บทที่ 1415 กลับบ้าน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,415 กลับบ้าน

ความไร้เดียงสาของเด็กหญิงทำให้ผู้คนรู้สึกหมองเศร้า

หลินเป่ยเฉินประคองมือของฉินเฉียนเซวียนด้วยความอ่อนโยนและกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วงนะ เฉียนเซวียนน้อย อาจะต้องพาบิดาของเจ้ามาพบเจ้าแน่นอน”

ไม่ว่าอย่างไร ฉู่ฮันหลานก็ถือได้ว่ามาเสียชีวิตอยู่ในคฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝูและนางก็เป็นเพื่อนสนิทของชิงเล่ย หลินเป่ยเฉินจึงคิดว่าตนเองติดค้างคำอธิบายต่อเด็กหญิงฉินเฉียนเซวียนอยู่ไม่น้อย

ต่อให้ถูกจับกุมตัวอยู่ แต่ฉินโซวก็ต้องถูกนำตัวมาพบบุตรสาวของตนเองให้ได้

“ขอบคุณท่านอามากเจ้าค่ะ”

ฉินเฉียนเซวียนลังเลเล็กน้อย แต่ก็เลียนแบบอันอันด้วยการโอบแขนกอดรอบลำคอหลินเป่ยเฉิน และหอมแก้มเขาเสียงดัง ‘ม้วฟ’

“ข้าน้อยจะดูแลอันอันเป็นอย่างดี”

เด็กหญิงจับมืออันอันผู้ที่มีอายุน้อยกว่าตนเองแนบแน่น ดวงตาเป็นประกายสดใส พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง

“เด็กดี”

ชิงเล่ยเดินเข้ามาสวมกอดเด็กหญิงทั้งสองคน

บัดนี้ พวกนางคือชีวิตของชิงเล่ย

หลินเป่ยเฉินเฝ้ามองด้วยความซาบซึ้งใจ

แต่แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป เด็กหนุ่มรีบหมุนตัวออกมาด้วยความรวดเร็ว

เวลาเดินทางคือบ่ายวันนี้แล้ว

ท้องฟ้าของเมืองเยี่ยเฉิงยังคงแบ่งแยกเป็นครึ่งขาวครึ่งดำดังเดิม

และบัดนี้ ใต้เท้ากั้วกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ในวิหารใหญ่ จ้องมองหลินเป่ยเฉินเดินเข้ามาหาตนเองพร้อมกับพูดว่า “เจี๋ยนเซียวเหยา บัดนี้เจ้าช่างปีกกล้าขาแข็งยิ่งนัก ถึงกับกล้ามาบุกรุกถิ่นของข้าโดยไม่แจ้งล่วงหน้าเชียวรึ?”

หลินเป่ยเฉินยิ้มแย้มด้วยความแจ่มใส ตอบรับกลับไปว่า “นี่เรียกว่าการบุกรุกอะไรกัน ถึงอย่างไรพวกเราก็พี่น้องกันทั้งนั้น ความโกรธเคืองในอดีต ท่านยังไม่ปล่อยวางอีกหรือ?”

“นั่นมันความคิดของเจ้า แต่ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นด้วย”

ใต้เท้ากั้วตอบกลับมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

เขามีร่างกายสูงใหญ่สมส่วน ใบหน้าคมเข้ม กรามเด่นเป็นสันนูน หากไม่ใช่บุรุษผู้หล่อเหลาที่สุดในเมืองเยี่ยเฉิง ก็ต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

“ถึงท่านไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่ข้าก็อยากให้ท่านคิดเช่นนั้นแล้ว”

หลินเป่ยเฉินยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ใต้เท้ากั้ว ถึงอย่างไรพวกเราก็รับใช้ท่านมหาเทพเหมือนกัน มีประโยชน์อะไรที่พวกเราจะมาขัดแย้งกันเองเช่นนี้? ที่วันนี้ข้ามาที่นี่ ก็เพราะหวังว่าพวกเราจะยังพอพูดคุยกันได้”

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของใต้เท้ากั้ว “หืม? เจ้าอยากจะพูดคุยเรื่องอะไร?”

หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่มและเดินขึ้นบันไดหินไปหยุดยืนอยู่หน้าบัลลังก์ของใต้เท้ากั้ว “พูดคุยเรื่องความร่วมมือ”

“ความร่วมมืออย่างนั้นหรือ?”

“ถูกต้องแล้ว ตัวข้านั้นถือเป็นเพียงเทพเจ้าหน้าใหม่ ไม่มีรากฐานพลังที่เหมาะสม ย่อมไม่สามารถปลดผนึกวงแหวนเทพเจ้า เพราะฉะนั้น ข้าจึงวางแผนที่จะเก็บตัวหลอมรวมพลังอย่างไม่มีกำหนด เพราะฉะนั้น ข้าจึงอยากฝากให้ท่านช่วยดูแลพรรคพวกและผู้ติดตามของข้าด้วย ท่านเป็นคนที่สนิทสนมกับข้ามากที่สุด ไม่ทราบว่าความขัดแย้งระหว่างพวกเราก่อนหน้านี้ ท่านจะสามารถลืมเลือนไปได้หรือไม่?”

“…”

“ใต้เท้ากั้วท่านอย่าได้มองข้าด้วยสีหน้าเช่นนั้น ข้าเจี๋ยนเซียวเหยาคือสุภาพบุรุษตัวจริง เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ทั้งหมดที่พูดออกไปล้วนเป็นความจริงที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจทั้งสิ้น”

“เจ้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”

“ความจริง ข้าอยากจะมาปรึกษากับท่าน เหตุไฉนพวกเราถึงไม่ทำเช่นนี้ล่ะ…”

หลินเป่ยเฉินโน้มตัวเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูใต้เท้ากั้ว

ไม่มีผู้ใดทราบว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน

แต่ความตึงเครียดบนสีหน้าแววตาของใต้เท้ากั้วพลันจางหายไป มิหนำซ้ำ มุมปากยังยกตัวเป็นรอยยิ้มอีกด้วย

ครึ่งชั่วยามให้หลัง หลินเป่ยเฉินก็พาตัวชิงเล่ยกลับไปที่คฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน

และนับจากนั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างวิหารใต้เท้ากั้วกับคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนก็ได้รับการฟื้นคืนมา และไม่มีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนทั้งสองฝ่ายอีกต่อไป

บังเกิดข่าวลือว่าทุกครั้งที่ใต้เท้ากั้วพูดถึงเจี๋ยนเซียวเหยา เทพเจ้าร่างยักษ์ก็จะกล่าวถึงเทพเจ้าหนุ่มด้วยความเคารพเทิดทูนเป็นอย่างสูง อีกทั้งยังแสดงออกถึงความสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาอีกด้วย

เวลาของหลินเป่ยเฉินในดินแดนทวยเทพกำลังจะหมดลงแล้ว

บรรยากาศตึงเครียด

ผู้ติดตามของเขาทุกคนถูกเรียกมารวมตัวกันในวิหารใหญ่

หลินเป่ยเฉินนั่งอยู่บนบัลลังก์ เมื่อจ้องมองเทพเจ้าที่มารวมตัวกันหนึ่งร้อยแปดชีวิต หัวใจก็อดรู้สึกภาคภูมิขึ้นมาไม่ได้

ยังจะมีใครแข็งแกร่งมากไปกว่าเขาอีก?

หลินเป่ยเฉินแทบอยากจะลุกขึ้นมายืนชูคอด้วยความหยิ่งผยอง

เขาไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดอีกแล้ว

หากได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อย หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าตนเองจะต้องยึดครองเมืองเยี่ยเฉิงได้อย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่เขาต้องจากไปแล้ว เพราะฉะนั้น เรื่องราวบางอย่างจึงต้องจัดการให้แล้วเสร็จ

หลินเป่ยเฉินกำลังจะกำหนดหน้าที่ของแต่ละคน

ก่อนจากไป หลินเป่ยเฉินต้องกำหนดหน้าที่ของแต่ละคนในวิหารของตนเองให้แน่ชัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแย่งชิงอำนาจเป็นการภายในเมื่อเขาไม่อยู่

และเขาก็ต้องอธิบายเหตุผลที่ตนเองกำลังจะหายตัวไป

“ขะ…”

ฮึ!

เพียงคำแรกเด็กหนุ่มก็สะดุดซะแล้ว

“ข้าเพิ่งได้รับตำแหน่งใต้เท้าใหญ่เป็นครั้งแรก น่าเศร้าที่รากฐานพลังยังไม่มั่นคง จึงเกิดเป็นปัญหาภายในร่างกายขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นข้าจึงต้องเก็บตัวหลอมรวมพลังอย่างไม่มีกำหนด”

“เมื่อข้าเก็บตัวแล้ว ขอให้พวกเจ้าร่วมมือกันปกป้องคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนแห่งนี้เป็นอย่างดี”

“นับจากวันนี้ไป จะมีผู้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นผู้ควบคุมคฤหาสน์หลังนี้แทนข้าและคนผู้นั้นก็คือ…”

“อดีตคนบาปจุ่ยถู เขาเป็นผู้ที่ได้ครอบครองบัลลังก์แทนข้าโดยสมบูรณ์ คำสั่งของเขาเทียบเท่ากับคำสั่งของข้า หากมีผู้ใดคิดคัดค้าน มันผู้นั้นก็จะไม่ใช่คนของเราอีกต่อไป”

เสียงพูดของเด็กหนุ่มดังก้องกังวานไปทั่ววิหาร

เทพเจ้าผู้ติดตามหลินเป่ยเฉินต่างก็ก้มหน้ารับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง

หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อไปว่า

“เฉียนหลง กวนรั่วเฟย ซือเกินตั๋ง มู่หลินเซินและลู่ปิงเหวิน พวกเขาคือห้าขุนพลพยัคฆ์มังกรมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนและสำนักโอสถเป่ยเฉิน ถือเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดรองลงมาจากจุ่ยถู…”

“หลี่อี้เทียนจะรับตำแหน่งเป็นนักเวทฝ่ายซ้ายประจำวิหาร มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายนอก…”

“ฮันลั่วเซวี่ยจะรับตำแหน่งเป็นนักเวทฝ่ายขวาประจำวิหาร มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายใน…”

“ชิงเล่ยคือผู้ดูแลสูงสุดของสำนักโอสถเป่ยเฉิน และยังรับผิดชอบเรื่องการจำหน่ายสมุนไพรวิเศษ โอสถรักษาโรค และทรัพยากรสำหรับการฝึกวิชาทุกชนิด…”

“รับทราบขอรับ…”

“รับทราบเจ้าค่ะ…”

เสียงรับคำสั่งดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถงใหญ่

ทุกคนต่างก็รับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง

ตำแหน่งผู้ติดตามของใต้เท้าฉางที่ว่างเปล่าลงไปนั้น เทพเจ้าหน้าใหม่กลุ่มนี้สามารถเข้ามาเติมเต็มได้อย่างสมบูรณ์

และสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากกว่านั้นก็คือ ทุกคนมีความซื่อสัตย์ภักดีต่อหลินเป่ยเฉิน ไม่เคยตั้งคำถามกับการตัดสินใจของเขาเลยสักครั้ง

เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว

นี่ไม่ต่างจากหลินเป่ยเฉินตั้งบริษัทขึ้นมาบริษัทหนึ่ง ตัวเขานั้นเป็นประธานบริษัท ส่วนบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรจากบรรดาผู้บริหาร ผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้าแผนกและที่ปรึกษาพิเศษนั่นเอง

บรรยากาศที่ตึงเครียดจึงผ่านพ้นไป

‘รถยนต์ที่ท่านจองไว้กำลังจะมาถึงในอีกสามนาที และเพื่อไม่ให้คนขับต้องเสียเวลารอ กรุณาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทาง หากผู้โดยสารปล่อยให้คนขับต้องเสียเวลารอนานมากเกินไป ทางแอปพลิเคชันอาจมีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม’

ข้อความแจ้งเตือนจากแอปแท็กซี่ตี๋น้อยเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ

ในห้องลับของคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน หลินเป่ยเฉินยืนเคียงคู่อยู่กับไต้จือฉุน

“พี่ไต้ พวกเรากำลังจะได้กลับบ้านกันแล้ว”

หลินเป่ยเฉินย้ำเตือน

ไต้จือฉุนรับคำในลำคอและไม่พูดอะไรอีก

เขากำลังจะได้กลับไปเจอหน้าภรรยาและบุตรสาวแล้วใช่หรือไม่?

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

หลังจากนั้นไม่นาน ประตูมิติที่เป็นวังน้ำวนสีดำก็ปรากฏขึ้นบนเพดานห้องลับ

“เอาล่ะ”

หลินเป่ยเฉินพูด “พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”