ตอนที่ 2019 ทองหยกกําเนิดดารา

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 2019 ทองหยกกําเนิดดารา

 

ในขณะที่กําลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง หลิงฮันก็มาถึงชายฝั่งทางทิศตะวันตกของเกาะ

 

ทันทีที่มาถึง เขาก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า สิ่งมีชีวิตจากมหาสมุทรนับหมื่นนับพันกําลังเคลื่อนที่ขึ้นมาบนเกาะ และกระหน่ําโจมตีอย่างบ้าคลั่ง

 

หนึ่งในนั้นมีทั้งช้างน้ําที่มีความสูงหลายพันฟุต กําลังใช้ร่างขนาดใหญ่โตพุ่งกระแทกเข้าใส่เกาะ จนทําให้เกาะเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง

 

มีทั้งกุ้งขนาดมหึมาที่ใช้ก้ามทั้งสองกวัดแกว่งไปทั่วชายฝั่ง โดยที่ก้ามของมันถูกปกคลุมไปด้วยตราประทับแห่งเต๋ที่ทรงพลัง และส่องแสงเจิดจ้า

 

เพียงแต่เกาะแห่งนี้ก็มีรูปแบบอาคมสลักลากยาวเอาไว้ เพื่อคอยรับมือกับการบุกรุกของสิ่งมีชีวิตจากท้องมหาสมุทรเหล่านี้อยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นถึงแม้สิ่งมีชีวิตจากท้องมหาสมุทรเหล่านี้ จะมีร่างกายขนาดใหญ่และมีจํานวนมากมาย แต่ก็ใช่ว่าพลังของมันพวกทุกตัวจะเท่ากัน มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่มีพลังแข็งแกร่ง

 

เพราะงั้นหากจะให้พูดแล้ว การที่พวกมันบุกรุกเข้ามาก็ไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย

 

จอมยุทธส่วนของเกาะแห่งนี้ ปล่อยหมัดที่อัดแน่นไปด้วยเปลวเพลิงสีดําอันร้อนระอุออกไป ซึ่งเพียงแค่หมัดเดียวก็สามารถสังหารสิ่งมีชีวิตจากท้องมหาสมุทรได้นับสิบตัว บางคนก็เลือกที่จะกวัดแกว่งดาบโจมตี ปราณดาบสีดําทมิฬพุ่งทะยานไปทุกพื้นที่ ส่งผลให้โลหิตสาดกระจาย และเหล่าสิ่งมีชีวิตจากท้องมหาสมุทรถูกนั่นออกเป็นชิ้นๆ

 

แต่ก็แน่นอนว่าในหมู่พวกมันย่อมมีสิ่งมีชีวิตจากมหาสมุทรที่แข็งแกร่งอยู่ อย่างเช่นกบยักษ์ทองคํา มันอ้าปากพ่นคลื่นแสงออกมา คลื่นแสงที่ว่าได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นลูกศรทองคํา พุ่งทะลวงเข้าใส่จอมยุทธบนเกาะจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

“ข้าจัดการเอง!” หลันเทียนอวี่คํารามและลงมือจู่โจมเข้าน้ํานั่นกับกบทองคํา

 

ณ บริเวณชายฝั่งทิศตะวันตก การต่อสู้อันดุเดือดอุบัติขึ้นไปทั่วพื้นที่

 

แม้พลังของสิ่งมีชีวิตจากมหาสมุทรจะแตกต่างกันออกไป แต่ก็มีบางตัวที่มีพลังแข็งแกร่งมาก ไม่ว่าจะเป็นหอยยักษ์ระดับตําหนักอมตะที่ใช้เปลือกหอยสร้างพายุโหมกระหน่ําบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง หรือจระเข้มรกตหกขา ที่เพียงแค่อ้าปากงับก็เกิดพลังทําลายล้างสะเทือนไปถึงชั้นฟ้า

 

ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคือสิ่งมีชีวิตจากมหาสมุทรเหล่านี้ ยังคงขึ้นมาฝั่งมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 

เพียงแค่หนึ่งวัน ริมฝั่งของเกาะก็เต็มไปด้วยซากศพ และโลหิตได้ย้อมน้ําทะเลโดยรอบกลายเป็นสีแดงฉาน แต่ฝั่งที่ตายนั้นคือทางด้านของสิ่งมีชีวิตจากมหาสมุทรเพียงฝั่งเดียว ในขณะที่จํานวนการตายของฝั่งจอมยุทธยังคงเป็นศูนย์

