บทที่ 1455 สวยใส ฉันผิดมากเกินไปแล้ว

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1455 สวยใส ฉันผิดมากเกินไปแล้ว

[สวยใส หากตอนที่เธอเห็นจดหมายฉบับนี้ งั้นฉันก็คงไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว

สวยใส ฉันขอโทษด้วยที่ต้องบอกลาเธอด้วยวิธีแบบนี้ ระยะนี้ ฉันเจ็บปวดเกินไปแล้วจริงๆ ตอนที่ฉันกำลังมีสติ มักจะเห็นว่าจับเศษกระจกในมือ หรือไม่ก็ รูเข็มทั่วเเขนของตัวเองอยู่บ่อยๆ สวยใส ฉันป่วยแล้ว ฉันก็เลยขังตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวชแห่งนี้ ฉันหวังว่าพวกเขาจะรักษาฉันได้

แต่ว่า ก็ไร้ประโยชน์ และทุกคืนหลังจากที่ฉันหลับไป แต่ก่อนในสมองเอาแต่คิดถึงมาร์ตินมาโดยตลอด กลับเปลี่ยนกลายเป็นพี่ธิปแทน

สวยใส ฉันเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ

ฉันไม่รู้ว่าสองสามปีมานี้ ฉันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่? ฉันเคยหลงรักมาร์ตินอย่างบ้าคลั่งขนาดนั้น แต่ว่าตอนที่เห็นพี่ธิปพาสาวน้อยคนนั้นกลับมาแล้ว ทันใดนั้นฉันก็ค้นพบว่า หลังจากที่กลับไปที่ตระกูลโรแกน ไม่ว่ามาร์ตินจะมีท่าทีแย่ๆต่อฉันมากแค่ไหน ฉันก็ไม่ตื่นเต้นเลยสักนิดเดียว

ในทางตรงกันข้าม ฉันกำลังเสียใจที่พี่ธิปพาสาวน้อยคนนั้นมาด้วย ฉันเห็นพวกเขาใกล้ชิดสนิทสนมกันขนาดนั้น รักกันขนาดนั้น เสมือนกับมีของบางอย่างกำลังแล่หน้าอกของฉันอย่างงั้น แม้กระทั่งเกิดความคิดที่โฉดชั่วอย่างมาก ฉันต้องการทำลายพวกเขา ไล่สาวน้อยคนนั้นออกไปเสียด้วยซ้ำ

สวยใส ฉันน่ากลัวมากไหม? และไร้ยางอายมากเลยใช่ไหม?

ใช่ ตัวฉันเองก็รู้สึกว่าเป็นบ้าไปแล้ว

ดังนั้น ฉันลาจากพวกเธอไปแล้ว ฉันคิดว่า ต้องเป็นเพราะว่าฉันและมาร์ตินเราสองคนไม่ค่อยมีความสุขกันแน่ๆเลย ฉันเห็นพี่ธิปและพวกเขารักกันมากขนาดนี้ ฉันถึงได้อิจฉาริษยา ถึงได้เกิดความคิดที่ต้องการแบบนั้นออกมา ขอเพียงแค่ฉันแยกจากมาร์ตินไปแล้ว กลับไปใช้ชีวิตของตัวเองใหม่อีกครั้ง ได้ก็คงดีนะสิ

แต่ว่า สวยใส ฉันคงทำไม่ได้แล้วล่ะ

ฉันเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ สองเดือนนี้ที่ขังตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวช ฉันแทบจะขาดอากาศหายใจทุกวัน ฉันหวนนึกถึงก่อนหน้านี้ตอนที่เราอยู่เมืองเคลียร์ครั้งแล้วครั้งเล่าในสมองราวกับเป็นบ้า หลังจากนั้นก็หมือนกับเป็นบ้าอีกครั้ง อยากจะกลับไปในเวลานั้น ที่ฉันสามารถไปขอกินข้าวที่นั่นกับเธอหลังเลิกงานได้ และตอนที่พบกับความยากลำบากอีกครั้ง ก็จะบากหน้าไปหาพี่ธิปอย่างหน้าด้านๆ

สวยใส ในที่สุดฉันก็เข้าใจเสียทีว่า ที่จริงฉันก็แค่เป็น”เด็ก”ที่ถูกพวกเธอตามใจก็เท่านั้น ในสามคนนี้ ฉันไม่ใช่น้องคนสุดท้อง แต่เป็นเพราะว่าพวกเธอทั้งสองคนดีเลิศเกินไป ภายใต้การปกป้องของพวกเธอ จึงเปลี่ยนกลายเป็นคนที่รู้จักแต่สร้างปัญหาไม่มีเหตุผลคนหนึ่ง เพราะว่าพอฉันสร้างปัญหาเสร็จแล้ว พวกเธอก็จะปิดฉากให้ฉัน หลังจากนั้นก็ตามใจฉันต่อไป

พวกเธอ เป็นดั่ง “ครอบครัว”ของฉัน

แต่ว่าคราวนี้ ฉันสร้างปัญหาอยู่ที่นั่นให้มาร์ตินเสร็จ ครอบครัว ก็ไม่เหลือแล้ว

ฉันเป็นเหมือนแต่ก่อน ที่ทนรับความไม่เป็นธรรม กลับมากอดเธอร้องไห้ไม่ได้แล้วนะ และยิ่งไม่อาจกอดแขนพี่ธิปอย่างหน้าด้านๆได้อีกต่อไป ให้เขาระบายอารมณ์ให้ฉัน แถมยังครอบครองบ้านของเขาอีก ราวกับว่าฉันต่างหากที่เป็นเจ้าของมัน ถอดรองเท้าอยู่ด้านใน เดินไปเดินมาแม้แต่เสื้อผ้าก็สวมไม่กี่ตัวอีกด้วย

ฉันคงทำไม่ได้แล้วล่ะ

สวยใส ทำไมฉันถึงมาถึงขั้นนี้ได้นะ?

สาวน้อยคนนั้นบอกว่า เพราะว่าคนที่เคยได้รับความทุกข์ยากลำบากมามากเกินไป ต้องยิ่งอดทนให้มาก ฉันคิดไปครู่หนึ่ง อันที่จริง ฉันอยู่เป็นเพื่อนเขามาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ฉันก็ทำไม่ได้

อีกทั้ง ไม่เคยไปนึกถึงคำถามนี้ด้วย

สวยใส ฉันคิดมาตลอดว่าเขานอกจากเธอแล้ว ก็คงจะไม่มีผู้หญิงคนอื่นอีก ไปชั่วชีวิตนี้ ]

“เพล้ง”

เส้นหมี่ยกแก้วน้ำอยู่ น้ำตาขนาดเท่าเม็ดถั่วสองเม็ดร่วงลงมาจากดวงตา หลังจากที่เห็นคำพูดครั้งสุดท้ายที่เขียนก่อนสิ้นชีวิตที่ยาวจนถึงพันตัวฉบับนี้ และแก้วถึงได้ตกแตกลงบนพื้นอย่างแรง

แตกเป็นชิ้นๆในพริบตา

ตอนนี้เเสนรักก็อยู่ด้านนอก พอได้ยินเสียงนี้เข้า จึงรีบเข้ามาทันที

“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“……”

ผ่านไปนานมาก เส้นหมี่น้ำตาไหลพรั่งพรูราวกับสายฝน ถึงจะหยิบแท็บเล็ตที่อยู่ในมือเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายคนนี้อย่างโศกเศร้าเสียใจ

“ดังนั้น เธอหมายความว่า ที่จริงแล้วคนที่เธอชอบมาโดยตลอดคือพี่ธิปหรอกเหรอ?”

“ใช่ครับ”

แสนรักเคยเห็นอีเมล์ฉบับนี้ตั้งนานแล้ว ดังนั้น เมื่อเธอถาม เขาก็ยืนพยักหน้าไปครู่หนึ่งอยู่หน้าเตียงของเธอ

เอ่ยจบลง เส้นหมี่ยิ่งย่ำแย่เพิ่มมากขึ้นไปอีก

งั้น……ทำไมเธอถึงไม่พูดล่ะ? หลายปีแล้ว ทำไมเธอถึงไม่พูดล่ะ? เธอยังไปหามาร์ตินนั่นอีกทำไม? สมองเธอดูท่าจะมีปัญหาเหรอ? เธอพูดเเล้ว พี่ธิปจะไม่ตอบรับหรือไง?

เธอเอ่ยถามอย่างโศกเศร้า

แสนรัก : “……”

ใครจะไปตอบคำถามนี้ได้กันล่ะ?

ผู้หญิงคนนั้นสมองดูท่าจะมีปัญหาเหรอ?

ไม่สิ เธอปล่าวสักหน่อย

เพราะว่าตอนนั้นถึงแม้ว่าเธอจะรู้เท่าทันจิตใจของตนเอง คณาธิปก็ไม่ตอบรับอยู่ดี อย่าลืมสิว่า ที่เชียนหวยนล๋ายเย่สามารถเปิดทางที่เต็มไปด้วยฝุ่นธุลีของคณาธิปได้ตั้งแต่แรกนั้น

สาเหตุที่แท้จริง คือเธอมีความละม้ายคล้ายคลึงกับผู้หญิงตรงหน้าคนนี้อยู่บ้างเท่านั้น

ดังนั้น ต่อให้พิมแสงพูดในเวลานั้น จะมีประโยชน์อะไร? เกรงว่า เธอพูดแล้ว แม้แต่ความสัมพันธ์ในตอนนี้ก็รักษาเอาไว้ไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ

แต่ในความจริงข้อนี้ หลังจากที่เธอตระหนักถึงตอนนี้ได้แล้ว สุดท้ายก็ยังคงเป็นเธอที่พ่ายแพ้ไม่เหลือชิ้นดีเหมือนเดิม ภายใต้สถานการณ์ที่ฉันไม่รู้เรื่องราว ก็ยังมีข้อสันนิษฐานที่ว่าเธอและมาร์ตินย่ำแย่ขนาดนั้นอีกด้วย

ดังนั้น นั่นน่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทับเธอจนตาย

“เธอไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษที่เขาโง่ เก็บของเถอะ เราไปอุ้มลูกของเขากลับมากัน ดีไหม?”

สุดท้ายเเสนรักก็เลือกที่จะไม่บอกความจริงออกมาเหมือนเดิม

เขานั่งอยู่ข้างขอบเตียง หลังจากที่เอื้อมมือไปเช็ดหยาดน้ำตาบนแก้มของหญิงสาวคนนี้เบาๆ และพูดจาหว่านล้อมด้วยความอ่อนโยน

กลับคาดไม่ถึงว่า พอเส้นหมี่ได้ยินสองคำว่า “ลูก” จึงยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก