ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1149 ก่อนกำเนิดไม่สูญสิ้น ก้มมองจักรวาล

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“ไม่ใช่มีแค่ความเร็วในการใช้ญาณจริงแท้สูงเท่านั้น ระหว่างออกกระบวนท่ากลับหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ไม่มีร่องรอยให้ค้นหา…” จักรพรรดิเอกภพมองเนี่ยจิงเสินพร้อมพูด “ก่อนกำเนิดคงอยู่ตลอดกาล ปราณกำเนิดเสริมพลัง ท่านออกกระบวนท่า อีกฝ่ายถึงกับไม่อาจขจัดแก้ไขหรือ”

ดังนั้นเหมือนกับภูเขาเทลาดซึ่งไม่อาจต้านทาน

เผชิญกับคนที่มีจิตกระบี่เช่นนี้ ก็ได้แต่มองตัวเองถูกทับแหลกอย่างจนปัญญาเหมือนกับกองไข่

เนี่ยจิงเสินได้แสดงลักษณะอันดุร้ายเหลือประมาณของกระบี่หยกเบิกนภาที่ยิ่งใหญ่และเกรี้ยวกราดออกมา

ก่อนกำเนิดไม่สูญสิ้น ก้มมองจักรวาล

เนี่ยจิงเสินพูดอย่างเรียบเฉย “ข้าผู้แซ่เนี่ยย่อมไม่ใช่ไร้เทียมทาน”

คนที่แข็งแกร่งกว่าเขาระดับหนึ่ง อยู่เหนือกว่าขีดจำกัดบางอย่าง ยังคงสามารถเอาชนะเนี่ยจิงเสินเมื่อปะทะกันซึ่งหน้าได้

แต่ว่าจักรพรรดิเอกภพไม่ได้อยู่ในนี้

หลายๆ คนไม่อยู่ ต่อให้จะมีระดับเหนือกว่าเนี่ยจิงเสินก็ตาม

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดจ้องมองเนี่ยจิงเสิน “ความเข้าใจที่ท่านมีต่อกระบี่หยกเบิกนภานั้น สุดที่สหายในสำนักของท่านจะเทียบเคียงได้ ไม่ได้ล้ำลึกเพียงแค่ได้แก่นของมันมา ยังมีความเข้าใจเป็นของตัวเอง ไม่ได้จำกัดแค่สิ่งที่กษัตริย์กระบี่ถ่ายทอดให้ ทั้งยังประสานกับบรรพครรภ์ก่อนกำเนิดที่ท่านได้มาแต่เกิด จึงเดินบนเส้นทางที่เป็นของท่านแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่แค่พรสวรรค์เท่านั้น แม้แต่สติปัญญาก็ล้ำเลิศ จนแสดงพรสวรรค์ออกมาได้อย่างหมดจด”

“มิน่า มิน่า…คำพูดในตอนนั้นของเลี่ยนพายัพบอกว่าท่านอยู่เหนือกว่าไป๋หรดีตั้งแต่แล้ว!”

ในตอนที่เนี่ยจิงเสินเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง เขาเคยแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลิน ทั้งสองฝ่ายสู้เสมอ

หากสู้กันเป็นตาย ผลลัพธ์ยังคงเป็นปริศนา

แต่หลังการต่อสู้ ประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลินเคยกล่าวว่า ‘ในหมู่ลูกศิษย์ของกษัตริย์กระบี่ จิงเสินคือที่หนึ่ง’

คำพูดนี้พอกระจายออกไป แต่ละคนก็เกิดความเข้าใจต่างกัน

มีคนส่วนหนึ่งคิดว่า นั่นบ่งบอกว่าศักยภาพของเนี่ยจิงเสินแข็งแกร่งถึงขีดสุด ในอนาคตจะมีความสำเร็จสูงสุด แต่ว่าด้วยระดับและสายตาของจักรพรรดิเอกภพ วันนี้หลังจากได้ต่อสู้กับเนี่ยจิงเสินด้วยตัวเอง กลับยืนยันได้ว่าความจริงแล้วเป็นเลี่ยนจู่หลินสำนึกตัวว่าสู้ไม่ได้!

เนี่ยจิงเสินในตอนนั้น ถ้าหากสู้กันถึงตาย สามารถอยู่เหนือกว่านางกับประมุขหรดีไป๋เทา!

