ไม่อาจจินตนาการได้จะอุบัติขึ้นที่ดินแดนแห่งเซียนไม่สิ.ภัยคุกคามอาจจะลุกลามไปถึงโลกบรรพกาล หรือแม้กระทั่งโลกใบเล็ก

 

เมื่อลองคิดแบบนี้แล้ว ที่บอกว่าเจ้าของเกาะเก็บตัวฝึกตนอยู่นั้นคงเป็นเรื่องโกหกทั้งเพแต่แท้จริงแล้วคนเหล่านี้ไม่ต้องการให้พวกเขาตัดต้นไม้สร้างเรือ และออกไปจากเกาะแห่งนี้

 

“ใครที่ต้องการฝึกฝนทักษะของอาจารย์ข้า เชิญตามมาทางนี้!” เซียวจนกล่าวด้วยน้ําเสียงกึกก้องซึ่งวินาทีต่อมา ผู้คนแทบทั้งหมดก็เลือกที่จะเดินตามเขาไป

 

มีเพียงหลิงฮันเท่านั้นที่ยังยืนเฉย

 

หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจที่แม้กระทั่งฉินเหว่ยก็ถูกล่อลวงไปด้วย

 

ไม่นานทุกคนก็เดินจากไป นอกจากหลิงฮันแล้ว เหลือแค่หลันรั่วจื่อคนเดียวที่ยังอยู่ นางนั่งแอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางงดงาม ในขณะที่มุมปากของนางแสยะยิ้มและดวงส่องประกายท้าทาย

 

การที่หลิงฮันไม่ถูกล่อลวงง่ายๆ เหมือนคนอื่น ทําให้นางรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก และต้องการดึงตัวหลิงฮันมาอยู่ฝ่ายตนเอง

 

ใช่แล้ว… นางชื่นเช่นที่จะเล่นสนุกกับบุรุษเป็นอย่างมาก ตราบใดที่นางถูกใจบุรุษคนใดไม่ว่าอีกฝ่ายจะหยิ่งทะนงแค่ไหน ก็ไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของนางได้

“นายน้อยหลิงช่างยอดเยี่ยมนักนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าเห็นศิษย์พี่พ่ายแพ้ในการต่อสู้ระ ดับเดียวกัน”นางกล่าวด้วยน้ําเสียงอ่อนหวาน

 

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “คนแบบข้ามีอย่างน้อยสิบหรือยี่สิบคนในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกและอาจจะมีมากกว่านั้นในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก”

 

หลันรั่วจ่อยิ้มอย่างทรงเสน่ห์ “นายน้อยหลิง อย่างที่ศิษย์พี่กล่าวไปเมื่อครู่ ตราบใดที่ นายน้อยหลิงเข้าร่วมกับพวกเราและได้ฝึกฝนทักษะบ่มเพาะ พลังต่อสู้ของนายน้อยหลิงฮันจะ เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยสิบเท่าโดยที่ระดับพลังยังเท่าเดิม!”

 

“ไม่ใช่ว่าบิดาของเจ้าต้องการเผยแพร่ทักษะให้ทุกคนหรอก เหตุใดข้าถึงต้องเข้าร่วมกับพวกเจ้าก่อนล่ะถึงจะได้รับทักษะ? หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“เผยแพร่ทักษะก็ส่วนของเผยแพร่ทักษะ แต่ความลับที่แท้จริงของทักษะนั้น จะถูกสอนให้เพียงแค่กับอัจฉริยะเท่านั้น นายน้อยหลิงไม่เห็นด้วยงั้นรึ?” หลันรั่วจือแอ่นร่างส่วนบนขึ้นและใช้นิ้วกดไปยังบริเวณหน้าอก

 

ทําให้ภูเขากลมนูนสองลูกโดดเด่นขึ้นมาจากด้านใต้เสื้อที่รัดแน่น

 

หลิงฮันเมินเฉยต่อนาง หากพูดถึงในด้านของรูปลักษณ์แล้ว หลันรั่วจื่อไม่สามารถเทียบกับจักรพรรดินีและฮูหนิวได้ ส่วนหากพูดถึงในด้านของเสน่ห์ นางก็ไม่อาจเทียบกับธิดาโรัวได้

 

ตัวเขาที่ไม่หวั่นแม้แต่กับเสน่ห์ของธิดาโร่ว มีรึจะหลงเสน่ห์ของนาง?

 

เนื่องจากตอนนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ที่หลิงฮันจะทําลายอํานาจบนเกาะแห่งนี้ด้วยพลังของตัวเอง

 

เขาจึงมีทางเลือกแค่สองทาง

 

หนึ่งคือรอให้หวไห่หรงหาที่นี่พบ และให้นางลบเกาะแห่งนี้ให้หายไป หรือสองคือเขาต้องยอมตามน้ําไปก่อน แล้วค่อยหาโอกาสสร้างเรือและกลับมาทําลายสถานที่แห่งนี้ในภายหลัง

 

หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “อันที่จริงข้าเองก็รู้สึกสนใจอยู่เล็กน้อย”