ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1454 จุดจบ
“คุณพิมแสง คุณเข้าไปไม่ได้นะ ตัวตนตอนนี้ของคุณ……”
“ฉันไม่เข้าไปหรอก!”
นึกไม่ถึงว่า เธอจะเอ่ยขัดจังหวะพวกเขาโดยตรง เพื่อเเสดงว่าตนเองไม่เข้าไป
พนักงานตะลึงกันใหญ่
ไม่เข้าไป?
แต่ก่อนเธอตามตอแยดารามาร์ตินมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ไม่เข้าไปแล้ว?
พวกเขาไม่เชื่อกันอยู่บ้าง แต่ความจริงก็คือ หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้เอ่ยประโยคนี้จบลง ก็ออกไปแล้วจริงๆ สีหน้าเย็นชา ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
พิมแสงออกไปแล้ว
อีกสองชั่วโมงต่อมา มาร์ตินลงมาจากบนเวทีเสียที
เมื่อเห็นว่าการแสดงประสบความสำเร็จขนาดนี้ในคืนวันนี้ ผู้จัดการจึงเเสดงความใจดีมีเมตตาบอกมาร์ตินว่า พิมแสงมาหาเขาแล้ว
“คุณว่าอะไรนะ? เธอมาหาผมงั้นเหรอ?”
มาร์ตินที่กำลังหน้าสดได้ยินเรื่องนี้เข้า จึงหันกลับมองไปทางเธอ
ผู้จัดการพยักหน้าเอ่ยว่า : ใช่ค่ะ ตอนนั้นคุณกำลังซ้อมก่อนแสดงจริงอยู่ ฉันกลัวใครจะเห็นเข้า ก็เลยให้เธอกลับไปก่อนน่ะ”
ตอนที่เธอเอ่ยถึงที่นี่ ขฌ ในสายตายังคงแฝงความสะอิดสะเอียน เพราะว่าดท ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่กับพวกเขา ช่างน่ารำคาญได้เท่าไหร่ก็น่ารำคาญออกมาจนหมดเสียจริงๆ
ไม่ต้องไปเอ่ยถึงผู้จัดการอย่างเธอหรอก แม้แต่ตัวมาร์ตินเอง พอเห็นก็รำคาญด้วยหมือนกัน
แต่ว่าวันนี้ หลังจากที่ฟังเธอพูดจนจบ มาร์ตินที่อยู่ตรงหน้า จู่ๆก็หยิบโทรศัพท์จากในมือของเธอไป
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เปิดไปพักหนึ่ง หลังจากที่เห็นประวัติการสนทนาของผู้หญิงคนนั้นที่มาหาเขาอีกแล้วจริงๆ เขาจึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา โทรออกโดยตรง
“สวัสดีค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
“ปิดเครื่องเหรอ?”
มาร์ตินขมวดคิ้วไปครู่หนึ่ง
เขาวางโทรศัพท์ลง คิดว่าตัวเองคงจะโทรผิดแล้ว เพราะว่าในความจำของเขา ผู้หญิงคนนี้แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ปิดเครื่องอยู่แล้ว โดยเฉพาะสายโทรเข้าจากเขา
แต่ว่า หมายเลขไม่ผิดแน่
และเมื่อเขาโทรไปอีกครั้ง เสียงที่ด้านในดังออกมา ก็ยังเป็นเสียงปิดเครื่องเหมือนเดิม
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เขากำมือไปครู่หนึ่ง สุดท้าย ก็โทรศัพท์ไปฝั่งคณาธิปเหมือนเดิม
“ฮัลโหล?”
ครั้งนี้ มีคนรับสายโทรศัพท์แล้ว
มาร์ตินได้ยินแล้ว จึงรีบถามทางนี้โดยทันทีว่า :ญด “พิมแสงล่ะ?”
พิมแสง?
คณาธิปพาเชียนหยวนล๋ายเย่กลับบ้านแล้ว เลิกคิ้วไปครู่หนึ่ง เมื่อเขาได้ยินในโทรศัพท์ถามถึงเรื่องนี้ : “คุณถามพิมแสงของผมน่ะเหรอ? เธอไปหาคุณไม่ใช่รึไง?”
มาร์ติน : “เปล่านะ ผมไม่เจอเธอเลย แล้วก็ คุณช่วยบอกเธอทีว่า ต่อไปอย่ามาหาผมอีก ผมกับเธอไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกันทั้งสิ้น!”
พูดจบ เขาก็จะวางสายเเล้ว
คณาธิปที่ฟังอยู่ทางนี้ ในที่สุดก็เหลืออดเหลือทนเต็มทีจึงเอ่ยว่า : “ไม่มีความเกี่ยวข้องกันงั้นเหรอ? เธอยังอุ้มลูกของคุณอยู่ในท้องทั้งคน? นึกไม่ถึงว่าคุณจะบอกว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับคุณงั้นเหรอ?”
“ลูกของผม? คุณยังไม่รู้อีกเหรอ? เธอบอกกับผมด้วยปากของตัวเองว่า นั่นไม่ใช่ลูกของผม เป็นเธอที่หาโรงพยาบาลทำเด็กหลอดแก้ว ก็เพื่อตามตอแยผม แต่งงานกับผมก็เท่านั้น!”
มาร์ตินก็แผดเสียงดังในโทรศัพท์เช่นกัน
ในโทรศัพท์ ในที่สุดก็เงียบไปเสียที
นี่จะเป็นไปได้ยังไงกัน?
