ฟู่ ฟู่ ฟู่!
วินาทีเดียวกันนั้นเองที่เย่หยวนได้ชี้นิ้วออกมาติดๆ กันสามครั้ง
สามดาบแสงนั้นมันได้พุ่งทะยานเข้าไปในร่างของคนทั้งสามในทันที
จากนั้นด้วยการนำของปราณเทวะคลื่นพลังรุนแรงสายหนึ่งมันก็ได้พุ่งเข้าปกคลุมร่างผางเจิ้นและว่านเจิ้น
และเรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมานี้มันเกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วเสี้ยววินาที ดูท่าเย่หยวนคงได้วางแผนเตรียมการมาตั้งแต่แรกแล้ว
เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นจนเสร็จสิ้นลงก่อนที่ผลึกแห่งกฎธาตุน้ำนั้นมันจะตกลงถึงพื้นเสียด้วยซ้ำ
ความเปลี่ยนแปลงนี้มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากนอกจากตัวเย่หยวนแล้วมันไม่มีใครจะมองตามทัน
แม้แต่ผางเจิ้นและว่านเจิ้นเองก็ยังได้แต่อ้าปากค้าง
จางเจิ้นนั้นเองก็ได้แต่ยื่นนิ่งอยู่ตรงนั้น
เขานั้นไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดหลินเฉาเถียนนั้นจึงไม่ลงมือหยุดยั้ง
ด้วยกำลังของหลินเฉาเถียนนั้นมันคงรับมือได้ทันเป็นแน่
แต่ในเวลานั้นเองที่หลินเฉาเถียนก็ส่ายหัวผงะหลังขึ้นมารู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวในจิตศักดิ์สิทธิ์
เขานั้นได้แต่ต้องผงะไปก่อนจะค่อยๆ กลับมาตั้งสติ
การโจมตีจิตศักดิ์สิทธิ์!
เขานั้นได้แต่ต้องหันกลับไปมองเย่หยวนและได้พบว่าเขานั้นช่วยคนทั้งสามไปแล้วจนต้องเบิกตากว้าง
“ตาย!”
เขาคิดปลดปล่อยพลังระเบิดธาตุไม้ออกจากทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของผางเจิ้น
แต่ผางเจิ้นนั้นกลับไม่ขยับเคลื่อนไหวแสดงท่าทีใดๆ ออกมา ไม่แม้แต่จะกะพริบตา!
หลินเฉาเถียนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายใจคิดว่ามันคงไม่ได้การแล้ว
มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
ทำไมปราณเทวะธาตุไม้ของเขานั้นมันจึงถูกแก้ไขอย่างรวดเร็วปานนี้?
นี่เย่หยวนมันจะไม่เก่งกาจจนเกินเหตุผลไปหน่อยหรือ?
แต่เวลานี้เย่หยวนได้จ้องมองกลับมาด้วยดวงตาเย็นเยือก
“ไม่ต้องลองแล้ว! ปราณเทวะธาตุไม้ของเจ้ามันถูกปราณดาบข้าปิดผนึกไว้สิ้น เจ้าไม่อาจจะใช้งานมันได้อีกแล้ว!” เย่หยวนกล่าวขึ้น
หลินเฉาเถียนนั้นเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “เป็นไปไม่ได้! เจ้าจะไปทำเรื่องเช่นนั้นในเวลาสั้นๆ แค่เสี้ยววินาทีได้อย่างไร?”
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับข้า! แม้ว่าระดับของพลังกฎข้ามันจะยังไม่อาจเทียบเจ้าได้แต่ปราณเทวะของเจ้าเองก็ไม่อาจเทียบเคียงข้าได้! เจ้าคิดว่าข้าทนรับฝ่ามือของเจ้าไปตั้งมากมายนั้นเพื่ออะไรเล่า?”
หลินเฉาเถียนหน้าถอดสีไปทันที “เจ้า… เจ้าทำอะไรลงไปกันแน่?”
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เลือดที่ข้าถ่มใส่หน้าเจ้าไปนั้นมันแฝงไปด้วยวิญญาณโกลาหลดั่งเดิม! ข้านั้นที่ส่งผลึกแห่งกฎให้เจ้าไปก็เพื่อจะได้แลกตัวคนผู้หนึ่งมาก่อน ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใครตราบเท่าที่ข้าได้รับคนมาคนหนึ่งแล้วข้าก็ย่อมจะสามารถช่วยคนที่เหลืออีกสองคนได้ เพราะฉะนั้นตอนที่ข้าส่งผลึกแห่งกฎชิ้นที่สองออกไปข้าจึงได้ใช้งานวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมเปลี่ยนเป็นดาบเข้าโจมตีจิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าทำให้เจ้าสิ้นสติไปวูบหนึ่งและในเวลานั้นข้าก็ใช้จิตดาบแทรกปราณลงไปในร่างของพวกเขาทั้งสามได้เรียบร้อย”
ทุกผู้คนที่ได้ยินได้ฟังนั้นต่างต้องอ้าปากค้าง
นี่มัน… จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เวลาสั้นๆ แค่นั้นเย่หยวนกลับสามารถวางแผนที่แยบยลได้ปานนี้มันเหนือล้ำจนเกินคำว่าสุดยอด!
