บทที่ 1456 เรียกเธอว่า นานะ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1456 เรียกเธอว่า : นานะ

“งั้นอุ้มกลับมาละ? ทำยังไง? จะให้มาร์ตินไหม? เขาสองเดือนมานี้ไม่ยอมไปหาเธอเลยสักครั้ง แล้วมีสิทธิ์อะไรจะเอาเด็กคนนี้?” “ไม่ใช่ มาร์ตินคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา ก่อนที่พิมแสงจะจากไป จงใจบอกเขาว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กหลอดแก้วที่เธอทำขึ้นมา มาร์ตินจึงไม่ติดต่อกับเธออีกเลย” แสนรักอธิบายอีก เสียงสะอื้นไห้ของเส้นหมี่หยุดชะงักทันทีเหมือนโดนฟ้าผ่า เธอบ้าไปแล้วจริงๆ! หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง สองสามีภรรยาก็ออกเดินทาง ตามคำสั่งเสียในพินัยกรรมของพิมแสง พวกเขาไม่บอกมาร์ติน ส่วนทางคณาธิปนั้น ก็รู้เพียงว่าเธอโชคร้ายคลอดลูกยากจึงจากโลกนี้ไปเท่านั้น

“เธอบ้าไปแล้วหรือ? รู้อยู่ว่าตัวเองท้อง ยังจะต้องไปโน่นไปนี่ นี่เธออยากตายใช่ไหม?” หลังจากได้ยินข่าวคราวนี้แล้ว คณาธิปที่อยู่ที่บ้านก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เชียนหยวนล๋ายเย่ได้แต่มองดู แม้หายใจยังไม่กล้ามีเสียง จนกระทั่งเธอเห็นว่าของในบ้านถูกเขาขว้างปาไปหลายอย่างแล้ว ส่วนคนก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาและถูกปกคลุมไปด้วยความเศร้าโศกที่ถาโถมเข้ามา เธอจึงเดินมาหาเขา “ที่รักคะ คุณอย่าเสียใจไปเลย พี่พิมแสงเธอ…เธอมีชีวิตที่น่าเศร้า วันนั้นที่พวกเราไปที่คอนเสิร์ตฉันยังเห็นการ์ดพวกนั้นขวางเธอไม่ให้เข้าไปหาพี่มาร์ตินเลย ที่รัก……” “เอาล่ะ คุณออกไปก่อนเถอะ ให้ผมสงบสติอารมณ์หน่อย” เขาพูดตัดบทเธอด้วยเสียงอันแหบแห้งและให้เธอออกไป

เชียนหยวนล๋ายเย่ : “…………..”

เธอยืนอยู่ตรงนั้นอย่างแข็งทื่อ มองเห็นนัยน์ตาของเขาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงอยู่เนิ่นนาน จึงออกไปอย่างเป็นห่วงเป็นใย นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาเศร้าโศกเสียใจจนเป็นเช่นนี้ พี่พิมแสงนั่น น่าจะเป็นคนที่สำคัญสำหรับเขามาก หากรู้เช่นนี้วันนั้นไม่ว่าอย่างไรเธอไม่น่าจากมา เธอควรอยู่กับเธอ เช่นนั้นเธอก็จะไม่เกิดเรื่อง วันนี้สาวน้อยก็นั่งอยู่ตรงขั้นบันไดด้านนอกเป็นเพื่อนสามีของเธอทั้งวัน

อีกสองวัน ก็จะถึงวันฝังอัฐิของพิมแสงแล้ว โดยจะจัดที่สุสานที่ดีที่สุดในเมืองA สองวันมานี้อารมณ์ของเส้นหมี่ยังคงหดหู่ หากมิใช่ทารกหญิงที่อุ้มกลับมาบ้านคนนั้นต้องการการดูแลจากเธอ เธอก็ไม่รู้ว่าจะกลายสภาพเป็นเช่นไรแล้ว “หม่ามี้คะ น้องสาวคนนี้ เป็นลูกของคุณน้าพิมแสงใช่ไหมคะ?” หนูรินจังเดินมาเห็นทารกน้อยในอ้อมอกของหม่ามี้ มือน้อยๆของเธอจิ้มไปที่ใบหน้าดวงน้อยของเธอ พลางถาม เส้นหมี่พยักดวงหน้าอันขาวซีดของเธอ : “อื่อ”

หนูรินจัง : “แล้วต่อไปน้องจะอยู่ที่บ้านเราไหมคะ? หม่ามี้ หนูจะมีน้องสาวเพิ่มอีกคนแล้วใช่ไหมคะ?” เด็กน้อยไม่รู้ความ หลังจากที่น้าพิมแสงที่อยู่กับพวกเขามาตั้งแต่เล็กจากไป แม้พวกเขาจะเศร้าเสียใจ แต่เมื่อเห็นเด็กน้อยที่เพิ่งคลอดคนนี้ พวกเขาก็มีความสุข การคลอดลูกก็เหมือนชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไป วันนี้บ่ายเส้นหมี่นั่งอยู่ที่สวนดอกไม้ด้านนอกที่อยู่ชั้นสอง มองทารกน้อยที่ทั้งคิ้วและตาเหมือนเพื่อนสนิทของเธอยิ่งนัก นั่งมองอยู่อย่างนั้นทั้งบ่าย ตกดึกมีคนมาที่ด้านนอกของคฤหาสน์ แต่ไม่ใช่แสนรัก เป็นคณาธิปที่ไม่ได้มานานแล้ว “สวยใส…..” เขาเข้ามาแล้ว มองเห็นเธอที่นั่งอยู่ในสวนดอกไม้ จึงเรียกเธอจากไกลๆ เส้นหมี่เหม่อลอยอยู่ชั่วขณะ ผ่านไปนานจึงหันกลับไปมอง สวยใสชื่อนี้ ตอนนี้ที่เรียกชื่อนี้ ก็เหลือแค่คนคนนี้เท่านั้นแล้ว คนที่ดีที่สุดสามคน ตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคนแล้ว “คุณมาได้ยังไงน่ะ? พิธีศพเสร็จแล้วหรือ?” เธอมองไปที่ชุดสูทสีดำที่กลัดดอกไม้ขาวของเขา ตายิ่งรู้สึกพร่ามัวเล็กน้อย เธอจึงหันกลับมามองทารกน้อยในอ้อมอก ถูกต้อง คณาธิปบ่ายวันนี้ไปร่วมพิธีศพ สองวันมานี้ จริงๆแล้วเรื่องนี้ เขาช่วยเหลืออย่างดีมาตลอด เพียงแต่เนื่องจากบริษัทมีงานเยอะ คนที่ดูแลหลักๆ จึงกลายเป็นแสนรักไป คณาธิปยืนอยู่เบื้องหน้าหญิงสาวผู้นี้ สายตาเขามองไปยังใบหน้าที่ขาวซีดจนน่าตกใจของเธอ : “สวยใส สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย ยังไงก็ต้องดูแลสุขภาพนะ”

เส้นหมี่ : “……อื่อ”

คณาธิป : “…………”

ในที่สุด เขาก็ละสายตาจากเธอไปยังทารกหญิงที่อยู่ในอ้อมอกของเธอ เช่นเดียวกับเส้นหมี่ หลังจากที่เขามองดูใบหน้าของเธอแล้ว ก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว สายตาทั้งคู่มองไปที่ใบหน้าน้อยๆอย่างตกตะลึง เธอช่างเหมือนแม่ของเธอเสียจริงๆ ดวงตาคู่โต จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม ล้วนแล้วแต่เหมือนแม่ของเธอ ทั้งน่ารักและงดงาม มองดูก็รู้ว่าเป็นคนที่สวยคนหนึ่ง “น่ารักไหม?” “น่ารัก!” คณาธิปถอดแว่นออกแล้วเบือนหน้ามองไปทางอื่น เวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง เมื่ออารมณ์ของทั้งคู่สงบลงแล้ว คณาธิปจึงสวมแว่นอีกครั้ง จากนั้นจึงนั่งลงข้างๆเธอ

“สวยใส ต่อไป คุณจะทำอย่างไรกับเด็กคนนี้? คุณจะส่งไปให้มาร์ตินไหม?” “คุณรู้หรือว่าเธอเป็นลูกของมาร์ติน?” เส้นหมี่มองเขาอย่างแปลกใจ คณาธิปพยักหน้า : “แน่นอนละ แม้พิมแสงจะเหลวไหล แต่ไม่ถึงกับไร้เหตุผลขนาดนั้น ที่เธอบอกเช่นนั้น คงจะเพื่อยั่วโมโหมาร์ติน เขาจะได้ไม่คิดถึงเธออีก” “อือ” เส้นหมี่ก็เห็นด้วยเช่นกัน สายตามองไปที่ทารกน้อยอีกครั้ง