บทที่ 1650 จิตใจคนไม่เหมือนในอดีต + ตอนที่ 1651 กันไม่ไหว

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1650 จิตใจคนไม่เหมือนในอดีต + ตอนที่ 1651 กันไม่ไหว Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1650 จิตใจคนไม่เหมือนในอดีต

พวกเขาเดินไม่ได้เร็ว ลมภูเขาพัดเอาบทสนทนาของพวกผู้เฒ่าดังแว่วลอยมา

“โป๋ต้ง หมิงซุ่นให้บุหรี่นาย ทำไมนายไม่รับ?”

“ฉันไม่ต้องการ พวกเสแสร้งแกล้งทำ”

“นายเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลจริง ๆเลย นายและภรรยาขายต้นไม้เหล่านั้นให้หมิงซุ่นด้วยตัวเอง แถมยังเซ็นเอกสารด้วย ตอนนั้นพวกนายยังวิ่งมาอวดฉันหลังจากขายได้เงินเลย ตอนนี้มาเสียใจจะมีประโยชน์อะไร?”

“เชอะ ตอนนั้นฉันรู้ที่ไหนล่ะว่าต้นถั่ววอลนัทจะมีค่ามหาศาลขนาดนี้ เหยียนหมิงซุ่นเจ้าหมอนี่มันชั่วร้ายยิ่งกว่าสุนัขจิ้งจอกอีก ตั้งใจหลอกพวกฉันให้ขายต้นวอลนัทไป!”

“คำพูดนี้ของนายไม่น่าฟังเท่าไรเลยนะ ตอนนั้นหากเหยียนหมิงซุ่นไม่ซื้อต้นไม้ของนายไว้ พวกนายก็จะตัดต้นไม้ทำฟืนอยู่แล้ว เชอะ เงินสักหยวนก็ไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“ตอนนี้ไม่ใช่ว่ายังอยู่เหรอ? บ้านฉันมีตั้งสิบสี่ต้น เงินหมื่นกว่าหยวนต่อปีหายวับไปแล้ว เฮ้อ ฉันได้ยินมาว่าเงินที่เหยียนหมิงซุ่นมีชาตินี้ใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด พวกเขาทำไมยังอยากจะครอบครองต้นไม้ของครอบครัวฉันไว้อีก? เขาควรจะคืนให้ฉันสิ!”

“นายมันคนไม่มีเหตุผล!”

แล้วเสียงก็ค่อย ๆเบาลง แต่เรื่องราวส่วนใหญ่ก็พอจะฟังเข้าใจแล้ว เป็นเรื่องของต้นถั่ววอลนัทนั้นแหละ

“พี่ คนพวกนี้ทำไมถึงไม่มีเหตุผลเลยสักนิด ทั้ง ๆที่ตอนนั้นขอร้องให้พวกเราช่วยซื้อต้นไม้ ตอนนี้ยังจะว่าพวกเราอีก!” ในใจของเหมยเหมยรู้สึกไม่สบอารมณ์ ที่แท้หัวใจของมนุษย์เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลก

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มเบา ๆ “ไม่ต้องสนใจพวกเขา พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”

เรื่องนี้เขาต้องปรึกษาหารือกับโม่ซิวหย่วนเสียหน่อย ตระกูลโม่ต้องการจะไปให้ไกลกว่านี้ พวกชาวบ้านจะต้องอยู่อย่างสงบแต่จะมีข้อเรียกร้องที่สูงมากไม่ได้

ตอนกินมื้อค่ำคนตระกูลโม่มารวมตัวกัน แบ่งออกเป็นสองโต๊ะ ดูคึกคักมาก

“วันนี้ผมออกไปเดินเล่นข้างนอกมาเห็นว่าพวกชาวบ้านหลายคนไม่พอใจเรื่องที่ผมเคยซื้อต้นวอลนัท พวกน้า ๆคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

โม่เหวินต้งทำสีหน้าเหยียดเบา ๆ “ไม่พอใจก็ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องวันสองวันนี้เมื่อไรเล่า มันเริ่มตั้งแต่ต้นถั่ววอลนัททำเงินในตลาดได้มากขึ้นเรื่อย ๆแล้ว เป็นเรื่องปกติ ถือเสียว่าเป็นเสียงนกเสียงกาแล้วกัน!”

เหล่าบรรดาลุงน้าคนอื่น ๆต่างก็พยักหน้า “มีหลายคนในหมู่บ้านที่เป็นพวกขี้อิจฉาตาร้อน เห็นชีวิตครอบครัวของพวกเราดีขึ้นก็นึกอิจฉา หมิงซุ่นอย่าไปสนใจพวกเขาถึงอย่างไรเงินก็อยู่ในกระเป๋าพวกเรา”

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วเบา ๆเพราะสิ่งที่เขาอยากได้ยินไม่ใช่คำตอบแบบนี้ ปฏิกิริยาโต้ตอบของคนในตระกูลโม่ถึงแม้ว่าจะคาดเดาได้บ้างแต่เขาก็ยังผิดหวังหน่อย ๆอยู่ดี

“น้าล่ะครับว่าไง?” เหยียนหมิงซุ่นมองไปที่โม่ซิวหย่วน

โม่ซิวหย่วนไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ฉันรู้มานานแล้วล่ะ ราคาของต้นถั่ววอลนัทมีแต่ขึ้นเรื่อย ๆไม่มีลง พอราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆพวกขี้อิจฉาริษยาก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆแน่นอน”

“พวกเราไม่ได้ขโมย ไม่ได้แย่งชิงใครเขามา หาเงินมาอย่างถูกต้องแล้วจะกลัวอะไร!” โม่เหวินต้งตวาดเสียงดังลั่น

“น้าเล็กรู้จักเฉินหว่านซานใช่ไหม? เขาก็ทำมาหากินทำเงินด้วยความสุจริตเหมือนกัน แต่กลับมีจุดจบอย่างน่าเวทนา”

โม่เหวินต้งสำลัก ใบหน้าของเขาดูไม่ได้เล็กน้อย พูดเสียงพึมพำว่า “เฉินหว่านซานเกิดหายนะขึ้นเพราะขุมทรัพย์แต่พวกเราไม่มีเสียหน่อย”

“ครอบครัวเรามีต้นไม้ทำเงิน สามารถสร้างปัญหาได้เช่นเดียวกัน” โม่ซิวหย่วนกล่าวอย่างเคร่งขรึม

คนเราเด่นเกินจะก่อให้เกิดภัย ตอนนี้ตระกูลโม่มีชื่อเสียงไปทั่ว ทุกคนต่างก็รู้กันว่าตระกูลโม่นั้นร่ำรวย มีหลายคนที่คิดว่าไม่ถูกต้องที่ต้นไม้เหล่านั้นจะถูกครอบครองโดยตระกูลโม่ ควรจะส่งคืนให้แก่เจ้าของเดิมถึงจะถูก

คุณยายโม่ถอนหายใจ พูดว่า “ใจของคนมักจะเติมไม่เคยเต็ม ฉันว่าครอบครัวของเราก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินพวกนี้ ต้นไม้พวกนี้คืนให้พวกเขาไปเถอะ!”

โม่เหวินต้งเป็นคนแรกที่คัดค้าน “แม่ก็พูดง่าย หนึ่งปีเป็นเงินตั้งหลายแสน วันหลังยังจะมากขึ้นอีก และตอนนั้นต้นไม้เหล่านี้ก็ถูกซื้อด้วยเงินจริง ๆของเหยียนหมิงซุ่น มีเหตุผลอะไรทำไมต้องคืนด้วยล่ะ?”

…………………………………………..

ตอนที่ 1651 กันไม่ไหว

โม่ซิวหย่วนแค่นหัวเราะที “ไม่คืนก็ได้แต่วันนี้โม่ต้าเป่ากล้าเอาประทัดปาใส่เหมยเหมยพรุ่งนี้ต้องมีคนอื่นทำตามบ้างแหละ บ้านเรามีเด็กเยอะขนาดนี้ อาเล็กทนดูได้เหรอ?”

ลูกชายคนที่สองแห่งตระกูลโม่ไม่อยากทิ้งบ้านเพราะอยากจะใช้ชีวิตบั้นปลายที่หมู่บ้านโม่ไปจนแก่เฒ่าซึ่งพวกคุณลุงเองก็เช่นกัน ในหมู่บ้านมีคนตั้งมากมายใครจะกล้ารับปากได้ว่าไม่มีคนคิดสกปรก หากเกิดแค้นฝังใจมีคนลอบวางแผนใส่ลับหลังต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็กู้ชีวิตคืนไม่ได้แล้ว

คุณยายโม่สะดุ้งตกใจรีบโพล่งขึ้น “รีบคืนไปเถอะ โม่ซิวหย่วนพูดถูกใจคนคาดเดายาก เมื่อก่อนหมู่บ้านเราก็เคยมีเรื่องมาก่อนแล้ว ผู้ใหญ่สองครอบครัวทะเลาะกันยกใหญ่ บ้านหนึ่งใช้ยาเบื่อหนูป้อนเด็กอีกบ้านหนึ่ง สงสารเด็กคนนั้นอายุเพิ่งหกขวบเอง!”

คุณป้าสะใภ้รวมถึงคุณอาสะใภ้ก็นึกถึงเรื่องนี้เลยโอบลูกตัวเองไว้ตามสัญชาตญาณ พร้อมพูดเชิงเห็นด้วย “แม่พูดถูก ใช้เงินแก้ปัญหา ตอนนี้บ้านเราใช่ว่าจะไม่มีเงินสักหน่อย เงินแสนกว่านั่นไม่มีก็ช่างเถอะ ขอแค่ทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างปลอดภัยก็พอ”

หากเปลี่ยนเป็นลูกครอบครัวพวกเธอถูกป้อนยาเบื่อหนูอย่างเหี้ยมโหดบ้างล่ะก็ พวกเธอคงมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ ถึงต้องยิงฆาตกรนับร้อยครั้งก็เอาชีวิตเด็กคืนมาไม่ได้ งั้นก็สู้กำจัดต้นตอปัญหาเลยดีกว่า

หวังเฟิ่งเจินกอดลูกชายลูกสาวไว้แน่นทั้งกระทุ้งศอกใส่โม่เหวินต้ง ให้เขาเลิกดื้อดึงสักที

โม่เหวินต้งเองก็คิดได้เช่นนี้เลยเกิดความกลัวขึ้นมาทีหลัง ลูกชายลูกสาวคือแก้วตาดวงใจเขา เขากล่าวว่า “เราพูดอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ตอนแรกคนที่ซื้อต้นไม้คือหมิงซุ่นกับเหมยเหมย พวกเขาต้องเป็นคนตัดสินใจเอง”

ผลกำไรจากต้นไม้เหล่านี้เหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจเลยมอบหมายให้คนตระกูลโม่เป็นคนดูแลทั้งหมด โดยกำไรที่ได้ก็แบ่งเท่า ๆกัน เพียงแต่คนตระกูลโม่มีจิตสำนึกที่ดีจึงแบ่งเงินครึ่งหนึ่งเก็บไว้ให้เหยียนหมิงซุ่น

คนตระกูลโม่หันไปมองทางเหยียนหมิงซุ่นพร้อมกันเพื่อรอให้เขาเป็นคนตัดสินใจ

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ย “ความจริงต้นไม้พวกนี้ก็ไม่ใช่ฉันซื้อ ตอนนั้นเพราะเหมยเหมยอายุยังน้อยเลยใช้ชื่อของฉัน แต่เรื่องเงินเหมยเหมยเป็นคนออก”

คนตระกูลโม่เหงื่อตกกันพร้อมหน้า พวกเขาต่างแย่งกันไปแย่งกันมาทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ทันปริปากพูดเลยด้วยซ้ำ!

เหมยเหมยรีบแสดงความคิดเห็นทันที “ฉันแล้วแต่พี่หมิงซุ่นเลย”

เหยียนหมิงซุ่นลูบศีรษะเธอเบา ๆเป็นการตบรางวัลพลางกล่าว “ต้นไม้พวกนี้ต้องคืนอยู่แล้วแต่คืนได้แค่ครึ่งเดียวและจะคืนเปล่า ๆไม่ได้ ต้องเชิญพยานบุคคลในตอนนั้นมาเพื่อทำหนังสือสัญญากันใหม่”

โลภมากลาภหาย ต่อให้เขาคืนต้นไม้ให้คนกลุ่มนี้ฟรี ๆชาวบ้านก็ไม่มีทางสำนึกคุณ หากไม่ใช่เพราะจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของโม่ซิวหย่วนเขาไม่มีทางคืนแม้แต่ต้นเดียวแน่

ปีหน้าโม่ซิวหย่วนเตรียมลงแข่งเลือกตั้งกรรมการสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งเมืองจิน ฉะนั้นจำเป็นต้องมีชื่อเสียงในทางที่ดี

“เรื่องพวกนี้ฉันเตรียมไว้หมดแล้วรอแค่หมิงซุ่นออกคำสั่ง” โม่ซิวหย่วนลอบพรูลมหายใจโล่งอก สบสายตามองเหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่งอย่างเข้าใจกัน

เหยียนหมิงซุ่นเองก็พึงพอใจมาก คุยกับคนฉลาดมันสบายแบบนี้นี่เองไม่จำเป็นต้องพูดให้เสียแรง

พยานบุคคลในตอนนั้นคือผู้ใหญ่บ้านที่ยังแข็งแรงดี เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องต้นไม้เลยตัดสินใจมาอย่างแน่วแน่ ผู้อาวุโสในหมู่บ้านที่ได้รับความเคารพนับถือคนอื่น ๆก็ถูกโม่ซิวหย่วนเชิญมาทั้งหมด

วันที่สี่ของวันตรุษจีน ตอนเที่ยงอากาศกำลังโปร่งใสดี

ชาวบ้านที่ได้รับแจ้งต่างก็มารวมตัวกันที่บ้านตระกูลโม่ แต่ละคนมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า ขอเพียงได้ต้นเงินต้นทองนี้มาอยู่ในมือพวกเขาก็มีชีวิตที่ดีสักที!

“ฉันไม่พูดให้เสียเวลาแล้วกัน ทุกคนรู้ดีว่าวันนี้มาเพราะเรื่องอะไร บ้านไป่ซ่าน(คุณตาโม่)มีเมตตาตัดสินใจคืนต้นวอลนัทที่ซื้อพวกเธอไว้คืนครึ่งหนึ่ง พวกเธอซื้อคืนในราคาเดิม คนที่อยากซื้อก็มาจ่ายเงินแล้วเซ็นชื่อเสีย” ผู้ใหญ่บ้านอาวุโสเอ่ยคำตัดสินใจของเหยียนหมิงซุ่นอย่างเสียงดังฟังชัด

คืนแค่เพียงครึ่งเดียว อีกอย่างต้องซื้อคืนในราคาเดิม ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องเจรจากันอีก!

…………………………