ทุกคนนั้นต่างคิดว่าเย่หยวนไม่กล้าลงมือเพราะกลัวความเสียหายที่จะตายมาจึงไม่กล้าต่อสู้ขัดขืน
ใครจะไปคิดเล่าว่าเย่หยวนนั้นกลับยอมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพื่อที่จะพลิกเกมในภายหลังเช่นนี้!
ทุกคนนั้นต่างคิดว่าเย่หยวนไม่มีทางเลือกใดอื่นนอกจากต้องมอบผลึกแห่งกฎออกไป
แต่ใครจะไปคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับกำลังหาทางแก้แผนของหลินเฉาเถียนอยู่!
ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องราวนี้หลินเฉาเถียนได้เปรียบมาตลอด เขาย่อมไม่คิดฝันว่าเย่หยวนจะยังพลิกกลับมาแก้ไขเรื่องราวได้เช่นนี้
แต่มันกลายเป็นเย่หยวนนั้นที่วางแผนช่วยเหลือไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ!
ก่อนที่หลินเฉาเถียนจะทันรู้ตัวสถานการณ์ใดๆ มันก็คลี่คลายลงสิ้น!
ค่อยๆ ก้าวเดินและวางแผนดักไว้ในทุกย่างก้าว!
สมองที่แสนชาญฉลาด!
วิธีการที่แปลกประหลาด!
หลินเฉาเถียนนั้นรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้มาเจอจอมมายาผู้ใช้เวทมนตร์จนพ่ายแพ้ย่อยยับ
แผนการในครั้งนี้เขาต้องนั่งเค้นสมองมานานนับปีๆ
รายละเอียดแต่ละอย่างนั้นเขาต้องเอามันมาวิเคราะห์พิจารณาหลายต่อหลายรอบ
เย่หยวนนั้นจะต้องถูกจัดการลงอย่างแน่นอน
แต่ว่าแม้จะเป็นสถานการณ์ที่เสียเปรียบทุกด้านเช่นนั้นเย่หยวนก็ยังหาทางแก้ไขมันได้อย่างรวดเร็ว
เขานั้นพลิกเกมกลับใส่หลินเฉาเถียนจนทำลายแผนการลงสิ้น!
ความแยบยลนี้มันเหนือล้ำกว่าร่างกายที่เป็นอมตะ!
และในเรื่องของดาบจิตนั้นมันก็เป็นหนึ่งในวิธีการใช้งานวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมที่เย่หยวนได้พบเจอมา
เพราะว่าตัววิญญาณโกลาหลดั่งเดิมเองนั้นเย่หยวนแทบจะไม่เข้าใจอะไรมันเลย
แต่กำลังของมันนั้นย่อมมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะฉะนั้นหลายต่อหลายปีมานี้เย่หยวนเองก็พยายามหาทางที่จะวิเคราะห์เจ้าวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมมาเรื่อย
สิ่งแรกที่เย่หยวนได้เข้าใจนั้นคือความสามารถในการแตกตัวของวิญญาณโกลาหลดั่งเดิม!
หลินเฉาเถียนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่มานับหมื่นๆ ล้านปี แน่นอนว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาเองมันก็คงพัฒนาขึ้นไปจนถึงที่สุด
แม้ว่าวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมของเย่หยวนมันจะแข็งแกร่งปานใดมันก็ยังเป็นเรื่องยากหาคิดจะปะทะกับจิตศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอย่างของหลินเฉาเถียน
เพราะจะอย่างไรเสียหลินเฉาเถียนก็มิใช่คนโง่เง่า เขานั้นรู้ดีว่าวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมของเย่หยวนมันแข็งแกร่งปานใด มีหรือที่เขาจะไม่ระวังตัวไว้เลย?
แต่การแตกแยกเอาส่วนหนึ่งของวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมแฝงไว้กับพลังเลือดและฟักรอเข้าลอบโจมตีหลินเฉาเถียนในวินาทีที่เขาไม่ทันระวัง แม้จะเป็นหลินเฉาเถียนมันก็คงไม่อาจจะป้องกันไว้ได้ทัน
แน่นอนว่าหลินเฉาเถียนนั้นตกหลุมพรางในแผนนี้อย่างจัง!
เขานั้นคิดว่าที่เย่หยวนถ่มออกมานั้นมันเป็นแค่เพราะความโกรธเคือง
เขาไม่ได้รู้เลยว่าวินาทีที่ร่างกายของเขามันถูกเลือดของเย่หยวนเข้า ตัวเขานั้นก็ได้พ่ายแพ้ลงแล้ว!
หลินเฉาเถียนนั้นเบิกตากว้างขึ้นอย่างที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
เขานั้นไม่เคยคิดจะมอบตัวประกันใดๆ ให้เย่หยวนตั้งแต่แรก!
เมื่อสักครู่นี้ตัวเขาคิดจะระเบิดพลังกฎธาตุไม้ออกมาสังหารว่านเจิ้นและจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ลง
ส่วนตัวผางเจิ้นนั้นจะถูกใช้เป็นตัวประกันต่อเย่หยวนทำให้เขาไม่กล้าขัดขืนใดๆ ต่อ
เขานั้นรู้ดีถึงจุดอ่อนของเย่หยวนจึงได้คิดแผนการชั่วร้ายเช่นนี้ขึ้นมา
แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือใดๆ ตัวประกันทั้งหลายมันก็ถูกช่วยเหลือไปสิ้น
“เจ้า… เจ้าสัตว์ประหลาด!” หลินเฉาเถียนนั้นรู้สึกเสียวสันหลังวาบเพราะคนตรงหน้าเขานี้มันน่ากลัวจนเกินไป!
เย่หยวนค่อยๆ หรี่ตาลง “เช่นนั้นหรือ? คุยกับเจ้ามาตั้งนานนี้อาการบาดเจ็บของข้าก็เริ่มฟื้นคืนได้กว่าครึ่งแล้ว! ทีนี้เจ้าก็เตรียมตัวตายได้!”
ตูม!
เสียงของเขายังไม่ทันจางหายเอกภพก็ถูกเปิดใช้งานออกมา!
หลินเฉาเถียนนั้นหน้าซีดขาวลงก่อนจะพุ่งตัวหนีหายไปบนทางเส้นหลักทันที
เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดติดตามไปแต่ค่อยๆ ก้มตัวลงส่งโอสถให้คนทั้งสามกิน
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ รักษาอาการของคนทั้งสาม
พวกเขาทั้งสามคนนั้นบาดเจ็บหนักมากที่สำคัญไปกว่านั้นพลังกฎธาตุไม้ของหลินเฉาเถียนที่แฝงอยู่ในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์เองมันก็แค่ถูกผนึกไว้ชั่วคราว
หากไม่จัดการดึงมันออกมาให้หมดสิ้นแล้ว มันก็อาจจะยังเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
“นายท่าน ช-ช่างเราเถอะ! ตามไปฆ่าไอ้หมาเฒ่านั่นเสีย! หากปล่อยให้มันได้ผลึกแห่งกฎธาตุไฟไปมันคงเริ่มหลอมพลังทันทีแน่! หากท่านรอจนมันหลอมเสร็จสิ้นแล้ววันหน้ามันยิ่งจะกลายเป็นภัยที่จัดการได้ยากยิ่ง!” ผางเจิ้นนั้นกัดฟันกล่าว
เย่หยวนขมวดคิ้วตอบกลับไปสั้น “หุบปาก!”
ผางเจิ้นที่ได้ยินเองก็ได้แต่ต้องเงียบปากลง
แต่เวลานี้จิตใจของเขามันกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นมา
นี่มันคือพี่น้อง นี่มันคือสหายที่ไม่ต้องพูดกล่าวใดๆ ให้มากความ
หลินเฉาเถียนจากไปแต่จางเจิ้นนั้นยัง
เพราะความเปลี่ยนแปลงตรงหน้านี้มันทำให้ตัวเขาไม่รู้ต้องตอบสนองอย่างไร
เขานั้นไม่นึกฝันว่าหลินเฉาเถียนนั้นกลับไม่คิดแม้แต่จะต่อสู้และหนีหายไปทันที
เวลานี้เขาเหลือตัวคนเดียวแล้ว จะทำอย่างไร?
สายตาของเขานั้นจึงได้หันไปมองทางผลึกแห่งกฎธาตุน้ำที่ตกอยู่ไม่ไกล
ความโลภมันเริ่มปรากฏขึ้นในดวงตา
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัวมันก็มีเสียงเย็นเยือกของเย่หยวนดังขึ้นมาก่อน
“หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ ไม่ทำอะไร เพราะยิ่งคิดจะทำอะไรเจ้าก็จะยิ่งตายเร็วขึ้นเท่านั้น!”
จางเจิ้นสั่นสะท้านไปทั้งร่างกายแต่ดวงตานั้นยังคงไม่คิดยอม
ฟุบ!
สุดท้ายเขาก็ยังขยับ!
เพราะความเย้ายวนของเต๋าบรรพกาลมันมากล้ำเกินไป!
ที่สำคัญจะอย่างไรก็ต้องตาย ทำไมจะไม่ลองเสี่ยงเล่า?
จางเจิ้นนั้นพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงหน้าผลึกแห่งกฎธาตุน้ำ
เขานั้นยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างสุดใจ
แน่นอนล่ะว่าเย่หยวนคงแค่ขู่เขา
มีหรือที่พลังกฎธาตุไม้ของเต๋าบรรพกาลชีวิตนั้นมันจะถูกกำจัดออกไปจากร่างคนทั้งสามได้ง่ายๆ?
แต่ว่าก่อนที่มือของเขาจะทันได้หยิบเอาผลึกแห่งกฎธาตุน้ำขึ้นมานั้นมันก็สีแสงสว่างพุ่งผ่านหน้าไป
ฉัวะ!
มือของเขาหายไปจากท่อนแขน!
…..