ตอนที่ 2018 สัตว์อสูรบุก

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 2018 สัตว์อสูรบุก

 

เมื่อบรรลุเป้าหมายของการท้าประลองแล้ว หลันเทียนอวี่ก็หัวเราะและเดินจากไป

 

“นายน้อยหลิงไม่ต้องคิดมาก อาสี่มีระดับพลังที่เหนือกว่านายน้อยหลิง แถมนายน้อยห ชงก็ยังไม่ได้รับวาสนาจากดวงวิญญาณนิรันดร์ด้วย เมื่อใดที่นายน้อยหลิงหยิบยืมพลังของดวงวิญญาณนิรันดร์ได้ พลังต่อสู้จะต้องไม่อ่อนแอไปกว่าอาสี่แน่นอน” หลันรั่วจื่อกล่าวปลอบใจ

 

แน่นอนว่าหลิงฮันไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว หากต้องสู้เป็นตายกันจริงๆ เขามั่นใจเต็มร้อยว่าคนที่จะสิ้นชีพก็คือหลันเทียนอวี่

 

“นายน้อยหลิง พวกเราเองก็ยังเตรียมเข้าร่วมงานพิธีสักการะกันดีกว่า ไม่แน่ว่าบิดาของข้าอาจจะถูกใจพรสวรรค์ของนายน้อยหลิง และรับนายน้อยหลิงเป็นศิษย์ด้วยก็เป็นได้” หลันรั่วจือกล่าวราวกับมั่นใจไปแล้วว่า หลิงฮันไม่มีทางหลบหนีมนต์เสน่ห์ของนางได้

 

หลิงฮันครุ่นคิดในใจและเอ่ยถาม “เจ้าของเกาะแห่งนี้มีพลังบ่มเพาะอยู่ในระดับใดงั้นรึ?”

 

หลันรั่วจุอลังเลเล็กน้อยก่อนจะกล่าวตอบ “บิดาของขามีพลังบ่มเพาะเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้”

 

ระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้!

 

หลิงฮัรพยักหน้าในใจ พลังของเจ้าของเกาะแห่งนี้ไม่ใช่ธรรมดาเลยจริงๆ หากตัวตนระดับนี้ไปที่ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก จะถือว่ามีอํานาจอยู่ในระดับของขุมอํานาจสี่ดาว ซึ่งนับว่าแข็งแกร่งไม่เบา

 

ด้วยการนําทางของหลันรั่วจือ หลิงฮันได้มาถึงห้องแห่งหนึ่งของปราสาท ซึ่งพวกฉินเหว่ยและคนอื่นๆก็อยู่ที่นี่ด้วย ทุกคนจะต้องเข้าพิธีอาบควันธูปเป็นเวลาสามวันเสียก่อน ถึงจะอยู่ในสถานะของผู้ศรัทธาดวงวิญญาณนิรันดร์

 

หลิงฮันรับรู้ขั้นตอนของการสักการะมาแล้ว ระหว่างขั้นตอนนี้ เขาจะต้องมอบดวงวิญญาณส่วนหนึ่งให้กับดวงวิญญาณนิรันดร์ ซึ่งถึงแม้ดวงวิญญาณที่เสียไปจะเป็นเพียงเศษเสี้ยว และไม่เกิดผลเสียอะไร

 

แต่สําหรับหลิงฮันแล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมให้เกิดขึ้นได้

 

อย่างแรกเลยคือ เพื่อที่จะขัดเกลาระดับพลังให้บรรลุจุดสูงสุด ดวงวิญญาณของเขาจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด และอย่างที่สองคือการมอบส่วนหนึ่งของดวงวิญญาณตนเองให้แก่คนอื่น ก็เปรียบเสมือนการมอบชีวิตของตนเองไปอยู่ในกํามือของผู้อื่น

 

เพราะงั้นมีรีที่เขาจะยอมทําเช่นนั้น?

 

เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ที่ว่าต้องการเผยแพร่ทักษะให้แก่ทุกคนนั้นเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่สูญเสียบางอย่างไป

 

เพียงแต่หากลองมองไปยังฉินเหว่ยและคนอื่นๆ จะพบว่าพวกเขาแต่ละคนนั้นไม่คิดอะไรเลยแม้แต่น้อย ความปรารถนาในพลังของพวกเขามีมากเหนือสิ่งอื่นใด

 

“พวกเจ้าเชื่อเรื่องหลอกลวงเช่นนั้นจริงๆงั้นรึ?” หลิงฮันเอ่ยขึ้น มีเพียงเขาคนเดียวที่ยังตั้งสติได้

 

เขาไม่ได้คิดจะช่วยเหลือคนเหล่านี้ แต่ต้องการสร้างปัญหาขึ้นที่ปราสาทแห่งนี้

 

“หลิงฮัน เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ใครบางคนลุกขึ้นทันที “เจ้าคิดจะรับวาสนาจากดวงวิญญาณนิรันดร์ไปคนเดียวงั้นรึไง?”