 

พวกฉินเหว่ยในตอนนี้อยู่ในสภาพที่ปราณก่อเกิดแห้งเหือดเป็นอย่างมาก และยิ่งเมื่อพวกเขาใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์อย่างต่อเนื่อง ดวงวิญญาณก็ยิ่งอ่อนล้าลงเรื่อยๆ พลังต่อสู้ของพวกเขาอาจจะดิ่งจากจุดสูงสุดลงสู่จุดต่ําสุดได้ตลอดเวลา

 

แต่ในทางตรงกันข้าม จอมยุทธทางฝั่งของปราสาทนั้นไม่มีคนใดเลยที่อยู่ในสภาพอ่อนล้า

 

นี่เป็นเพราะพวกเขาฝึกฝนทักษะบ่มเพาะที่แตกต่าง หรือเพราะสามารถหยิบยืมพลังจาก ดวงวิญญาณนิรันดร์” ได้กันแน่?

 

“อืม… นี่มันอํานาจแห่งการสังเวยชีวิต!” จู่ๆหอคอยน้อยก็เอ่ยขึ้น

 

“สังเวยชีวิตงั้นรึ?” หลิงฮันขมวดคิ้ว แน่นอนว่าเขาย่อมเคยได้ยินเกี่ยวกับการสังเวยชีวิตมากอน

 

ยกตัวอย่างเช่น หากมีสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งมีพลังแห่งความตายอันแรงกล้าตลบอบอวลอยู่ หลังจากที่มีการสังเวยชีวิตแล้ว พลังแห่งความตายเหล่านั้นก็จะสลายไป

 

จะบอกว่าสถานการณ์ในตอนนี้คือการสังเวยงั้นรี?

 

หากเป็นเช่นนั้น แน่นอนว่าของสังเวยย่อมต้องเป็นสิ่งมีชีวิตจากมหาสมุทรเหล่านี้ แต่การสังเวยจะทําขึ้นเพื่ออะไรกันล่ะ?

 

หอคอยน้อยไม่กล่าวอะไรต่อ และโคจรอํานาจของหอคอยทมิฬ ทันใดนั้นเอง กลิ่นอายอันสูงส่งน่าเกรงขามก็พรั่งพรูออกมา จนทําให้สิ่งมีชีวิตจากมหาสมุทรหยุดโจมตี

 

เพียงแต่นั่นก็เป็นเพียงระยะเวลาชั่วครู่เท่านั้น เมื่ออํานาจของหอคอยทมิฬสลายไป เหล่าสิ่งมีชีวิตจากมหาสมุทรก็เริ่มโจมตีอย่างบ้าคลังต่อ

 

“เจ้าหนู ถึงแม้เจ้าจะเป็นดวงดาวหายนะ แต่กลับดวงดีอย่างน่าตกตะลึง!” หอคอยน้อยกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง

 

“นี่เจ้าชมหรือด่าข้ากันแน่?” หลิงฮันยิ้ม

 

หอคอยน้อยแน่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “ด้านล่างเกาะแห่งนี้ มีแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่”

 

“ว่าไงนะ!” หลิงฮันตกตะลึง “เป็นความจริงรึ?”

 

แน่นอนว่าเขาไม่สงสัยในคําพูดของหอคอยน้อยอยู่แล้ว ถึงแม้มันจะมีนิสัยปากไม่ตรงกับใจ แต่ก็ไม่เคยพูดหลอกลวงเขา

 

“เป็นแก่นกําเนิดธาตุอะไร?” เขารีบถาม

 

“ทองคํา” หอคอยน้อยกล่าว “ทองหยกกําเนิดดารา”

 

ทองคํา!

 

จิตใจของหลิงฮันสั่นไหว ตอนนี้เขาครอบครองแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่สามธาตุคือ เพลิง วารี และพฤกษา ถ้าหากเขาได้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่ทองคํามาครอบครองด้วยล่ะก็ เขาก็จะเข้าใกล้เป้าหมายในการครอบครองแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่เก้าธาตุ เพื่อบรรลุขีดจํากัดของระดับแบ่งแยกวิญญาณเข้าไปอีกก้าว

 

“เดี๋ยวก่อน เมื่อครู่เจ้าพูดว่าการสังเวยชีวิตนั้นสินะ”

 

“หรือว่านั่นเป็นการทําเพื่อให้ได้ครอบครอง ทองหยกกําเนิดดารา?”

