ตอนที่ 1648 ผู้ชายชอบผู้หญิงออดอ้อน + ตอนที่ 1649 แย่งต้นเงินต้นทองของครอบครัวฉันไป Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1648 ผู้ชายชอบผู้หญิงออดอ้อน
นิสัยของหวังเฟิ่งเจินตรงไปตรงมาเปิดเผย พูดจาก็รวดเร็วฉับไว ตอนเด็กยังมีฉายาว่ายัยตัวแสบ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโม่เหวินต้งนับว่ารักใคร่สมัครสมานกันดี แต่มักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ขาดหายไป ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาก็เหมือนกับน้ำเปล่าต้มสุกยังไงอย่างนั้น เบาบางจนแม้กระทั่งตัวเองยังรู้สึกปลงกับเรื่องนี้
แต่การออดอ้อนน่ารักของเหมยเหมยเมื่อครู่ กลับเปิดประตูบานใหม่ให้หวังเฟิ่งเจิน เธอได้รับแรงบันดาลใจเป็นอย่างมาก
นิสัยของเหยียนหมิงซุ่นเย็นยะเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็งเสียอีก แต่อยู่ต่อหน้าเหมยเหมยกลับอ่อนโยนหยั่งกับอะไรดี เชื่อฟังและยอมทำตามทุกอย่าง ต่อให้เป็นตอนที่เพิ่งแต่งงานกัน โม่เหวินต้งยังไม่ดีกับเธอมากขนาดนี้มาก่อนเลย!
นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงอะไร?
แสดงให้เห็นว่าผู้ชายชอบให้ผู้หญิงออดอ้อน ดูจากที่เมื่อครู่เหมยเหมยเรียกว่าพี่ เสียงอ่อนเสียงหวานจนเธอยังทนไม่ไหว เหยียนหมิงซุ่นต่อให้เย็นชาขนาดไหนก็ยากจะต้านทานไหว!
หวังเฟิ่งเจินกัดปาก บางทีเธอควรเรียนรู้ไว้หน่อยสินะ?
เวลานี้ใกล้จะบ่ายสองบ่ายสามแล้ว มีเด็กมากมายจุดประทัดเล่นอยู่ในหมู่บ้าน สือโถวพาหลานชายและหลานสาวไปด้วย เด็กผู้หญิงจุดผลุผึ้งน้อยซึ่งมีลักษณะหัวกลม ๆเส้นยาว ๆเพื่อใช้จุดไฟ ตอนจุดจะมีเสียงดังหึ่ง ๆลอยมาเหมือนผึ้ง มันจะปล่อยพลุออกมาทีละดอก ๆ ถ้าจุดในเวลากลางคืนจะสวยมากเป็นพิเศษ
พวกเด็กผู้ชายอย่างสือโถวกลับไม่สนใจวัตถุไร้เสียงเช่นนี้ พวกเขาชอบจุดประทัด เขาจะรื้อประทัดออกมาเป็นชิ้น ๆแล้วซ่อนไว้ในกระเป๋า แล้วค่อยใช้บุหรี่หรือธูปจุดไฟ แบบนี้ก็เล่นได้เป็นค่อนวันแล้ว
“พี่สะใภ้ พวกพี่จะไปเที่ยวไหน?” สือโถวสายตาว่องไวพร้อมตะโกนเรียกแต่ไกล ข้างกายเขามีน้องสาวตัวเล็ก ๆแต่กลับวิ่งได้ว่องไวมาก ซนเหมือนพี่ชายเลย
“จะไปเที่ยวบนภูเขา สือโถวดูแลน้องสาวให้ดี ๆ ระวังสะเก็ดประทัดกระเด็นเข้าตาล่ะ” เหมยเหมยหน้าด้านอยู่แล้ว พี่สะใภ้ก็พี่สะใภ้สิ ถึงอย่างไรจะช้าจะเร็วก็ต้องเรียกแบบนี้อยู่ดี!
