ตอนที่ 2907

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,907 : ปัดความรับผิดชอบ

 

 

“มัน…มันเป็นผู้ใดกันแน่!?”

 

“เมื่อครู่…ดูเหมือนท่านบรรพบุรุษจะเรียกมันว่าต้วนหลิงเทียน?”

 

“ต้วนหลิงเทียน?”

 

“ต้วนหลิงเทียน…ชื่อนี้ไฉนคุ้นหูข้านักนะ?”

 

“ช้าก่อน! ต้วนหลิงเทียนนั่น…มิใช่นามของหัวหน้าปรมาจารย์โอสถนิกายอมตะไท่อี ที่โด่งดังไปทั่วภาคตะวันออกเฉียงใต้ หลังจบงานสมัชชาเต๋าโอสถครั้งล่าสุดรึไง?”

 

“ใช่! เป็นมัน! ข้าจำได้…ว่าหัวหน้าปรมาจารย์โอสถของงนิกายอมตะไท่อีเรียกว่าต้วนหลิงเทียน ข้าก็ว่าแล้วเชียวว่าไฉนชื่อมันถึงได้คุ้นหูข้านัก!”

 

“แต่ต้วนหลิงเทียนคนนี้ จะใช่คนๆเดียวกับต้วนหลิงเทียนผู้นั้นเหรอ?”

 

“นั่นสิ พวกเจ้าเพ้อไปแล้วรึไร! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่หัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายยอมตะไท่อียังมีอายุไม่ถึงร้อยปีคนนั้น เป็นถึงปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงที่ได้รับการยอมรับว่ายอดเยี่ยมที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงใต้เลย…ต่อให้จะไม่ได้ให้ไม่ได้มุ่งมั่นในหนทางโอสถ แต่เลือกจะทุ่มเทให้กับการฝึกตน ก็ไม่มีทางมีพลังระดับนี้ได้ทั้งที่ยังอายุไม่ถึงร้อยปี!!”

 

“ข้าเห็นด้วย…พลังความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนคนนี้ อย่างน้อยๆก็ต้องบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ อีกทั้งท่าจะไม่ใช่แค่ราชาอมตะธรรมดาๆอีกด้วย ไม่งั้นคงไม่อาจฆ่าบรรพบุรุษหลี่ผิงได้อย่างง่ายดายหรอก!”

 

“เมื่อครู่ดูเหมือนท่านบรรพบุรุษจะใช้ ระฆังหมื่นอักขระ อันเป็น 1 ใน 2 อุปกรณ์อมตะระดับราชาของนิกายอมตะสราญรมย์พวกเราออกมาแล้วด้วยซ้ำ แต่กลับไม่อาจต้านทานการลงมือของต้วนหลิงเทียนผู้นี้ได้…ข้าเชื่อว่าอย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนผู้นี้ก็ต้องเป็นถึงราชาอมตะ 3 ศักดิ์!”

 

“ข้าก็คิดเหมือนกัน เพราะเมื่อครู่ตอนต้วนหลิงเทียนผู้นี้ลงมือ ยังไม่ได้ใช้อาวุธอมตะอะไรด้วยซ้ำ!”

 

 

เหล่าศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์ที่ถอยห่างมากพอและรอดชีวิตมาได้ มองจ้องต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างเหนือฟ้าด้วยความหวาดกลัว สนทนากันอย่างแตกตื่น

 

“ยอดฝีมือราชาอมตะอันทรงพลังเช่นมันมาทำอะไรที่นิกายเรากันแน่!?”

 

“มัน…มันคงไม่ได้มาเพื่อฆ่าล้างนิกายเราหรอกนะ ไม่งั้นพวกเราได้ตายตกกันหมดแน่!”

 

“ตัวตนเช่นมัน คงไม่คิดจะลดตัวลงมาเข่นฆ่าพวกเราใช่ไหม?”