สุดท้ายตอนที่คณาธิปถูกวางหูโทรศัพท์ ในสมอง จึงหลงเหลือเพียงแค่ถ้อยคำเหล่านี้
ในคืนวันเดียวกัน มาร์ตินไม่มีความเคลื่อนไหวใดจริงๆ มีเพียงฝั่งคณาธิป ที่ส่งคนทั้งหมดจากดราก้อน แชนท์ออกไป ตามหาผู้หญิงท้องโตคนนั้น
แต่ ตลอดทั้งคืนนี้ เขาตามหาเธอไม่พบ ทั้งสนามบิน รถไฟฟ้าความเร็วสูง ทางหลวง ก็ไม่พบแม้แต่เงาของเธอ รวมถึงทางด้านเมืองเคลียร์ด้วย ก็ไม่มีข่าวคราวของเธอเช่นกัน
พิมแสง หายตัวไปขนาดนี้แล้ว
ตอนที่เส้นหมี่ได้ยินข่าวคราว จึงรีบร้อนมาจากเมืองหลวง ก็ปาเข้าไปอีกสามวันข้างหน้าแล้ว
หลังจากนั้น พอเธอกลับมา ก็ตามหาผู้หญิงคนนี้ทั่วทุกหนแห่งแล้วเช่นกัน
แต่น่าเสียดาย ที่เมืองแห่งนี้ช่วงฤดูใบไม้ผลิสภาพอากาศจึงอบอุ่นดอกไม้นานาชนิดบานสะพรั่งงดงาม ตลอดสองเดือนเต็ม แต่ก็ยังคงไร้วี่แววเงาของเธอเหมือนเดิม
สองเดือนนี้ เด็กในท้องของเธอก็น่าจะคลอดแล้วสินะ
เส้นหมี่เหนื่อยล้าทั้งใจและกาย
แสนรักเห็นแล้ว ถึงแม้ว่าโกรธ แต่ก็ทำได้เเค่เข้ามาปลอมโยนว่า : “เอาล่ะ เลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว เธอไม่ใช่เด็กแล้วซะหน่อย สองเดือนผ่านไปแล้ว บางที เธออาจจะหลบไปคลอดลูกที่นั่นแล้วก็ได้”
ตอนที่เขาพูดแบบนี้ ใบหน้าที่หล่อเหลาก็หม่นหมองเป็นอย่างมาก
เพราะว่า คณาธิปก็ช่างเถอะไปแล้ว แต่สองเดือนมานี้ ถึงให้ตัวเเสนรักเองส่งคนไป ก็นึกไม่ถึงว่าจะตามหาผู้หญิงคนนั้นไม่พบเช่นกัน
เธอราวกับหายตัวไปอย่างไร้รองรอยเหมือนระเหยไปจากโลกมนุษย์จริงๆ
เส้นหมี่ผอมลงไปมาก เพราะว่ากลุ้มใจ จนทั้งเบ้าตาลึกลงไป สีหน้าก็ดูแย่เป็นอย่างมาก
“เธอจะหลบไปที่ไหนได้? พ่อแม่ของเธอก็เสียไปแล้ว ก็เหลือเพียงตัวลำพัง ที่เมืองเคลียร์ในเดือนปีเหล่านั้น เธอยังจะหลบไปคลอดลูกที่นั่นได้เหรอ?”
เธอพูดๆอยู่ กำลังจะร้องไห้อีกแล้ว
แสนรัก : “……”
กำลังอารมณ์ไม่ดีจนถึงขีดสุด เวลานี้ จู่ๆด้านนอกก็มีคนมาแล้ว
“คุณชายครับ มีตำรวจสองคนอยู่ด้านนอก บอกว่าอยากพบคุณนายครับ”
“พบฉันเหรอ?”
เส้นหมี่เงยหน้าขึ้นมา
แสนรัก ก็เกิดความงงงวยแวบผ่านในรูม่านตาที่ดำสนิทด้วยเช่นกัน
อีกไม่กี่นาทีต่อมา ตำรวจทั้งสองคนนั้นนำรูปถ่ายใบหนึ่งมอบให้เส้นหมี่ ในห้องรับแขก
“คุณนายเส้นหมี่ครับ ไม่ทราบว่าคุณรู้จักผู้หญิงคนนี้ไหมครับ”
“หา?”
เส้นหมี่รับมาอย่างสองจิตสองใจ
หลังจากนั้นไม่นาน สายตาของเธอ ก็มองไปทางรูปถ่ายใบนี้ ในวินาทีนั้นญท ทั้งตัวเสมือนกับว่าถูกจับจ้องด้วยอะไรบางสิ่งไว้อยู่
“ขอโทษด้วยครับคุณนายเส้นหมี่ ผู้หญิงคนนี้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลจิตเวชครับ ผู้ที่รับผิดชอบทางนั้นต่อมาถึงทราบว่า เธอไม่ใช่คนของโรงพยาบาลพวกเขาครับ สาเหตุการเสียชีวิตของเธอ ตามที่คนฝั่งนั้นกล่าวคือเพราะว่าเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง แต่เพื่อลูกในท้องแล้ว เธอจึงแอบซ่อนยาไว้มาโดยตลอด ไม่ยอมทาน ต่อมา ตอนที่คลอดลูก เธอเกิดภาพหลอนอย่างรุนแรง ตัวเองจึงหยิบมีดผ่าตัดผ่าเด็กออกมาครับ……”
ตำรวจส่งรายงานอีกหนึ่งฉบับมาข้างๆ
แสนรักก็ตะลึงเช่นกัน!
เพราะว่า เขาก็จำได้เหมือนกันว่า คนในภาพถ่ายคนนี้ เป็นผู้หญิงที่พวกเขาตามหามาตลอดทั้งสองเดือนนี้แน่นอน—พิมแสง!
“ตึง!”
เส้นหมี่หน้ามืดตาลายไปแล้ว!