 

หลิงฮันตกตะลึง เจตนาดีของเขาถูกตีความผิดๆไปได้ถึงขนาดนั้นเชียวรี?

 

“เจ้าเป็นถึงจักรพรรดิที่ไร้เทียมทานในระดับเดียวกันอยู่แล้ว ต่อให้พวกเราได้รับวาสนาจากดวงวิญญาณนิรันดร์มา ก็ไม่มีทางแข็งแกร่งกว่าเจ้าอยู่ดี เหตุใดถึงต้องขัดขวางพวกเราด้วย?”

 

“ใช่แล้ว ข้าล่ะเกลียดคนแบบเจ้าจริงๆที่เห็นใครได้ดีหน่อยก็ต้องขัดขวาง!”

 

ทุกคนทางฝั่งของฉินเหว่ยกล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะอย่างไรในอนาคตพวกเขาก็ต้องเกาะแข้งเกาะขาดวงวิญญาณนิรันดร์อยู่แล้ว ต่อให้หลิงฮันจะเป็นจักรพรรดิหรือจะกลายเป็นราชานิรันดร์ ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขา

 

ในช่วงเตรียมพิธีนั้น ทุกๆครึ่งชั่วโมงจะมีคนเข้ามาและทําหน้าที่เปลี่ยนธูปอยู่ตลอด ซึ่งในตอนที่ถึงเวลาเปลี่ยนรูปนั่นเอง ใครบางคนทางฝั่งของฉินเหว่ย ก็เข้าไปใกล้คนทําหน้าที่เปลี่ยนธูป และกระซิบกล่าวอะไรบางอย่างออกไป

 

หลังจากที่คนทําหน้าที่เปลี่ยนธูปออกไปไม่นานเซียวจวิ้นก็ปรากฏตัว เขาโบกมือให้หลิงฮัน และกล่าว “น้องชายหลิง เชิญออกมาข้างนอกหน่อย พอดีข้ามีเรื่องอย่างพูดด้วย”

 

หลิงฮันมั่นใจว่าสิ่งที่เขาพูดเตือนไปก่อนหน้านี้ จะต้องถูกรายงานไปแล้วแน่นอน

 

งั้นก็มาดูกันว่าอีกฝ่ายมีแผนจะทําเช่นไรกับเขา

 

หลิงฮันลุกขึ้นยืนไปเดินไปยืนด้านข้างเซียวจวิ้น

 

“น้องชายหลิง เจ้ายังสงสัยในดวงวิญญาณนิรันดร์ที่พวกเราศรัทธาอยู่อีกรี?” เซียวจวิ้นกล่าว

 

“แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้น” หลิงฮันปฏิเสธ

 

“มีใครบางคนบอกข้าว่า ดูเหมือนความเชื่อของน้องชายหลิงจะยังไม่หนักแน่นเท่าไหร่” เซียวจวิ้นหัวเราะ

 

“แล้วพี่ชายเซียวจะเชื่อข้า หรือเชื่อสวะเหล่านั้นกัน?” หลิงฮันถาม

 

ใบหน้าของเซียวจวิ้นชะงักแข็งค้าง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆเขาก็หัวเราะออกมาและกล่าว “แน่นอนว่าข้าต้องเชื่อน้องชายหลิงอยู่แล้ว”

 

หลิงฮันยิ้มตอบ อีกฝ่ายจะเชื่อคําพูดของเขาหรือไม่ก็ช่าง เพราะอย่างไรเขาก็ต้องหาทางสร้างปัญหาขึ้นให้ได้ และหลบหนีเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬ ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้นั้น ไม่แข็งแกร่งพอที่จะหาหอคอยทมิฬพบ เพราะงั้นสิ่งที่เขาต้องระวังก็คือ ห้ามถูกสังหารก่อนที่จะหลบหนีเข้าไปในหอคอยทมิฬ

 

ครื้นนน!

 

ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ทั่วทั้งเกาะก็เกิดการสั่นสะเทือน ราวกับมีแผ่นดินไหวอุบัติขึ้น

 

เซียวจวิ้นชะงักก่อนจะเผยสีหน้าตกตะลึง “มิดีแล้ว ฝูงสัตว์อสูรกําลังบุกเข้ามา!”

 

ปูนนนนน!