สือโถวมองน้องสาวของเขาที่เหมือนลิงดำด้วยความรังเกียจ “เธอวิ่งเร็วยิ่งกว่าประทัดเสียอีกไม่กระเด็นโดนหรอก!“ ถึงแม้ว่าจะพูดไปแบบนี้ แต่เขาก็ยังลากน้องสาวของเขาตามหลังมาจนให้ความรู้สึกถึงความเป็นพี่ชาย
เหมยเหมยหัวเราะ เธอหมุนตัวเดินไปหาเหยียนหมิงซุ่นที่เดินอยู่ข้างหน้า จู่ ๆก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆอายุสักเจ็ดแปดขวบโยนประทัดที่เพิ่งจุดไฟมีควันพวยพุ่งมาทางเธอ แสดงสีหน้าท่าทางดุร้าย
“เฮ้ย!”
เหมยเหมยร้องเสียงหลง เบี่ยงหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ พระเจ้าช่วย…สิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดก็คือประทัดนี่แหละ
เหยียนหมิงซุ่นได้ยินเสียงร้องก็หมุนตัวหันกลับมาทันทีพลันพุ่งมาอยู่ข้างกายเหมยเหมยอย่างกับบินได้ “เป็นอะไรไป?”
“ประทัด…”
เหมยเหมยหาประทัดที่จุดควันฟุ้งนั้นไม่เจอ กำลังแปลกใจอยู่เลย อยู่ดี ๆสือโถวก็ตะโกนออกมาว่า “พี่สะใภ้ หมวก…”
เหยียนหมิงซุ่นกำลังจะเอื้อมมือไปเขย่าหมวก ประทัดที่ซ่อนอยู่ในหมวกก็ระเบิดข้างหูของเหมยเหมยเลย เสียงดังสนั่นไม่รู้กี่เท่าซึ่งดังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เหมยเหมยกรีดร้องและปิดหูของเธอ ใบหน้าซีดเซียว น้ำตาไหลพราก
สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือเด็กเวรที่ปาประทัดใส่คนอื่นนี่แหละ!
อยากจะฟาดก้นเขาจริง ๆ!
เหยียนหมิงซุ่นกอดเหมยเหมยเอาไว้พลางกลั้นหัวเราะแล้วปลอบโยน “ไม่เป็นไรนะ ก็แค่ประทัดเล็ก ๆเท่านั้นเอง”
“ไม่เล็กเลยสักนิด…หูจะหนวกอยู่แล้ว…” เหมยเหมยรู้สึกอับอาย ต่อหน้าเด็กมากมายขนาดนี้กลับร้องไห้เพราะตกใจเสียงประทัด ทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย
“เดี๋ยวพี่นวดคลึงเบา ๆให้ เด็กดีไม่ต้องร้องแล้วนะ” เหยียนหมิงซุ่นทั้งปวดใจทั้งตลก จากนั้นก็ตรวจดูหลังคอของเหมยเหมย โชคดีที่มันไม่ระเบิดโดนผิวหนังมีแค่ผมไหม้เกรียมไม่กี่เส้น นอกจากนี้ยังมีรูเล็ก ๆบนหมวก
สือโถวเห็นพี่สะใภ้คนสวยของตัวเองโดนคนอื่นรังแกต่อหน้าต่อตาก็โมโหเป็นอย่างมาก!
“โม่ต้าเป่า กล้าโยนประทัดใส่พี่สะใภ้ฉันเหรอ ฉันจะเอานายให้ตายเลย!”
สือโถวพุ่งเข้าตะครุบราวกับสุนัขหมาป่าตัวน้อย อย่ามองแค่ว่าเขาเตี้ยกว่าโม่ต้าเป่า แต่โม่ต้าเป่ากลับไม่สามารถเอาชนะเขาได้เลย ถูกสือโถวขี่หลังทุบตีจนเจ็บไปหมด พวกลูกพี่ลูกน้องของโม่ต้าเป่าก็วิ่งเข้ามาช่วย เด็กคนอื่น ๆของครอบครัวโม่ก็ไม่พอใจ
คิดว่าพวกเขาตายไปแล้วหรือไง ไม่พูดพร่ำทำเพลงพับแขนเสื้อขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปตะลุมบอนด้วย
ต่อยตีกันจนชุลมุนเป็นกลุ่มก้อน!