“ไม่ใช่วิชาของกษัตริย์กระบี่ ไม่ใช่วิชาของเทพกระบี่…” จักรพรรดิเอกภพมองเนี่ยจิงเสิน สายตาซับซ้อนเล็กน้อย “ข้าขอกล่าววาจาที่หยามเกียรติกษัตริย์กระบี่ประโยคหนึ่ง ความสำเร็จในอนาคตของเนี่ยทักษิณท่าน เกรงว่าจะเป็นคลื่นลูกหลังไล่กลบคลื่นลูกหน้าแล้ว”

“ท่านเดินบนเส้นทางของตัวเอง ความสำเร็จในอนาคตอย่างแย่ที่สุดคือต่ำกว่าราชันพระศุกร์ ถ้าหากท่านไม่เสียชีวิตไปเร็ว มรรคากระบี่ที่เป็นของท่านนี้จะยิ่งมายิ่งสมบูรณ์แบบ ยิ่งมายิ่งล้ำลึก พร้อมกับระดับพลังฝึกปรือของท่านที่ยิ่งมายิ่งสูงส่ง อนาคตของท่าน…”

“จักรพรรดิเอกภพชมกันเกินไป ข้าผู้แซ่เนี่ยไม่กล้ารับ” เนี่ยจิงเสินเหยียบย่างในอากาศ ขวางกระบี่หน้าทรวงอก มองจักรพรรดิเอกภพกำเนิดอย่างเรียบเฉย

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดส่ายหน้า “ข้าเชื่อว่ากษัตริย์กระบี่จะมีการวินิจฉัยเหมือนกัน”

ด้วยสายตาของเขาย่อมมองออกว่าเมื่อเผชิญหน้ากับตนเอง แม้เนี่ยจิงเสินจะใช้พลังทั้งหมด กลับไม่อาจไปอยู่ในห้วงความเป็นความตายที่ต้องสู้สุดชีวิตอย่างแท้จริง

นี่เป็นคนหนุ่มที่เจอแข็งแกร่งยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งสู้ยิ่งเหี้ยมหาญ

แน่นอนว่าเขาที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจเสี่ยงชีวิตกับเซียนจริงแท้ได้

มนุษย์เซียนเมื่อลงมายังโลกมนุษย์ อยู่ในสถานะมั่นคงไม่มีวันแพ้ ไม่ใช่คำพูดเลื่อนลอย

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดย่อมมีความสามารถกางค่ายกลได้ตามต้องการ แต่หลังจากสู้กับเนี่ยจิงเสินได้สองสามกระบวนท่า เขาก็ตัดความคิดที่จะใช้ค่ายกลกักขังศัตรู

เขามาที่นี่เพราะต้องการลายมือแห่งแผ่นดิน

หากตั้งใจควบคุมค่ายกล บางทีอาจกักขังเนี่ยจิงเสินได้นาน แต่เมื่อเป็นแบบนั้น เขาจะไม่มีเวลาไปเอาลายมือแห่งแผ่นดินออกมา

เมื่อไม่ตั้งใจควบคุมค่ายกล เช่นนั้นก็เหมือนตอนที่สู้กับจักรพรรดินีเจี่ยหมิงคง เนี่ยจิงเสินสามารถทะลวงออกจากค่ายกลในเวลาแค่อันสั้น เมื่อมีเวลาน้อยเกินไป จักรพรรดิเอกภพก็ไม่อาจเอาลายมือไปได้ตามที่ต้องการ

เนี่ยจิงเสินย่อมทำร้ายเขาไม่ได้ แต่เมื่อมีอีกฝ่ายคอยรบกวน เขาคิดจะเอาลายมือแห่งแผ่นดินออกมาถือว่าเป็นความฝันเหมือนกัน

สถานการณ์ติดอยู่ในสภาวะชะงักงันชั่วขณะ

“คุนหลุนสะท้านเทพมังกร…สมคำร่ำลือ” จักรพรรดิเอกภพกำเนิดถอนใจคำหนึ่ง สายตาสงบลง กลับไม่รีบร้อนลงมือ เพียงยืนนิ่งอยู่กลางมิติ

เนี่ยจิงเสินเห็นดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ถึงจะตกลงไว้แล้วว่าต้องสะกดคนของเขากว่างเฉิง หรือผู้ช่วยของเขากว่างเฉิง ถ้าไม่ใช่เยี่ยนตี๋ก็เป็นท่าน ทว่า ถ้าเนี่ยทักษิณท่านต้องการออกจากที่นี่ ข้าจะไม่ขัดขวาง” จักรพรรดิเอกภพกล่าวอย่างเฉื่อยชา

เนี่ยจิงเสินเลิกคิ้วขึ้น “จักรพรรดิเอกภพคิดกล่าวอะไรกันแน่”

“ฟู่แพรงามที่สวมอาภรณ์ดำไปยังตึกความลับฟ้า ท่านคงทราบแต่แรกแล้ว” จักรพรรดิเอกภพกำเนิดยิ้ม “แต่บางทีท่านอาจไม่รู้ว่า ประมุขปฐวีได้นำรูปภูผาธาราโบ่วกี้ออกจากผากิเลนแล้ว เดิมทีเขาเตรียมจะขัดขวางท่าน แต่ว่าเมื่อปล่อยท่านมาแล้ว เขาคิดจะทำอะไรข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน เพียงหวังว่าทางเขาจะมีความมั่นใจขึ้นส่วนหนึ่ง”

จักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวกับจักรพรรดินีต่างไม่อาจลงมือได้

ต่อให้จักรพรรดิเอกภพกำเนิดจะไม่อาจใช้หนึ่งสู้สอง แต่ขอแค่เนี่ยจิงเสินไม่มีกระบี่เปิดกำเนิดอยู่ในมือ เขาก็ยังคงไร้อันตราย

