ตอนที่ 2495 ใครคืออันดับหนึ่ง

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“อ่าก!”

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาพร้อมร่างของจางเจิ้นที่ร่วงตกลงกับพื้น

ตั้งแต่ต้นจนจบนั้นเย่หยวนไม่เคยจะต้องเงยหน้าไปมองเลย

แค่จัดการกับคนอย่างจางเจิ้นนั้น แค่ใช้เศษเสี้ยวพลังดาบของเขามันก็มากเกินพอ

เขานั้นอยู่ห่างจากผลึกแห่งกฎธาตุน้ำไปเพียงก้าว

มันอยู่เพียงเอื้อมมือแต่กลับแสนไกล!

จางเจิ้นนั้นได้แต่มองดูที่ผลึกแห่งกฎตรงหน้าเขานั้นก่อนจะค่อยๆ คลานเข้าไปอีกครั้ง

เขานั้นยื่นมือที่ขาดนั้นออกมาพยายามจะใช้ช่วงแขนจับคว้าผลึกแห่งกฎไว้

แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองมันก็มีลำแสงอีกลำหนึ่งพุ่งผ่านไป

มือทั้งสองของเขานั้นขาดสิ้น

ไกลออกไปนั้นเย่หยวนก็ได้กล่าวขึ้นมา “มนุษย์ม้วยมอดเพราะทรัพย์ ปักษานั้นตายเพราะของกิน! เพียงแค่ว่าเกิดมาเป็นคนนั้นทำการใดมันก็ควรมีเส้นที่ไม่ควรข้ามไป! กรรมใดใครก่อไว้กรรมนั้นมันย่อมจะคืนสนอง!

ผางเจิ้นนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้เห็นภาพนั้น “ฮ่าๆๆ… จางเจิ้น เจ้าเองก็มีวันนี้จนได้! สะใจนัก! มันช่างสะใจนัก!”

จางเจิ้นนั้นเป็นคนฉลาดจึงไม่ได้เข้าใจตีสนิทผางเจิ้นจนเกินตัวใดๆ

แต่หลายๆ ครั้งเขาก็จะเนียนเข้าไปพูดคุยกับผางเจิ้น

แต่เขานั้นจะทำให้เหมือนแค่ได้บังเอิญมาเจอกับผางเจิ้นเท่านั้น

เป็นเช่นนี้เมื่อเวลาผ่านไปผางเจิ้นจึงเชื่อมั่นสุดใจว่าจางเจิ้นเป็นคนดีไม่ได้แฝงตัวเข้ามาตีสนิท

ระหว่างทางมาด้วยกันนั้นผางเจิ้นจึงไม่ได้คิดสงสัยจางเจิ้นเลย

แต่สุดท้ายตัวเขาก็ยังถูกจางเจิ้นแทงข้างหลังจนได้!

เขานั้นเสี่ยงชีวิตเป็นตายกว่าจะได้ครองหยาดชีวามา

แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นผลประโยชน์ให้หลินเฉาเถียน!

ความคับแค้นในจิตใจนี้มันทำให้เขาแทบคลั่ง

เวลานี้เมื่อได้สะสางความคับแค้นนั้นออกมาแล้วมีหรือที่เขาจะไม่ดีใจ?

ว่านเจิ้นหัวเราะลั่นขึ้นมา “ก่อนหน้านี้เจ้าคงไม่คิดฝันว่าเวลานี้มันจะมาถึงเลยใช่หรือไม่? สมน้ำหน้า!”

ปราณดาบนั้นมันค่อยๆ ซึมเข้าร่างของจางเจิ้นผ่านทางบาดแผลทำให้ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนั้นมันเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าความตาย

มันคือความสิ้นหวัง!

ช่องว่างความห่างระหว่างเขาและเย่หยวนนั้นมันมากจนเกินรับ!

เขานั้นรู้ดีว่าเย่หยวนจงใจที่จะทำเช่นนี้

ให้เห็นแต่ไม่ให้ครอง!

