บทที่ 1413 ความเปลี่ยนแปลงในดินแดนทวยเทพ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,413 ความเปลี่ยนแปลงในดินแดนทวยเทพ

เมื่อหลินเป่ยเฉินปรากฏตัวออกมา ผู้คนที่ติดอยู่ในเขตประตูเมืองกว่าสี่พันชีวิตก็ได้รับความช่วยเหลือเคลื่อนย้ายไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย และมีนักเวทจากสภาเทพเจ้ามาคอยตรวจสอบความเรียบร้อยของม่านพลังที่ประตูเมืองอีกด้วย

หลินเป่ยเฉินนำตัวพวกของไป๋เสี่ยวเซียวกลับไปจ่ายค่าที่พักในโรงเตี๊ยมให้เรียบร้อย

จากนั้นตนเองจึงได้เดินทางกลับไปที่คฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน

เหลือเพียงพวกของไป๋เสี่ยวเซียวพักอยู่ในโรงเตี๊ยมต่อไป

“เสี่ยวเซียว บุรุษผู้นี้ดูมีอนาคตดีมากทีเดียว”

ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวด้วยดวงตาเป็นประกาย “ข้าไม่เคยพบเจอผู้ใดมีความแข็งแกร่งและสง่างามเช่นนี้มาก่อน”

“ใช่แล้ว องค์หญิง ในอนาคตข้างหน้า เผ่าของพวกเราคงต้องติดตามท่านและพวกเราก็จะไม่ต้องตกระกำลำบากอีกแล้ว”

ผู้อาวุโสท่านที่สองกล่าวฝันหวาน

“สาวน้อย ข้าคิดว่าพวกเราคงหาบุรุษที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว”

ผู้อาวุโสท่านที่สามกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง

ไป๋เสี่ยวเซียวยืนเท้าเอวด้วยความภาคภูมิใจ

หลินเป่ยเฉินได้นำลูกแก้วเทพเจ้าออกมามอบให้พวกเขาคนละลูก

และลูกแก้วเทพเจ้าที่หลินเป่ยเฉินมอบให้แก่ไป๋เสี่ยวเซียวนั้น ก็คือลูกแก้วประจำตำแหน่งเทพเจ้านางพญาเสือดาว

เป็นเทพเจ้าระดับกลางที่ชำนาญเรื่องการต่อสู้

มีค่าความซื่อสัตย์หนึ่งร้อยคะแนนเต็ม

ส่วนลูกแก้วเทพเจ้าตำแหน่งอื่น ๆ ที่มอบให้แก่ผู้อาวุโสทั้งสามคนนั้น แม้มันจะเปลี่ยนความคิดของพวกท่านที่มีต่อหลินเป่ยเฉินไปเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้ก่อให้เกิดการล้างสมองโดยสิ้นเชิงอย่างที่เกิดขึ้นกับเจิ้งผาน

หลินเป่ยเฉินทำเช่นนี้เพราะหวังว่าหลังจากที่ไป๋เสี่ยวเซียวได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทพเจ้า เด็กสาวจะยังคงมีผู้คนที่ซื่อสัตย์กับนางคอยรักษาความปลอดภัยอยู่รอบกาย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนผู้อาวุโสทั้งสามคนนั้นให้กลายมาเป็นสาวกของตนเอง

และนี่ยังหลีกเลี่ยงปัญหาความขัดแย้งจากผู้คนในเผ่าจันทราขาวอีกด้วย

เมื่อจัดการเรื่องราวเหล่านี้เสร็จเรียบร้อย ทุกสิ่งที่หลินเป่ยเฉินสมควรทำก่อนเดินทางกลับจักรวรรดิเป่ยไห่ก็ลุล่วงแล้ว

ส่วนเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จ ไม่จำเป็นต้องเป็นหน้าที่เขาก็ได้

อย่างเช่น เรื่องการเตรียมงานเกี่ยวกับสำนักโอสถเป่ยเฉิน

หนึ่งวันต่อมา

เมื่อกลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้าหลอมรวมพลังจากลูกแก้วเทพเจ้าได้สำเร็จ พวกเขาก็ทยอยกลับออกมาจากวิหารหรงเซินในเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วยาม

พลังกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายชายหนุ่มทั้งห้าหนาแน่นรุนแรง

พวกเขายืนมองหน้ากันอยู่หน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน ต่างคนต่างก็รู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

พวกเขากลายเป็นผู้ดำรงตำแหน่งเทพเจ้าโดยสมบูรณ์

นับจากนี้ไป พวกเขาจะมีชีวิตยืนยาว มีตำแหน่งใหญ่โต มีสถานะสูงส่ง

ชะตาชีวิตของพวกเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

หากพวกเขาไม่ได้พบเจอเจี๋ยนเซียวเหยา ต่อให้ถือกำเนิดเกิดมาในตระกูลผู้สูงศักดิ์ แต่ทุกคนก็ไม่ทราบเลยว่าโอกาสที่ตนเองจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเทพเจ้าเช่นนี้จะมีมากน้อยเพียงใด อย่าว่าแต่ต่อให้เป็นหัวหน้าตระกูลผู้ใหญ่โต ก็ยังไม่สามารถได้รับโอกาสที่ดีงามเช่นนี้