 

ทันทีหลังจากนั้น เสียงแตรอันแปลกประหลาดก็ดังขึ้น เพื่อส่งเสียงเตือนไปทั่วทั้งเกาะ

 

“ทุกคนรีบออกมาเร็ว ฝูงสัตว์อสูรกําลังบุกเข้ามา!” เซียวจวิ้นวิ่งเข้าไปในห้องพิธีที่เงียบสงบ และตะโกนเสียงดังใส่ทุกคน

 

“เป็นการบุกรุกของฝูงสัตว์อสูรแบบใดกัน?”

 

“ในเขตมหาสมุทรไร้พรมแดนมีการบุกรุกของสัตว์อสูรด้วยงั้นรึ?”

 

“ข้าไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน!”

 

ทุกคนมองหน้ากันด้วยความมึนงง

 

“เลิกพล่ามไร้สาระ และออกมากับข้า!” เซียวจวิ้นคําราม

 

น้ําเสียงการพูดเช่นนี้ส่งผลให้ใครหลายคนรู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกปฏิบัติราวกับเป็นแขกผู้มีเกียรติ แต่ตอนนี้เซียวจวิ้นลับเปลี่ยนท่าที่ต่อพวกเขาและตะโกนใส่พวกเขาเสียได้

 

หลิงฮันยิ้มในใจ ก่อนหน้านี้ที่เหล่าคนบนเกาะมีท่าทีสุภาพ ก็เพียงเพราะอยากให้พวกฉินเหว่ยเปลี่ยนไปฝึกฝนทักษะบ่มเพาะของพวกเขา ซึ่งก่อนจะบรรลุเป้าหมาย พวกเขาจึงต้องพยายามเสแสร้งกันอย่างสุดความสามารถ

 

แต่ดูเหมือนว่าการที่มีฝูงสัตว์อสูรบุกรุกอย่างกะทันหันจะอยู่นอกเหนือการคํานวณ และเป็นการขัดขวางแผนการของพวกเขา

 

“หากจัดการฝูงสัตว์อสูรไม่ได้ ทุกคนที่นี่จะตายกันทั้งหมด!” เซียวจวิ้นตะโกนออกไปอีกครั้งด้วยน้ําเสียงจริงจัง ซึ่งทําให้ทุกคนรีบลุกขึ้นยืนและวิ่งออกไปด้านนอกทันที

 

“น้องชายหลิง เจ้าช่วยร่วมมืออย่างสุดความสามารถด้วย” เซียวจวิ้นหันมากล่าวกับหลิงฮันด้วยสีหน้าจริงจัง

 

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “พวกเราลงเรือลําเดียวกันแล้ว แน่นอนว่าย่อมต้องช่วยเหลือกัน”

 

ทั้งสองเดินออกไปด้านนอกปราสาท และพบเห็นเหล่าจอมยุทธจากปราสาทกําลังมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตก

 

“อีกสามทิศของเกาะนั้นเป็นหน้าผา ที่มีค่ายกลอาคมสังหารติดตั้งเอาไว้ ฝูงสัตว์อสูรจึงไม่สามารถบุกมาจากทิศทางเหล่านั้นได้” เซียวจวิ้นอธิบายพร้อมกับร่างกายของเขาได้แปรสภาพกลายเป็นกลุ่มก้อนแสง และพุ่งทะยานเคลื่อนที่ไปยังฝูงชนด้านหน้า

 

หลิงฮันไล่ตามไปและครุ่นคิดในใจ

 

ในเมื่อสามารถติดตั้งค่ายกลอาคมเอาไว้ทั้งสามทิศทางได้ แล้วทําไมไม่ติดตั้งให้ครอบคลุมไปทั้งสี่ทิศทางเลยล่ะ?

 

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการจงใจ เพื่อที่ผู้คนที่เกิดอุบัติเหตุเรือล่ม จะได้สามารถขึ้นมายังเกาะนี้ได้ และคนบนเกาะจะได้เผยแพร่ทักษะบ่มเพาะที่แตกต่าง

 

แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อครู่นี้ฉินเหว่ยและคนอื่นๆ เกิดความสงสัยว่าในมหาสมุทรแห่งนี้มีฝูงสัตว์อสูรบุกได้อย่างไร

 

คนเหล่านี้เดินทางในเขตมหาสมุทรไร้พรมแดนมาเป็นเวลานาน ทําให้มีประสบการณ์มากมาย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าในมหาสมุทรแห่งนี้มีการบุกรุกของสัตว์อสูรเกิดขึ้นได้ด้วย

 

เหตุใดเหตุการณ์ลึกลับเช่นนี้ถึงได้เกิดขึ้นที่นี่กัน? บนเกาะเล็กๆนี่มีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่?

 

จู่ๆหลิงฮันก็เกิดนึกสงสัยขึ้นมา