บทที่ 1453 ไปตามหามาร์ตินอีกครั้ง

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1453 ไปตามหามาร์ตินอีกครั้ง

คนรับใช้ : “คุณพิมแสงค่ะ คนมากขนาดนี้ จะทำยังไงดีล่ะค่ะ?”

พิมแสง : “ไม่เป็นไร พวกเราเข้าไปประตูด้านข้างกันเถอะ”

เธอออกคำสั่งอยู่ด้านหลัง ในขณะเดียวกัน ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเริ่มทางมาร์ตินที่อยู่ด้านใน

[พิมแสง : ผู้ช่วยรัญ ฉันพิมแสงเองค่ะ ตอนนี้มาร์ตินอยู่ด้านในไหมคะ? ฉันมีธุระก็เลยมาหาเขา]

นี่คือวิธีที่เธอเข้าหามาร์ติน

เธออยากพบเขา กลับยังต้องผ่านผู้จัดการของเขาอีก

พิมแสงจ้องมองโทรศัพท์

รู้สึกเป็นเกียรติอยู่บ้าง ที่ครั้งนี้ นึกไม่ถึงว่าผู้จัดการคนนี้อีกเดี๋ยวก็ตอบกลับเธอแล้ว

[ผู้ช่วยรัญ : “ตอนนี้มาร์ตินกำลังซ้อมก่อนแสดงจริง กลางคืนยังต้องแสดงอีก คุณมีธุระอะไรหรือปล่าว?”]

[พิมแสง : “เรื่องด่วนค่ะ มีสาวน้อยคนหนึ่งเข้าไปตามหาเขาแล้ว คุณช่วยฉันดูหน่อยนะ ถ้าหาพบแล้ว ช่วยส่งออกมาให้ฉันด้วยคะ]

พิมแสงส่งเสร็จ ก็ส่งรูปถ่ายของเชียนหยวนล๋ายเย่ลงไปอีกครั้ง

ผลลัพธ์ เธอเพิ่งจะส่งภาพนี้ไป ผู้จัดการคนนี้ทางโทรศัพท์ นึกไม่ถึงว่ายังจะเอ่ยเสียดสีขึ้นมาอีกว่า

[ผู้ช่วยรัญ : คุณพิมแสง นี่คุณหมายความว่ายังไง แค่คุณคนเดียวตามตอแยมาร์ตินยังไม่พอ คุณยังจะหาอีกคนมาเพิ่มอีกงั้นเหรอ? คุณคิดว่ายังทำลายเขาไม่พออีกหรือไง?]

[พิมแสง : “……”]

[ผู้ช่วยรัญ : คุณพิมแสง ฉันเตือนคุณอีกครั้งนะ หากคืนนี้ไม่อยากให้มาร์ตินเป็นอะไรไป คุณและลูกในท้องของคุณต่อไปก็จะไม่มีที่ให้พึ่งพิงอีก คุณก็ควรรีบออกไปจากที่นี่ซะ ไม่อย่างนั้น คุณโดนแฟนคลับพวกนั้นจับได้ละก็ พวกเขาก็จะพุ่งมาตบตีคุณแน่!]

ผู้จัดการคนนี้ เอ่ยประโยคสุดท้ายนั้น ช่างพูดไม่เข้าหูเอาซะเลย

แต่สิ่งที่เขาพูดก็คือเรื่องจริง ตอนนี้มาร์ตินอยู่ในจุดที่มีอำนาจมากที่สุดในวงการนักแสดง หากว่าถูกแฟนคลับเห็นผูหญิงที่อุ้มท้องลูกของเขาอย่างเธอขึ้นมาละก็ เขาก็จะถูกทำลายย่อยยับจนไม่เหลือชิ้นดีจริงๆนั่นเเหละ

พิมแสงกดปิดมือถือแล้ว หยิบลิปสติกแท่งหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าโดยตรง

คนรับใช้ : “คุณพิมแสง นี่คุณ?”

พิมแสง : “เธอรออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันไปตามหาเธอเอง”

หลังจากนั้น ผู้หญิงที่นั่งอยู่ในรถบรรจงวาดตกแต่งอยู่หน้ากระจก ก็ผลักประตูลงไปแล้ว

เธอไม่ได้แต่งหน้ามานานมากแล้ว ตั้งแต่ตามตอแยมาร์ติน มาร์ตินบอกว่า ไม่ชอบให้เธอแต่งกายหรูหราและแต่งหน้าจัด เธอจึงไม่ได้แต่งหน้ามาโดยตลอด

จึงคอยอยู่เคียงข้างเขาโดยไม่แต่งหน้าแต่งตัวมาโดยตลอด

แต่ตอนนี้เพื่อตามหาผู้หญิงคนนั้น เธอจึงแสดงให้เห็นด้านที่งดงามที่สุดของตัวเองออกมา

“ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อยค่ะ”

“เอ๊ะ? ทำไมที่นี่ถึงมีหญิงตั้งครรภ์ด้วยล่ะ พี่สาว สถานที่ๆคนมากมายขนาดนี้ พี่อย่าเข้ามาเลยดีกว่า ระวังจะโดนชนเอาได้นะคะ”