 

 

เนื่องจากศิษย์เหล่านี้ยังไม่ล่วงรู้ถึงจุดประสงค์การมาของต้วนหลิงเทียน ทำให้พวกมันกลัวต้วนหลิงเทียนจะฆ่าพวกมันจับใจ

 

หลังได้เห็นการลงมือของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ พวกมันก็รู้ดีถึงเรื่องหนึ่ง

 

หากต้วนหลิงเทียนคิดฆ่าล้างนิกายอมตะสราญรมย์จริงๆ ต่อให้ประมุขกับระดับสูงของนิกายจะผนึกกำลังต้านทาน  แต่เกรงว่าคงไม่อาจปกป้องคุ้มภัยให้พวกมันได้

 

กระทั่งบรรพบุรุษหลี่ผิง ที่พึ่งทะลวงถึงราชาอมตะยังตายคามือต้วนหลิงเทียนอย่างไร้หนทางตอบโต้ไม่ใช่หรือไร?

 

เช่นนั้นพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนร้ายกาจถึงขนาดไหน พวกมันย่อมจินตนาการออกได้ไม่ยาก!

 

ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันรู้สึกว่า หากต้วนหลิงเทียนต้องการ ก็คงสามารถทำลายล้างนิกายอมตะสราญรมย์ได้ง่ายดาย!

 

“ตอนนี้ก็ถึงเวลาคิดบัญชีระหว่างเราแล้ว…”

 

ในขณะที่เหล่าศิษย์มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความวิตกกังวลนั้น ต้วนหลิงเทียนที่ไม่ได้สนใจอะไรพวกมันแม้แต่น้อย ก็มองผ่านอากาศไปจดจ้องยังกลุ่มระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ อันมีหลิวเสวียนคงผู้เป็นประมุขเหินร่างนำหน้า

 

พอถูกต้วนหลิงเทียนหันมามอง ระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ก็รู้สึกเสมือนหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที หน้าเปลี่ยนสีไปดูไม่ได้

 

“ต้วน…ปรมาจารย์โอสถต้วน…เหตุผลที่บรรพบุรุษหลี่อันของนิกายอมตะสราญรมย์เดินทางไปนิกายอมตะไท่อีของพื้นที่รกร้าง เพราะคิดฆ่าท่านล้างแค้นส่วนตัว หาได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราไม่ อีกทั้งนี่ยังไม่ใช่การตัดสินใจของนิกายอมตะสราญรมย์เรา ขอท่านอย่าได้เข้าใจผิด…”

 

อาวุโสจีวรเงินด้านหลังหลิวเสวียนคงก้าวออกมากล่าวคำกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าวิตกกังวล

 

และทันทีที่มันเอ่ยยวาจานี้ออกมา หลิวเสวียนคงกับระดับสูงคนอื่นๆก็ตาลุกวาวจ้า เร่งเผยท่าทีเห็นด้วยกับวาจาดังกล่าวเร็วไว

 

ถึงแม้พวกมันจะเห็นพ้องต้องกันในการประชุม เรื่องกำจัดต้วนหลิงเทียน

 

แต่ตอนนี้ไหนเลยพวกมันจะยอมรับเรื่องนั้นออกมา

 

เพราะหากพวกมันยอมรับ พวกมันก็ไม่พ้นต้องตามหลี่ผิงไปเมืองผีโดยไม่ต้องสงสัยเลย

 

และกระทั่งหลี่ผิงบรรพบุรุษของพวกมันที่ทะลวงถึงราชาอมตะแล้วยังถูกฆ่าตายง่ายๆ เช่นนั้นหากต้วนหลิงเทียนคิดเข่นฆ่าพวกมันขึ้มาจริงๆ ย่อมง่ายดายไม่ต่างอะไรจากตัดหญ้าฆ่าไก่ ไม่เห็นทางรอดแม้แต่สายเดียว…

 

ด้วยพลังความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน ย่อมฆ่าพวกมันให้ตกตายหมดสิ้น ก่อนที่พวกมันจะทันได้หนีไปไหนไกลด้วยซ้ำ

 

“ใช่แล้ว!”

 

ครู่ต่อมาอาววุโสระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์อีกคนก็กล่าวเสริม “ปรมาจารย์โอสถต้วน ที่หลี่อันไปนิกายอมตะไท่อีเพื่อฆ่าท่าน หาได้มีใดเกี่ยวข้องกับพวกเราไม่…มันคิดว่าท่านหยิ่งผยองเกินไปในงานสมัชชาเต๋าโอสถครั้งที่ผ่านมา และท่านยังข่มขู่มันจนมันไม่ทำอะไรไม่ได้ จึงเกิดเป็นความแค้นต่อท่าน…”

 

“ก่อนหน้านี้เป็นมันยังกริ่งภูมิหลังของท่านที่ภาคกลางจึงมิลงมือทำอะไร พอกลับมาจากงานสมัชชาเต๋าโอสถ หลี่อันก็ได้ใช้หน่วยข่าวกรองสืบหาภูมิหลังของท่าน จนในที่สุดมันก็ยืนยันได้ว่าปรมาจารย์โอสถต้วนไร้ภูมิหลังอันใด ก็เลยเดินทางไปนิกายอมตะไท่อีพร้อมจี้ฟ่านเพื่อเข่นฆ่าท่านล้างแค้น”

 

กล่าวถึงท้ายประโยค อาวุโสคนดังกล่าวก็เหลือบไปมองจี้ฟ่านที่อยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา “ที่สำคัญ จี้ฟ่านผู้นั้นยังเป็นตัวตั้งตัวตีที่คอยยุยงส่งเสริมหลี่อันให้ฆ่าท่าน…ที่มันกล่าวอ้างต่อท่านว่าพวกเราหารือกันและตกลงว่าจะฆ่าท่านนั้น มันก็แค่คิดจะปัดสวะให้พ้นตัว หมายเอาตัวรอดเท่านั้น!!”

 

กล่าวถึงค่อนประโยค อาวุโสคนดังกล่าวก็หันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสีหน้าจริงจัง คล้ายพยายามให้ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความจริงใจ

 

“ผายลมสุนัขมารดาเจ้า!!”

 

ทว่าแทบจะพร้อมกันกับที่อาวุโสคนดังกล่าวพูดจบคำ จี้ฟ่านที่พึ่งเก็บลูกแก้วเงาลอยเสร็จ ก็สะดุ้งโหยงโพล่งคำผรุสวาทออกมาปานกระต่ายถูกเหยียบหาง หันไปถลึงตามองจ้องอาวุโสที่พูดด้วยสายตาดุร้ายปานยักษ์มาร

 

“อาวุโสหยวน เจ้ามีปากก็พล่ามไปเรื่อย!”

 

“ข้ายอมรับว่าข้าได้เห็นชอบเรื่องฆ่าปรมาจารย์โอสถต้วนจริง…แต่กระนั้นไม่ใช่คนเดียวที่เห็นดีเห็นงามเรื่องฆ่าท่านปรมาจารย์โอสถต้วน หากเจ้าคิดจะโบ้ยให้ข้าเป็นผู้ร้ายแค่คนเดียว ข้าไม่มีวันยอมรับ!”

 

“หม้อก้นดำนี้อย่าหวังว่าจะโยนมาให้ข้าแบกมันแต่เพียงผู้เดียว!”

 

กล่าวถึงจุดนี้สีหน้าของจี้ฟ่านก็เย็นชาปานมีชั้นน้ำแข็งเคลือบทับ

 

“จี้ฟ่าน! เห็นชัดว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเจ้า กระนั้นเจ้ายังคิดจะลากพวกเราลงน้ำ…พวกเราลองไถ่ถามตัวเองดู ก็พบว่ามิเคยทำอันใดให้เข้าขุ่นเคืองสักครั้ง หรือไม่ใช่?”

 

“จี้ฟ่านเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเจ้าอย่าได้ปัดความรับผิดชอบอีกเลย เห็นชัดว่าคนที่ยืนกรานจะเข่นฆ่าปรมาจารย์โอสถต้วนให้จงได้ก็มีแค่เจ้ากับหลี่อันสองคนเท่านั้น ไฉนมาเกี่ยวข้องกับพวกเราได้?”

 

“จี้ฟ่าน เจ้าอย่าได้คิดว่าจะหลอกท่านปรมาจารย์โอสถต้วนได้ง่ายๆ…ด้วยความฉลาดเฉลียวของท่านปรมาจารย์โอสถต้วน มีหรือจะมองไม่ออกว่าเรื่องทั้งหมดล้วนมีแค่เจ้ากับหลี่อันเป็นต้นเหตุ?”

 

 

เมื่อถึงช่วงเวลาที่ความตายกร้ำกรายเข้ามาใกล้แค่ปลายจมูก นอกจากประมุขนิกายอมตะสราญรมย์หลิวเสวียนคงที่ยังไม่พูดอะไรสักคำแล้ว ระดับสูงที่เหลือพากันชี้นิ้วกล่าวโทษจี้ฟ่านหมดสิ้น

 

ในวาจานั้น เห็นได้ชัดว่าคิดชักนำเภทภัยจากบูรพาไปประจิม หมายโบ้ยให้จี้ฟ่านรับเคราะห์แต่เพียงผู้เดียว!

 

“ปรมาจารย์โอสถต้วน?”

 

“เหล่าผู้อาวุโส…เรียกชายที่มีนามว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้ว่าปรมาจารย์โอสถต้วนเช่นนั้นหรือ?!”

 

“ยิ่งไปกว่านั้น…ผู้อาวุโสยังกล่าวทำนองว่าชายหนุ่มผู้นี้ก็คือปรมาจารย์โอสถต้วนของนิกายอมตะไท่อี!”

 

“นี่…มัน..คงมิใช่จะเป็นหัวหน้าปรมจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อีของพื้นที่รกร้างจริงๆหรอกนะ?”

 

“เป็นไปไม่ได้! ปรมาจารย์โอสถต้วนนั่นอายุไม่ถึงร้อยปี ลำพังแค่บรรลุถึงปรมจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงก็ยากเย็นแล้ว…ยังจะให้พลังฝึกปรือบรรลุราชาอมตะอีกหรือ เจ้าล้อข้าเล่นรึไร?”

 

 

เหล่าศิษย์ของนิกายอมตะสราญรมย์ที่ยังรอดชีวิตลอยร่างอยู่เบื้องล่างไกลห่าง หลังได้ยินเสียงอาวุโสด้านบนดังลงมา และพบว่าต่างเรียกหาชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้นว่าปรมาจารย์โอสถต้วน พวกมันก็ตกตะลึงกันถ้วนหน้า

 

เท่าที่พวกมันทราบบ

 

ปรมาจารย์โอสถต้วนของนิกายอมตะไท่อีจากพื้นที่รกร้าง มีชื่อแซ่เต็มๆว่าต้วนหลิงเทียน และถึงแม้ว่าจะอายุไม่ถึงร้อยปี แต่ก็เป็นถึงปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงแล้ว อีกทั้งในงานสมัชชาเต๋าโอสถที่พึ่งผ่านมา ยังได้รับการยอมรับจากทุกคนว่าเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงที่โดดเด่นที่สุดใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้

 

นอกจากเรื่องเหล่านี้ พวกมันก็ไม่ได้ล่วงรู้อะไรเกี่ยวกับปรมาจารย์โอสถต้วนของนิกายอมตะไท่อีอีกเลย

 

“ไม่น่าจะเป็นไปได้…หากมันเป็นปรมจารย์โอสถต้วนผู้นั้นจริง จะไม่เหลือเชื่อไปหน่อยหรือ?”

 

“นั่นสิ! อายุไม่ถึงร้อยแค่เป็นปรมจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงก็ยากแล้ว แต่ยังจะให้เป็นราชาอมตะอีกเหรอ ใต้หล้ามีสัตว์ประหลาดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

“ข้าเองก็คิดว่า เรื่องพรรค์นั้นมันเป็นไปไม่ได้เช่นกัน!”

 

“แล้วพวกเจ้าว่าในโลกมีเรื่องบังเอิญถึงขนาดนี้อยู่ด้วยรึไง ไม่ได้ยินรึว่าเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงก็บอกแล้ว ว่าปรมาจารย์โอสถต้วนผู้นี้มีเรื่องบาดหมางกับหลี่อันและจี้ฟ่านในงานสมัชชาเต๋าโอสถ…เท่าที่ข้ารู้ ในงานสมัชชาเต๋าโอสถมีปรมาจารย์โอสถต้วนแค่คนเดียว และมีชื่อแซ่เต็มๆว่า ต้วนหลิงเทียน มิใช่หรือไร”

 

“หรือว่า… มันคือต้วนหลิงเทียนคนนั้นจริงๆ?”

 

“นี่…เรื่องแบบนี้…มันจะไม่เหลือเชื่อเกินไปหน่อยรึไร?”

 

หลังเหล่าศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์กระซิบคุยกันต่อไปได้สักพัก พวกมันก็เริ่มตระหนักได้ว่า…

 

ชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่อย่างน้อยๆก็สมควรเป็นราชาอมตะ 3 ยศ ที่แท้เป็นคนๆเดียวกันกับต้วนหลิงเทียน หัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อี!

 

“หึ!”

 

เห็นว่าเหล่าระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์กำลังสาดโคลนใส่จี้ฟ่าน ต้วนหลิงเทียนที่เบื่อจะฟัง อยู่ๆก็สบถคำเสียงเย็นออกมา พาลให้ระดับสูงนิกายอมตะสราญรมย์พร้อมใจกันปิดปากเงียบลงทันที

 

“ปรมาจารย์โอสถต้วน”

 

ตอนนี้เองจี้ฟ่านก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าหนักอึ้ง “วันนี้ต่อให้ท่านปรมาจารย์โอสถต้วนคิดฆ่าข้าจี้ฟ่าน แต่ข้าก็ยังจะขอยืนยันกับท่านเรื่องหนึ่ง…ผู้ที่ตกลงเห็นชอบเรื่องฆ่าท่าน นอกจากข้าแล้วยังมีพวกมันด้วย!”

 

ขณะกล่าวถึงท้ายยประโยค จี้ฟ่านก็หันไปมองระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

“จี้ฟ่าน! เจ้ารนหาที่ตายเองแท้ๆ แต่ยังคิดจะดึงพวกเราไปเกี่ยวอีกหรือ?”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของจี้ฟ่าน ระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ที่พึ่งเงียบไปก็โพล่งขึ้นมาอีกครั้ง แลดูมีโมโหนัก

 

“ปรมาจารย์โอสถต้วน ขอท่านอย่าได้หลงเชื่อวาจาเหลวไหลของจี้ฟ่าน…ตอนนี้มันมิต่างอันใดกับไหที่ตกแตกแล้ว แต่ยังอยากได้เบาะรองอีกสองสามชั้น!”

(เสียหายไปแล้ว แต่ยังอยากจะสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น)

 

“ใช่แล้วปรมาจารย์โอสถต้วน…วาจาเหลวไหลไร้แก่นสารของมัน ขอท่านอย่าได้หลงเชื่อ”

 

“ปรมาจารย์โอสถต้วน…”

 

 

ตอนนี้เหล่าระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์พยายามโน้มน้าวต้วนหลิงเทียนให้เชื่อสุดชีวิต หน้าผากของพวกมันปรากฏเหงื่อเย็นผุดซึมเป็นสาย

 

“ประมุขหลิว…เจ้ามีอะไรจะพูดไหม?”

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจอะไรเหล่าระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์แม้แต่น้อย เพียงหันไปมองถามหลิวเสวียนคง ประมุขนิกายอมตะสราญรมย์ที่เงียบมาจนถึงบัดนี้

 

“ปรมาจารย์โอสถต้วน ทุกอย่างเป็นดั่งที่ผู้อาวุโสระดับสูงกล่าว…เรื่องทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของศิษย์อกตัญญูจี้ฟ่านกับหลี่อันอาจารย์ของข้า 2 คน…”

 

ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน หลิวเสวียนคงที่เงียบมาตลอดก็จำต้องปริปากกล่าวคำออกมาเสียงหนัก

 

“แน่นอนว่าหากปรมาจารย์โอสถต้วนคิดว่า การฆ่าอาจารย์ข้าหลี่อันกับคนทรยยศอย่างจี้ฟ่านแล้ว ท่านยังไม่สาแก่ใจและหายแค้น…เช่นนั้นท่านก็ฆ่าข้าอีกคนหลังสำเร็จโทษจี้ฟ่านเถอะ!”