…………………………………………..
ตอนที่ 1649 แย่งต้นเงินต้นทองของครอบครัวฉันไป
เหมยเหมยตกตะลึงกับฉากวุ่นวายที่อยู่ตรงหน้ารีบบอกให้เหยีนนหมิงซุ่นเข้าไปห้าม “บอกให้พวกเขาหยุดตีกัน ระวังพวกสือโถวเสียเปรียบ”
เหยียนหมิงซุ่นกลับสงบเยือกเย็น “ไม่เป็นไร พวกสือโถวไม่มีทางเสียเปรียบหรอก”
เด็ก ๆตระกูลโม่เป็นหมัดมวยตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือว่าผู้หญิงจะสู้กับเด็กทั่วไปไม่ได้อย่างไรกัน
เหมยเหมยเห็นเขาไม่ร้อนใจเลยสักนิดจึงยืนดูสงครามเด็กดื้อด้วยความสบายใจ แต่เห็นว่าคนที่ตีได้ดุเดือดที่สุดคือโม่จิ้งน้องสาวของสือโถว เด็กหญิงคนนี้เป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆแต่เธอกลับสู้กับเด็กผู้ชายที่สูงกว่าเธอเป็นโยชน์ได้ โดนจัดท่าไม้ตายใส่จนกลิ้งไม่เป็นท่า
ในไม่ช้าเด็ก ๆตระกูลโม่ก็เอาชนะได้ คนที่เหลือนอนเกลื่อนอยู่เต็มพื้นร้องเสียงโอดโอยดังระงม
สือโถวดึงโม่ต้าเป่าที่หน้าบวมจมูกบวมขึ้นมาจากพื้น ตะโกนใส่ว่า “ปาประทัดใส่พี่สะใภ้ฉันทำไม?”
“ก็อยากปาใส่ พี่สะใภ้นายเป็นคนเลว แย่งต้นเงินต้นทองของบ้านฉันไป ทำร้ายครอบครัวฉันจนไม่มีเงินซื้อเนื้อกิน” โม่ต้าเป่ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก บ้านคนอื่นฉลองตรุษจีนมีเนื้อสัตว์เต็มโต๊ะแต่บ้านเขามีเนื้อแค่นิดเดียวแถมยังหั่นชิ้นบางอีกต่างหาก
ประทัดก็เหมือนกัน บ้านคนอื่นซื้อตั้งหลายซอง บ้านเขาซื้อแค่ซองเดียว แล้วยังต้องรื้อประทัดออกมาแบ่งเป็นหลายส่วน คนอื่นก็หัวเราะเยาะว่าครอบครัวเขายากจน!
พ่อแม่บอกว่าต้นเงินต้นทองที่บ้านโดนยัยจิ้งจอกสุดสวยของตระกูลโม่ปลุกปั่นแย่งไป น่ารังเกียจชะมัด!
“ต้นเงินต้นทองของฉันก็โดนพี่สะใภ้ของนายแย่งไปเหมือนกัน ฉันยังไม่มีเสื้อผ้าใหม่ใส่เลย!” เด็กผู้หญิงอีกคนตวาดขึ้นเสียงดัง ใส่เสื้อหนาวผ้าฝ้ายไม่เก่าไม่ใหม่ตัวหนึ่ง
“พูดจาไร้สาระ ฉันจะตีให้ตายเลย!”
สือโถวยังคิดจะสู้ต่อแต่โดนเหยียนหมิงซุ่นห้ามไว้ เขาสาวเท้าเดินขึ้นไปข้างหน้าโม่ต้าเป่าถามเสียงเบาว่า “ใครเป็นคนบอกนายว่าต้นเงินต้นทองโดนภรรยาของฉันแย่งไป?”
“พ่อแม่เป็นคนบอก”
เหยียนหมิงซุ่นมองไปทางเด็กคนอื่น ๆอีกแล้วก็ถามคำถามแบบเดียวกัน เด็กพวกนี้ไหนเลยจะรู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด ต่างก็บอกว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นคนบอกกันทั้งนั้น
เวลานี้เหมยเหมยถึงนึกออก ต้นเงินต้นทองที่โม่ต้าเป่าพูดถึงคงจะเป็นต้นถั่ววอลนัท เมื่อวานนี้โม่ซิวหย่วนก็บอกว่าพวกชาวบ้านที่ขายต้นถั่ววอลนัทก่อนหน้านี้ตอนนี้เสียใจจะเป็นจะตาย
เสียใจภายหลังเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ปกติ ตามที่โม่ซิวหย่วนพูดในหนึ่งปีโดยเฉลี่ยต้นวอลนัทหนึ่งต้นสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเกือบเจ็ดร้อยถึงแปดร้อย หากมีเป็นสิบกว่าต้นรายได้ก็เกือบแตะหมื่น สูงกว่าเงินเดือนทั้งปีของคนงานที่ขยันขันแข็งเสียอีก
นี่คือเงินที่หาได้จากการนั่งอยู่บ้านเฉย ๆแต่ตอนนี้มันกลับหายไปแล้ว ชาวบ้านเหล่านี้ได้แต่มองตระกูลโม่ร่ำรวยขึ้นทุกวี่วัน แล้วจะไม่ให้เสียใจได้อย่างไรกัน?
นี่เป็นการเสี้ยมสอนเด็ก ๆลับหลังให้ออกหน้างั้นสิ?
ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ!
เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าครุ่นคิด เขาพาเหมยเหมยขึ้นไปบนภูเขาตั้งใจว่าจะไปดูภูเขาต้นถั่ววอลนัท เก้าในสิบเป็นของตระกูลโม่ซึ่งมีสามร้อยกว่าต้น และโม่ซิวหย่วนเป็นคนที่หัวธุรกิจมาก เขาเอาเขาลูกนี้รวมเข้ากับเขาด้านหลังแล้วเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรมาเพาะต้นกล้าวอลนัท มีการปลูกต้นไม้ไปแล้วเกือบพันต้นและรอดชีวิตทั้งหมด
ในอีกสามหรือสี่ปีก็จะออกผลซึ่งเป็นอีกหนึ่งรายได้มหาศาล และทำเงินโดยไม่ขาดทุน
แม้ว่าจะเป็นวันที่สามของตรุษจีน แต่ยังมีคนทำงานบนภูเขาจำนวนไม่น้อย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ
เหยียนหมิงซุ่นหยิบบุหรี่จีนออกมาจากกระเป๋ากางเกงและให้บุหรี่แก่ผู้เฒ่าทุกคนที่พบแถมยังจุดไฟให้ พวกคนแก่มีความสุขมาก ต่างรู้สึกว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นเด็กดี ต่อให้จะร่ำรวยมากแค่ไหนแต่ก็ไม่ลืมคนบ้านเดียวกัน
“เชอะ!”
มีชายชราอายุหกสิบเศษคนหนึ่งที่ไม่ต้องการบุหรี่ของเหยียนหมิงซุ่น ทำเพียงแค่หยิบบุหรี่คุณภาพต่ำของตัวเองออกมาแล้วจุดไฟ กลิ่นควันที่รุนแรงทำให้เหมยเหมยต้องถอยไปหลายก้าว
สายตาของเหยียนหมิงซุ่นพลันดุดันขึ้นมา จากนั้นก็คุยกับคนแก่พวกนี้อยู่สองสามประโยคแล้วถึงลงมาจากภูเขากับเหมยเหมย พร้อมทั้งมีแผนการอยู่ในใจ
…………………………………………..