 

“ธรรมชาติของทองคํานั้นมีกลิ่นอายที่รุนแรงและแหลมคม เพราะงั้นหากจะครอบครองแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีธาตุนี้ เจ้าต้องกําจัดกลิ่นอายที่รุนแรงของมันให้ได้เสียก่อน เพราะไม่เช่นนั้นด้วยกลิ่นอายที่รุนแรงเทียบเท่ากับอํานาจของราชานิรันดร์ ต่อให้เป็นตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ก็ไม่สามารถต้านทานไหว”

 

“นอกจากนี้ทําไมเหล่าคนเดินเรือ ถึงไม่เคยได้ยินเรื่องการบุกรุกของสัตว์อสูรในท้องมหาสมุทร แต่มันกลับเกิดขึ้นบนเกาะแห่งนี้ได้”

“คําตอบในเรื่องนั้น”

 

“เป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนที่ทําให้สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายคือสังเวยชีวิต”

 

“ถึงแม้จะไม่มีอะไรมายืนยันได้ แต่ถ้าหากมีแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่ที่นี่ แถมยังเป็นธาตุทองคําด้วยล่ะก็ ข้อสันนิษฐานนี้ก็คงไม่ผิด”

 

หลิงฮันหยุดครุ่นคิดและหันไปถามหอคอยน้อย “ถ้าเป็นแบบนั้น ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาที่จะทําการครอบครอง แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีได้รึยัง?”

 

“ใกล้แล้ว” หอคอยน้อยกล่าว “การสังเวยเช่นนี้จําเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยล้านปี ถึงจะทําให้กลิ่นอายอันรุนแรงของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่ทองคําหายไปได้ บางทีอาจจะเป็นในการสังเวยครั้งนี้ หรืออาจจะอีกสองสามครั้งก็น่าจะได้แล้ว”

 

“แต่จะครอบครองได้สําเร็จหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับดวงของเจ้าอยู่ดี”

 

การกําจัดกลิ่นอายที่รุนแรง เป็นเพียงขั้นตอนแรกในการไปยืนอยู่ต่อหน้าแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะได้มันมาครอบครองได้เลย

 

“จากที่หลันรั่วจ่อเล่ามา นางกล่าวว่าพวกนางมาอยู่ที่นี่ได้เพียงไม่กี่ล้านปีเท่านั้น เป็นไปได้ว่า เพราะพวกนางค้นพบทองหยกกําเนิดดารา ถึงได้ตัดสินใจตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่”

 

“ถึงแม้ข้าไม่เคยพบกับเจ้าของเกาะ แต่ดูจากการกระทําของเขาแล้ว เขาเป็นคงเป็นคนฉลาดที่วางแผนก่อนจะลงมือทําอะไร แต่ไม่ว่าอย่างไรการที่อีกฝ่ายต้องการเผยแพร่ทักษะบ่มเพาะที่แตกต่างก็ยังน่าสงสัยอยู่ดี เพราะมันไม่เห็นเกี่ยวข้องกับการครอบครองแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีเลย”

 

“ข้าตั้งใจจะสร้างปัญหาขึ้นอยู่แล้ว นี่เป็นโอกาสดีที่ข้าจะได้ทั้งทําลายแผนการของเจ้าของเกาะ และครอบครองทองหยกกําเนิดดาราไปพร้อมๆกัน”

 

ดวงตาของหลิงฮันส่องประกาย ตัวเขาในตอนนี้ไม่สามารถหยุดยั้งการสังเวยได้ ถึงแม้จักรพรรดิในระดับแบ่งแยกวิญญาณจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะตัวตนระดับตําหนักอมตะได้ เพราะงั้นระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต่อให้ใช้พิษของไผ่ครามผลสีชาดเข้าช่วยก็ไม่มีความหมาย

 

เพราะงั้นการสร้างปัญหาที่ดีที่สุด ก็คือการแย่งชิงแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีมา

 

หลิงฮันคํารามและระเบิดพลังต่อสู้ เพียงแต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆร่างของชายคนหนึ่งก็พุ่งทะยานเข้าหาเขาและกวัดแกว่งดาบโจมตี

 

“ตายซะ!”