จักรพรรดิเอกภพพูดจาฉะฉาน “แม้วิธีการจะไม่เหมาะสม แต่พอดีที่เยี่ยนตี๋ไม่อยู่เขากว่างเฉิง ประมุขปฐวียังคงขัดขวางเขาได้ ถึงเวลาแล้วพวกเราสี่คนเพียงเปลี่ยนคู่ต่อสู้กันเท่านั้น”

“กระเรียนหิมะนั่นที่สุดแล้วยากจะหนีจากเพทภัย ถึงอย่างไรสำหรับข้าแล้ว พลังของนางยังน้อยไปบ้าง”

เนี่ยจิงเสินมองจักรพรรดิเอกภพอย่างเย็นชา “เป้าหมายของพวกท่านคือภรรยาของอาจารย์อาเยี่ยน?”

“เป็นเป้าหมายของประมุขปฐวี ไม่ใช่เป้าหมายของข้า” จักรพรรดิเอกภพกล่าวอย่างสงบนิ่ง

เป้าหมายของเขาย่อมเป็นลายมือแห่งแผ่นดิน

เหมือนกับที่หวังเจิ้งเฉิงคอยระวังไม่ให้เนี่ยจิงเสินสนับสนุนฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ จักรพรรดิเอกภพก็ยินดีให้เนี่ยจิงเสินไปช่วยเหลือเสวี่ยชูฉิงเช่นกัน

จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำขัดขวางเยี่ยนจ้าวเกอไม่ยอมลดละ เป็นเพราะว่าเขาคิดใช้โอกาสต่อสู้ศึกษาหมัดแปลงกำเนิดของเยี่ยนจ้าวเกอ

จักรพรรดิเอกภพกลับไม่ได้ต้องการอะไรจากเนี่ยจิงเสิน

เนี่ยจิงเสินออกจากที่นี่ไปช่วยเสวี่ยชูฉิง จักรพรรดิแพรย่อมปีติยินดี เมื่อไม่มีผู้ใดขวางเขาแล้ว เขาก็มีเวลาไปเอาลายมือแห่งแผ่นดิน

“ดังนั้นเมื่อครู่ข้าจึงบอกว่า หากเนี่ยทักษิณท่านต้องการจากไป ข้าจะไม่ขัดขวาง” จักรพรรดิเอกภพยืนอยู่กลางอากาศ “พ่อลูกตระกูลเยี่ยนมีพลังล้ำเลิศไม่แปลกปลอม แต่ข้าขอกล่าวเตือนสักประโยค ตอนนี้เฉินทิศบนกำลังคอยดูอยู่ เขาไม่ใช่ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะลงมือ”

ว่าแล้วจักรพรรดิเอกภพก็ไม่กล่าวอะไรต่ออีก เพียงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

เขาแม้จะทำอะไรเนี่ยจิงเสินไม่ได้ ทว่าเนี่ยจิงเสินกลับทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน

พอฟังคำพูดของจักรพรรดิเอกภพ เนี่ยจิงเสินไม่คิดเคลื่อนไหวใดๆ กล่าวอย่างแช่มช้า “ผากิเลนมีรูปภูผาธาราโบ่วกี้ เขานครหยกของข้าก็มีกระบี่เปิดกำเนิดเช่นกัน”

“อย่างไรทะเลหวงเจียก็ห่างจากเขานครหยกมากกว่าตึกความลับฟ้าในเมืองหยวนโจวอยู่ดี” จักรพรรดิเอกภพกำเนิดเงียบงันครู่หนึ่งค่อยเอ่ยว่า “คิดว่าคนในสำนักท่านในขณะนี้คงไม่มีใครไม่เห็นด้วย ถึงอย่างไรเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกก็นับเป็นคนในสำนักของพวกท่านครึ่งหนึ่ง”

เนี่ยจิงเสินพลันยิ้ม “จักรพรรดิเอกภพคล้ายเข้าใจผิดแล้ว ขณะที่ข้ามาฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ก็ได้ส่งข่าวกลับไป บอกศิษย์พี่ไม่ต้องส่งกระบี่ให้แก่ข้าแล้ว”

จักรพรรดิเอกภพสายตากลายเป็นคมกริบเล็กน้อย

“เมื่อไม่ได้มอบกระบี่เปิดกำเนิดให้แก่ข้า ทางศิษย์น้องเยี่ยนกับอาจารย์อาเยี่ยนก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง สามารถช่วยคนได้สะดวกสบาย ส่วนข้าไม่จำเป็นต้องลำบากใจเพราะต้องช่วยเฝ้าของวิเศษ” เนี่ยจิงเสินชี้คมกระบี่ไปที่จักรพรรดิเอกภพ “ไม่มีกระบี่เปิดกำเนิด ข้าอยู่ที่นี่คนเดียวก็เหลือแหล่”

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดขมวดคิ้ว “ท่านเชื่อใจพ่อลูกตระกูลเยี่ยนขนาดนี้…”

“ยากจะไม่เชื่อใจ” เนี่ยจิงเสินกล่าวอย่างเฉยชา

………………..