แฟนคลับที่ยกชูป้ายซับพอร์ตกำลังกรี๊ดกร๊าดอย่างบ้าคลั่งอยู่ด้านใน หลังจากที่ถ่ายกันไปครู่หนึ่ง เห็นด้านหลังผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งสวมชุดคลุมท้อง ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจอยู่บ้างก็เถอะ

แต่ ก็ยอมหลีกทางให้

พิมแสงยิ้มไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็มุ่งเข้าไปทางประตูด้านข้างของสเตเดี้ยมแห่งนี้

จะตามหามาร์ตินให้เจอได้ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ที่จริงแล้วไม่มีหนทางอื่น จึงทำได้แค่ไปด้านหลังของเวทีเขา ส่วนด้านหลังของเวทีนั้น ก็จะต้องรู้จักพนักงานข้างกายของเขาถึงจะได้

พิมแสงหาสถานที่นี้พบแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน เธอมองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กสาวที่กำลังเจรจากับพนักงานพวกนั้นแล้ว

“ฉันรู้จักเขาจริงๆนะคะ พวกคุณให้ฉันเข้าไปเถอะนะ ฉันมีเรื่องด่วนอยากพบเขาคะ”

“พอเถอะ แม่คุณเอ้ย คุณเสียเวลาอยู่ที่นี่มาสองชั่วโมงแล้วนะ ถ้ายังไม่ไปอีก ทางเราจะเเจ้งตำรวจแล้วนะ”

พนักงานรำคาญกันมากแล้ว เห็นเด็กสาวคนนี้ยังคงเฉื่อยชาอยู่อีก จึงเอื้อมมือมาผลักไสเธอ

พิมแสงเห็นแล้ว จึงรีบเข้าไปพยุงเธอทันที

“พวกคุณกำลังทำบ้าอะไรกันอยู่? ใครให้พวกคุณลงไม้ลงมือกันห๊ะ?”

ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าล้วนเข้มงวด ถมึงตึง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยมีมาก่อน

พนักงานสองสามคนนั้นจำเธอได้ ฉับพลัน ต่างก็ตะลึงงันไปหมด เมื่อเห็นคนที่รูปโฉมสวยตระการตาทั้งมีเสน่ห์เย้ายวนจนตะลึงคนนี้

“คุณพิมแสง?”

“……”

น่าเสียดาย ที่พิมแสงไม่ได้สนใจพวกเขา แต่เเววตากลับมองเด็กสาวคนนี้ที่ตัวเองรั้งเอาไว้

เชียนหยวนล๋ายเย่ : “พี่พิมแสง พี่ …..พี่มาได้ยังไงคะ? ขอโทษด้วยค่ะ ที่น้องยังทำเรื่องไม่เสร็จเรียบร้อยเลย”

หลังจากที่เธอประหลาดใจ สิ่งที่เผยออกมา คือความรู้สึกผิดที่มาจากส่วนลึกอีกแล้ว

พิมแสงมองไปที่อื่น

“เธอกลับไปเถอะ พี่ธิปกำลังตามหาเธออยู่นะ เดี๋ยวพี่เข้าไปคุยกับเขาเอง”

“จริงเหรอคะ?”

เด็กสาวได้ยินสิ่งนี้ ฉับพลันดวงตาที่แวววาวสดใสก็เปล่งประกายขึ้นทันที

เพียงแป๊บเดียว เธอเห็นคนมืดฟ้ามัวดินอยู่ที่นี่ และก็พนักงานตรงหน้าสองสามคนที่ขวางเธอไว้นานกว่าสองชั่วโมงไม่ยอมให้เธอเข้าไป หว่างคิ้วเล็กๆของเธอ จึงขมวดกันแน่นขึ้นมาอีกแล้ว

“ไม่ได้ค่ะ น้องไปไม่ได้ พี่พิมแสง งั้นพี่เข้าไปคุยเถอะ น้องจะรอพี่อยู่ที่นี่ ที่นี่มันอันตรายเกินไป น้องทิ้งพี่ไว้ที่นี่เพียงลำพังไม่ได้หรอกคะ”

เธอยังคงดื้อดึงที่จะอยู่ที่นี่ต่อ

ในที่สุดพิมแสงก็อารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นนิดหน่อย เธอจึงหันกลับไป จ้องมองเธออย่างดุดัน

“พี่บอกไปแล้วว่าเธอไม่ต้องเข้าร่วมที่นี่ เธอฟังไม่เข้าใจหรือไง? นี่คือเรื่องในครอบครัวของพี่เอง พี่จัดการเองก็พอแล้ว เธอกังวลมากขนาดนั้นไปทำไมกัน?”

“……”

ใบหน้าของเชียนหยวนล๋ายเย่เเดงก่ำในฉับพลันทันที

“น้องไม่ได้…..ไม่ได้หมายความเป็นแบบนี้นะ น้องก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ก็เท่านั้น ที่นี่คนเยอะเกินไป”

เธอน้อยอกน้อยใจมาก

แต่ว่า เธอไม่กล้าฝืนอีก ก็ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวของเขานี่แหละ จึงทำได้แค่อาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากที่นี่ไป

พอเธอจากไป พนักงานสองสามคนนั้นนึกว่าพิมแสงจะเข้าไป ฉับพลัน หลังจากที่พวกเขาเห็นท้องที่นูนสูงออกมาของเธอ จึงก้าวไปข้างหน้าขวางเธอไว้