ไม่มีสิ่งใดที่มันจะน่าเจ็บแค้นใจไปกว่านี้

เขานั้นห่างจากตำแหน่งเต๋าบรรพกาลเพียงก้าว

แต่เขารู้ดีว่าตนจะไม่มีทางได้เป็นเต๋าบรรพกาล!

เย่หยวนยกมือขึ้นมาใช้ปราณดึงเอาผลึกแห่งกฎกลับไป

จางเจิ้นนั้นได้แต่นั่งมองดูเรื่องราวนั้นอย่างไม่อาจขัดขืนใด

เมื่อจบสิ้นแล้วเย่หยวนก็ไม่คิดสนใจใดๆ เขาอีกหันหน้าไปตั้งตารักษาพวกผางเจิ้นต่อ

จางเจิ้นนั้นได้แต่ทิ้งตัวนอนอยู่บนพื้นดินอย่างไม่กล้าแม้แต่จะขยับ

เย่หยวนนั้นลงมืออย่างน่ากลัว จางเจิ้นย่อมจะไม่มีโอกาสได้หลบหนีใดๆ เป็นแน่

เวลานี้เขานั้นหวาดกลัวอย่างสุดหัวใจ การต้องมานั่งรอความตายนั้นมันมิใช่สิ่งที่ดีนัก

เวลานั้นค่อยๆ เลื่อนผ่านไปเรื่อยปราณธาตุไม้ทั้งหลายในร่างของคนทั้งสามมันก็ค่อยๆ ถูกเย่หยวนดึงออกมาเรื่อยๆ

พร้อมๆ กันนั้นอาการบาดเจ็บภายนอกของคนทั้งสามเองก็ดีขึ้นอย่างทันตา

ขาที่ขาดลงของผางเจิ้นนั้นมันค่อยๆ ฟื้นสภาพงอกกลับมาด้วยการรักษาของเย่หยวน

“นายท่าน หลินเฉาเถียนมันได้ผลึกแห่งกฎธาตุไฟไปแล้วมันย่อมจะต้องหาโอกาสหลอมซึมซับทันทีแน่ หากมันหลอมพลังกฎธาตุไฟไปได้แล้วกำลังของมันคงเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล” ผางเจิ้นกล่าวขึ้นด้วยท่าทางกังวล

เย่หยวนจึงได้ตอบกลับไปอย่างไม่คิดแยแส “มันนั้นโลภมากล้ำ แต่คิดจะโลภเอาอะไรมันก็ต้องมีปัญญารับพลังนั้นด้วย เรื่องราวของมันและข้านั้นจะได้จบลงในครั้งนี้แน่ พวกเจ้าทั้งสามช่วยดูเฝ้าให้ข้าด้วย ข้าจะเก็บตัวตรงนี้”

“เก็บตัว?”

คนทั้งสามแทบจะร้องขึ้นมาพร้อมกัน

คนอื่นๆ นั้นขึ้นเขาแห่งถงเทียนมาเพื่อล่าผลึกแห่งกฎรับตำแหน่งเต๋าบรรพกาล

แต่เย่หยวนนั้นกลับแสนแปลกประหลาด เขาขึ้นมาบนเขาเพื่อจะเก็บตัวบ่มเพาะตามปกติ

นี่มันจะเทียบเคียงกับการเพิ่มพลังของเต๋าบรรพกาลได้หรือ?

เพราะจะอย่างไรเสียเวลาที่ใช้ในการหลอมกลืนผลึกแห่งกฎนั้นมันก็ไม่ได้นานมากมาย อย่างมากก็แค่เดือนหนึ่งเท่านั้น

แล้วหากเย่หยวนมาเก็บตัวตรงนี้ หนึ่งเดินจากนี้ไปเขาจะยังเทียบเคียงหลินเฉาเถียนได้หรือ?

หลังจากหลินเฉาเถียนหลอมผลึกแห่งกฎไปแล้ว กำลังของเขานั้นจะไม่ได้แค่เพิ่มขึ้นไปเท่าตัว

เพราะกฎธาตุไม้นั้นมันเสริมกฎธาตุไฟ แน่นอนว่าพลังของเขาย่อมจะพุ่งทะยานล้ำ

ต่อให้เย่หยวนจะเก็บตัวและบรรลุขึ้นไป แต่มีหรือที่จะยังเทียบเคียงกับหลินเฉาเถียนที่ถือครองสองพลังกฎ?

คนทั้งหลายนั้นต่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดเย่หยวนจึงเลือกทำเช่นนี้

เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้มันควรจะเป็นการตามตัวหลินเฉาเถียนให้เจอและไม่เปิดโอกาสให้มันได้หลอมผลึกแห่งกฎ

แต่เย่หยวนนั้นมีอำนาจเด็ดขาดเหนือพวกเขาทั้งหลาย การตัดสินใจของเขานั้นคนทั้งหลายย่อมจะไม่คิดขัดใดๆ อีก

เย่หยวนบอกให้ช่วยเฝ้ายามดูแลให้ พวกเขาก็จะจัดการตามที่ได้รับสั่ง

“นายท่าน แล้วเจ้าหมอนี่เล่า?” ผางเจิ้นถามขึ้นมาพร้อมชี้หน้าจางเจิ้น

“เจ้าจัดการมันต่อแล้วกัน” เย่หยวนกล่าว

เย่หยวนนั้นรู้ดีว่าความเคียดแค้นของผางเจิ้นต่อจางเจิ้นนั้นลึกล้ำแค่ไหน

โอกาสที่จะได้ระบายเช่นนี้ เขาย่อมจะปล่อยให้ผางเจิ้นได้จัดการไป

แน่นอนว่าเมื่อผางเจิ้นได้ยินเขาก็กำหมัดแน่นขึ้นมาก่อนจะหันไปมองจางเจิ้นด้วยสายตาแสนดุร้าย

เขานั้นยังคงคับแค้นกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาจนถึงตอนนี้

เมื่อปล่อยให้ผางเจิ้นจัดการเรื่องราวต่อแล้วเย่หยวนก็ไม่สนใจใครนั่งขัดสมาธิลงบ่มเพาะทันที

เวลานี้ปราณดาบของเย่หยวนมันแผ่ไปทั่วร่างทำลายพลังชีวิตของจางเจิ้นไปมาก

ด้วยกำลังของคนทั้งสามนี้มันย่อมจะไม่มีทางใดที่จางเจิ้นจะยังหนีไปได้อีก

เย่หยวนนั้นพัฒนาขึ้นมาจนถึงที่สุดของอาณาจักรการกำเนิดแล้ว สิ่งที่เขาจะบ่มเพาะฝึกฝนมันย่อมมิใช่พลังปราณ

สิ่งที่เขาคิดจะบรรลุในเวลานี้มันคือแนวคิด

ระหว่างมิติและเวลาสองยอดแนวคิดนั้น แนวคิดแห่งกาลเวลาของเย่หยวนมันได้อยู่ในสภาวะคงที่มาแสนนานแต่แนวคิดแห่งห้วงมิติของเขากลับพัฒนาไปอย่างไม่มีหยุด

ก่อนที่จะขึ้นเขาแห่งถงเทียนมานั้นแนวคิดแห่งห้วงมิติของเขามันก็พัฒนาขึ้นไปจนถึงต้นกำเนิดระดับห้าแล้ว

หลังจากขึ้นเขาแห่งถงเทียนมาเขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังแห่งมิติที่หนาแน่นที่สุดในมหาพิภพถงเทียน

เพราะที่แห่งนี้แม้แต่จะเป็นเจ้าฟ้าดินทั้งหลายเองก็ยังไม่อาจจะมุดลงห้วงมิติได้ แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าพลังมิติของที่แห่งนี้หนักแน่นปานใด

ระหว่างทางที่ขึ้นมาเรื่อยๆ นี้เย่หยวนก็ได้แนวคิดใหม่มามากมายหลายอย่าง

สิ่งที่เขาต้องทำในเวลานี้คือการเอาความคิดเหล่านั้นมาปะติดปะต่อเพื่อบรรลุสู่ระดับกฎ

พลังแห่งกฎมันอยู่แค่เอื้อมมือแล้ว

ณ สุดทางเดินที่แสนเงียบสงัดหนึ่ง

หลินเฉาเถียนนั้นกำลังยิ้มกว้างขึ้นมาเมื่อได้เห็นทางเดินนี้

เพราะนอกทางเดินนี้มันจะไม่มีทางใดที่จะหลอมกลืนพลังของผลึกแห่งกฎได้เลย

การจะขึ้นเป็นเต๋าบรรพกาลนั้น มันต้องเข้ามานั่งบ่มเพาะหลอมผลึกแห่งกฎในที่แห่งนี้

แต่เวลานี้เขากำลังจะได้ขึ้นสู่การเป็นเต๋าบรรพกาลรอบที่สอง

เขานั้นเชื่ออย่างมากว่าตราบเท่าที่ตนได้เป็นเต๋าบรรพกาลอีกครั้ง กำลังของเขามันจะไม่ด้อยไปกว่าเย่หยวนแน่

ต่อให้เย่หยวนจะบรรลุผ่านโซ่ตรวนไปได้จริงมันก็คงไม่มีทางใดที่เขาจะอ่อนแอกว่าเย่หยวน

เพราะว่าเขานั้นจะกลายเป็นตัวแทนของสวรรค์

คิดมาได้ถึงตรงนี้เขาก็หยิบเอาผลึกแห่งกฎนั้นออกมากำไว้แน่น

“เย่หยวน เจ้าคงไม่มีทางคิดถึงแน่ว่าบรรพกาลผู้นี้จะแข็งแกร่งขึ้นมากแค่ไหนหลังได้พลังของผลึกแห่งกฎนี้! ไม่ว่าเจ้าจะมากพรสวรรค์สักเท่าใดสวรรค์นั้นก็คือสิ่งที่เจ้าจะไม่มีวันก้าวข้ามได้”

หลินเฉาเถียนหัวเราะขึ้นมาลั่นทางเดิน

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า คลื่นพลังจากร่างของหลินเฉาเถียนเองก็พุ่งพวยสูงขึ้นเรื่อยๆ

หนึ่งเดินจากนั้นหลินเฉาเถียนก็พัฒนาจนมีคลื่นพลังพุ่งทะยานฟ้า

คลื่นพลังแห่งไฟนี้มันทำให้เขาแทบจะกลายเป็นเทพเจ้าไป

“ฮ่าๆๆ… บรรพกาลผู้นี้ได้เปลี่ยนตำแหน่งจากเต๋าบรรพกาลชีวิตไปเป็นเต๋าบรรพกาลไฟวิญญาณแล้ว! วันนี้คือวันที่ยอดคนอันดับหนึ่งตั้งแต่โบราณกาลได้ถือกำเนิดขึ้นมา! เย่หยวน บรรพกาลผู้นี้อยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะเก่งได้สักแค่ไหนและจิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้านั้นมันจะไม่ถูกทำลายได้จริงหรือไม่!”

หลินเฉาเถียนนั้นรู้สึกมั่นใจอย่างมากเพราะเขานั้นไม่เคยจะสัมผัสได้ถึงพลังในระดับนี้มาก่อน

ความแปลกประหลาดของเย่หยวนใดๆ มันไม่มีค่าในสายตาของพลังนี้!

ด้วยสองพลังแห่งกฎที่หล่อหลอมในกายเขานั้นพร้อมตำแหน่งเต๋าบรรพกาลที่จุติลงมา เขาจึงได้กลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งอย่างแท้จริง!

เพียงแค่ว่าตัวเขานั้นไม่รู้เลยว่าเวลาเดียวกันนี้พลังแห่งกฎห้วงมิติมันก็ได้ปรากฏขึ้นบนร่างของเย่หยวนจนทำให้ผู้คนแทบไม่อาจจะมองเห็นตัวเขาได้อีก