แต่พวกเขากลับได้รับโอกาสนั้นแล้ว

พวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งเทพเจ้าระดับสูง

กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้ากำลังจะอ้าปากขอบคุณหลินเป่ยเฉิน…

“ไม่ต้องคิดประจบประแจงข้าหรอก ข้าไม่ได้หวังถ้อยคำชื่นชมจากพวกเจ้าอยู่แล้ว…”

หลินเป่ยเฉินขัดจังหวะโดยทันที “บัดนี้ ข้าไม่มีเวลาอธิบาย พวกเรามาเริ่มงานในขั้นต่อไปกันดีกว่า… การเตรียมงานเรื่องสำนักโอสถเป่ยเฉินจะต้องแล้วเสร็จในอีกสามวันหลังจากนี้”

เฉียนหลงได้ยินดังนั้นก็รีบหมุนตัวเดินออกไปทำภารกิจของตนเองด้วยความคึกคักทันที

หลินเป่ยเฉินได้รับโอสถหัวใจพฤกษาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ดังนั้น เขาจึงเหลือเงินมากมายให้ซื้อหายามารักษาโรคบุปผามรณะจากแอปเถาเป่า

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็มีเวลาว่าง

เขาจึงได้กลับมาจองตั๋วแท็กซี่ตี๋น้อยอย่างจริงจังอีกครั้ง

เขาเปิดแอปแท็กซี่ตี๋น้อยและกำหนดวันเวลาในการเดินทาง

การเดินทางครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายเป็นศิลาบูชาห้าร้อยก้อน

กำหนดการเดินทางคืออีกสามวันข้างหน้า

หลังจากนั้น นาฬิกาในแอปแท็กซี่ตี๋น้อยก็เริ่มนับเวลาถอยหลัง

“เรียบร้อย ดีนะเนี่ยที่เราจองล่วงหน้าก่อนตั้งสามวัน”

หลินเป่ยเฉินชื่นชมความฉลาดเฉลียวของตนเอง

เมื่อปิดแอปแท็กซี่ตี๋น้อย เขาก็เอนกายลงบนบัลลังก์ใหญ่และถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ทุกอย่างพร้อมแล้ว

เหลือแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เก็บกวาดเท่านั้น

ในที่สุดก็จะได้กลับจักรวรรดิเป่ยไห่เสียที

หืม?

เดี๋ยวก่อนนะ นี่เขาดีใจเหมือนจะได้กลับบ้านทำไมเนี่ย?

หลินเป่ยเฉินอดตกใจกับความรู้สึกของตนเองไม่ได้

กาลเวลาผ่านไป

สองวันผ่านไปในพริบตาเดียว

ในที่สุด ด้วยการดูแลอย่างเข้มงวดของเฉียนหลงและพรรคพวก ‘สำนักโอสถเป่ยเฉิน’ ก็พร้อมเปิดให้บริการ

ทันทีที่ข่าวเรื่องการรักษาโรคบุปผามรณะแพร่สะพัดออกไป ดินแดนทวยเทพก็ไม่ต่างจากถูกกระหน่ำด้วยคลื่นสึนามิ

กลุ่มเทพเจ้าตระกูลผู้สูงศักดิ์ล้วนตกตะลึง

โดยเฉพาะภายใต้ความปั่นป่วนโกลาหลของเมืองเยี่ยเฉิงในปัจจุบัน โอสถรักษาโรคบุปผามรณะจึงกลายเป็นแสงสว่างส่องทางให้แก่ชีวิตผู้คน

เทพเจ้าระดับสูงจำนวนมากต้องเจ็บป่วยล้มตายจากโรคบุปผามรณะ เหล่าคนป่วยที่มีเงินทองต่างก็โห่ร้องออกมาด้วยความยินดี

“ก่อนอื่น เราต้องรับผู้ป่วยทุกคนมาดูแลที่สำนักพยาบาลเป่ยเฉิน ห้ามผู้ป่วยออกไปไหนจนกว่าจะทำการรักษาเสร็จสิ้น”

ชิงเล่ยคือผู้ดูแลสูงสุดของสำนักโอสถเป่ยเฉิน นางออกประกาศแจ้งให้ทุกคนรับทราบถึงกฎเกณฑ์ในการเข้ารับการรักษา

ขณะนี้ ชิงเล่ยกำลังถูกจับจ้องด้วยสายตาจำนวนมาก

นี่คือครั้งแรกที่นางปรากฏตัวออกมาต่อหน้าสาธารณชน

เมื่อหญิงสาวที่มีหน้าตางดงามทรงเสน่ห์ปรากฏตัวออกมา ผู้คนก็รู้สึกว่าท้องฟ้าที่เคยมืดหม่นก็กลับมาแจ่มใสอีกครั้ง และสำนักพยาบาลในสำนักโอสถเป่ยเฉิน ก็กลายเป็นสถานที่ที่ดูสวยงามขึ้นมาอย่างประหลาด

หลายคนถูกดึงดูดด้วยความงามของชิงเล่ย

บางคนอยากได้สูตรการหลอมโอสถรักษาโรคบุปผามรณะ

และยังมีคนอีกจำนวนมากที่ต้องการครอบครอง ‘สำนักโอสถเป่ยเฉิน’

ปรากฏมือมืดนับไม่ถ้วนพยายามยื่นมาหาชิงเล่ยเพื่อข่มขู่นางให้ส่งมอบสำนักโอสถเป่ยเฉินให้แก่พวกเขา

แต่หลังจากนั้น…

มือมืดทั้งหลายก็ถูกตัดขาด

โดยที่หลินเป่ยเฉินไม่ต้องลงมือเองด้วยซ้ำ

แต่เป็นฝีมือของนักเวทอู่จิว

นับตั้งแต่ที่นักเวทอู่จิวรับชิงเล่ยเป็นลูกศิษย์ ชายชราก็ดูแลนางยิ่งกว่าไข่ในหิน แล้วเขาจะปล่อยให้มีผู้ใดมาทำอันตรายลูกศิษย์ของตนเองได้อย่างไร?

ทุกครั้งที่มีคนคิดทำไม่ดีต่อชิงเล่ย นักเวทอู่จิวก็จะออกหน้าช่วยเหลือเสมอ

เพียงวันเดียวเท่านั้น นักเวทชราก็ถึงกับฆ่าล้างบางผู้คนไปเจ็ดตระกูล นอกจากนี้ยังสังหารนักรบเทวะไปสามสิบหกคน นักเวทสี่สิบสี่คน และยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกนับไม่ถ้วน… ในกลุ่มนี้รวมถึงผู้ที่มีตำแหน่งเป็นเทพเจ้าขั้นกลางด้วยเช่นกัน

ดินแดนทวยเทพตกอยู่ในความตะลึงงัน

เช่นเดียวกับหลินเป่ยเฉินเมื่อเขาได้รับทราบข่าว

ให้ตายสิ

นักเวทอู่จิวน่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย

แม้หลินเป่ยเฉินจะคิดอยู่แล้วว่าชายชราคงไม่ธรรมดา

แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

โชคดีเหลือเกิน

นับว่าชิงเล่ยกราบอาจารย์ได้ถูกคนแล้ว

หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

หลังจากนั้น เขาก็ใช้สถานะใต้เท้าใหญ่ของตนเองเรียกบรรดาเทพเจ้าผู้ติดตามให้ออกมาถวายตัวรับใช้ชิงเล่ยและคอยดูแลความสงบเรียบร้อยของ ‘สำนักโอสถเป่ยเฉิน’

บัดนี้ ผู้คนในดินแดนทวยเทพจึงจดจำชิงเล่ยในสถานะใหม่

สถานะเหล่านั้นคือ…

สถานะลูกศิษย์ของนักเวทอู่จิวผู้แข็งแกร่ง

และสถานะคนรักของเจี๋ยนเซียวเหยา ผู้เป็นหนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้า

แค่สองสถานะนี้ก็เพียงพอแล้ว

แม้จะเป็นบรรดาเทพเจ้าระดับสูง พวกเขาก็ไม่มีความคิดที่จะยื่นมือมาข้องเกี่ยวกับ ‘สำนักโอสถเป่ยเฉิน’ อีกต่อไป

ยกเว้นเพียงผู้ดำรงตำแหน่งหนึ่งในเจ็ดเทพสงครามเท่านั้น…

หนึ่งวันก่อนเดินทางกลับ หลินเป่ยเฉินรวบรวมเทพเจ้าผู้ติดตามตนเองหนึ่งร้อยแปดคนบุกไปโจมตีเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่ และเปิดศึกการทำสงครามเทพเจ้าเต็มรูปแบบ

การต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้บรรดาเทพเจ้าระดับสูงตั้งตัวไม่ทัน

เมื่อรู้ตัวอีกที ผลการต่อสู้ก็ออกมาว่าเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่พ่ายแพ้ให้แก่เจี๋ยนเซียวเหยาอย่างยับเยิน

ข่าวลือเล่าขานว่าการต่อสู้ระหว่างเจี๋ยนเซียวเหยากับเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่นั้น เกิดขึ้นในเหมืองใต้ดินเพียงไม่กี่กระบวนท่า เทพเจ้าแห่งเหมืองแร่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องกระอักเลือดออกมา!

เมื่อข่าวลือนี้แพร่สะพัดออกไป บรรดาเทพเจ้าระดับสูงต่างก็รู้สึกหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจทีเดียว