ตอนที่ 2908

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,908 : จุดจบ

 

 

“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจฆ่าปรมาจารย์โอสถต้วนท่าน…อย่างไรก็ตามจี้ฟ่านก็เป็นศิษย์น้องเล็กของข้า อีกทั้งหลี่อันก็เป็นอาจารย์ของข้า เช่นนั้นข้าเองก็มีส่วนรับผิดชอบเช่นกัน”

 

หลิวเสวียนคงมองต้วนหลิงเทียน เอ่ยออกเสียงขรึม “แตข้าหวังว่าปรมจารย์โอสถต้วน จะปล่อยอาวุโสของนิกายอมตะสราญรมย์ที่เป็นผู้บริสุทธิ์ไป…”

 

“ฮ่าๆๆๆ…!!”

 

แทบจะทันทีที่หลิวเสวียนคงกล่าวจบคำ จี้ฟ่านที่อยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า “หลิวเสวียนคง แม้ข้าจะเป็นศิษย์น้องเล็กเจ้ามาหลายปี แต่ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าที่แท้เจ้าเองก็มีฝีมือย่อยด้านการเสแสร้งเช่นนี้”

 

“เรื่องสังหารปรมาจารย์โอสถต้วน เห็นชัดว่าไม่เพียงข้ากับหลี่อันตัดสินใจ แต่ยังมีเจ้ากับระดับสูงของนิกายอมตสราญรมย์ทั้งหมด! วันนั้นไม่ใช่พวกเจ้าก็เห็นดีเห็นงามไม่คิดคัดค้านอันใดหรือไง? แต่พอมาวันนี้ ไฉนเจ้าคิดจะโยนความผิดทั้งหมดให้ข้ากับหลี่อันซะเล่า?”

 

“ยิ่งไปกว่านั้น ไฉนเจ้าไม่เริ่มกล่าวเรื่องไม่ได้เห็นชอบฆ่าปรมาจารย์โอสถต้วนแต่แรกเล่า? มาพล่ามอันใดหลังปรมาจารย์โอสถต้วนเข่นฆ่าหลี่ผิงไปแล้ว?”

 

กล่าวจบคำ จี้ฟ่านก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง

 

“ปรมาจารย์โอสถต้วน ขอท่านอย่าได้ฟังวาจาเหลวไหลของมัน!”

 

“ปรมาจารย์โอสถต้วน จี้ฟ่านมันโกหกท่าน!”

 

 

เมื่อได้ยินจี้ฟ่านกล่าวแฉว่าพวกมันไม่เคยคัดค้านเรื่องฆ่าต้วนหลิงเทียน เหล่าระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ก็เริ่มร้อนใจ เร่งกล่าวแก้ต่างหมายเอาตัวรอด

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเบื่อจะฟังพวกมันแถเอาตัวรอดแล้ว

 

และต่อให้ระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์เหล่านี้จะแถมากแค่ไหน ให้พยายามโทษจี้ฟ่านกับเรื่องทั้งหมดอย่างไร แต่เขารู้ดีว่าจี้ฟ่านไม่จำเป็นต้องโกหกเขา กระทั่งอย่างจี้ฟ่านก็ไม่มีความสามารถพอจะโกหกเขาได้

 

เพราะเขาได้จี้ถามเรื่องทั้งหมดจากจี้ฟ่านหลังจากที่เขาฆ่าหลี่อันต่อหน้าต่อตามัน

 

วินาทีนั้นเป็นช่วงเวลาที่จี้ฟ่านหวาดกลัวถึงที่สุด แล้วคนที่คิดอะไรในใจก็โพล่งออกมาหมดเช่นมัน ย่อมไม่มีวันปกปิดเรื่องอะไรจากเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มันไร้ความกล้าจะโกหกเขาด้วยซ้ำ!

 

“หึ!”

 

และเมื่อเหล่าอาวุโสระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ เริ่มที่จะกล่าวผลักความรับผิดชอบไปยังจี้ฟ่านอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็พ่นลมเสียงเย็นออกมาอีกรอบ และครานี้น้ำเสียงยังเย็นยะเยือกกว่าครั้งก่อนหน้านัก! พาลให้ผู้คนโดยรอบรู้สึกเสมือนตกอยู่ในหล่มน้ำแข็ง!!

 

ครู่ต่อมา

 

ไม่ทันที่ระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ ไม่เว้นหลิวเสวียนคงประมุขนิกายอมตะสราญรมย์จะมีเวลาตอบสนอง ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็กลับกลายเป็นเยียบเย็นอำมหิต มวลพลังสีม่วงปะทุออกมาท่วมร่าง  พร้อมๆกันกับเงาร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่อง!

 

ซัว! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!

 

 

ทันใดนั้นพุทธองค์สีทองก็ผสานหลอมรวมเข้ากับมวลพลังสีม่วงอย่างไร้แบ่งแยก พาลให้พุทธองค์สีทองร่างเขื่องคล้ายมีชีวิตขึ้นมาทันใด จากนั้นฝ่ามือมหึมาของมันก็ยกขึ้นก่อนจะฟาดตบจากบนลงร่างอย่างเรียบง่าย! หากทว่ามวลพลังที่แผ่พุ่งออกมาจากฝ่ามือมหึมานั้น ให้สภาวะยิ่งใหญ่ประหนึ่งขุนเขาสูงถล่ม!!

 

“ไม่–!!”

 

เมื่อหลิวเสวียนคงประมุขนิกายอมตะสราญญรมย์รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็หลงเหลือเวลาเพียงแค่ร่ำร้องออกมาด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจเท่านั้น ก่อนที่คนทั้งคนนจะถูกฝ่ามือมหึมาฟาดตบเข้าอย่างจัง จนตัวแตกระเบิด กลับกลายเป็นหมอกโลหิตเกลื่อนฟ้า!

 

ทางด้านระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ เนื่องจากพลังฝีมือพวกมันยังไม่สู้หลิวเสวียนคงด้วยซ้ำ พวกมันจึงไม่มีแม้แต่เวลาจะร่ำร้อง กระทั่งยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น คนก็พร้อมใจกันตกตายภายใต้ฝ่ามือมหาประลัยหมดสิ้น!

 

ดั่งพิรุณโลหิตพร่ำพรม หยาดโลหิตมากมายร่วงตกฟ้ารดร่างเหล่าศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์ ยังย้อมชโลมแผ่นดินเบื้องล่างให้กลับกลายเป็นสีแดงฉาน

 

จังหวะนี้บรรยากาศคล้ายถูกผนึกแข็ง

 

จนเมื่อพิรุณโลหิตพร่างพรมหล่นฟ้าลงมาหมดสิ้น บรรยากาศที่ปกคลุมนิกายอมตะสราญรมย์ก็เริ่มคลายจากการผนึกแข็ง กลิ่นโลหิตคาวคลุ้งก็เริ่มตลบอบอวลไปทั่ว พาลให้ผู้คนที่สูดกลิ่นเข้าไปบังเกิดอาการพะอืดพะอมนัก!

 

เหล่าศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์ที่อยู่เบื้องล่างก็เช่นกัน…

 

ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!

 

 

เหล่าศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์ที่ร่างชุ่มไปด้วยโลหิต พร้อมใจกันสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างเสียขวัญ ด้วยกลิ่นคาวเตะจมูก ทั้งร่างระดับสูงที่ลอยล่องเหนือฟ้าอันตรธานหายไปจนหมด กอปรกับเห็นต้วนหลิงเทียนโบกมืออย่างไร้เรื่องราวรวบรวมแหวนพื้นที่จำนวนมาก พวกมันก็ตระหนักได้ทันทีว่าทุกคนสมควรถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายหมดแล้ว

 

หยาดโลหิตที่หล่นฟ้ามาฉาบย้อมร่างพวกมันกับผืนดิน ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุด

 

จังหวะนี้พวกมันที่หวาดกลัวทั้งเสียขวัญ กระทั่งยังรู้สึกอยากคายของเก่า แต่ทั้งหมดก็เร่งยกมือปิดปากเอาไว้ ด้วยกลัวว่าหากเกิดอาเจียนออกมาตอนนี้ อาจทำให้ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องบนขุ่นเคืองใจ สุดท้ายก็บขยี้พวกมันดังบี้มดตัวหนึ่งเพราะความรำคาญ…

 

‘หากมีพลังระดับนี้ได้ตลอดเวลา ก็คงดี…’

 

ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งลงมือเข่นฆ่าผู้คนทั้งรบรวมแหวนพื้นที่เสร็จ อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าหลงใหลขึ้นมา…

 

ถึงแม้ว่าพลังที่เขาพึ่งใช้ออกเมื่อครู่ จะอ่อนด้อยกว่าพลังที่เขาใช้จัดการหลี่อันที่นิกายอมตะไท่อีของพื้นที่รกร้างมาก

 

อย่างไรก็ตามพลังที่เขาได้มาจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง ก็ช่างทรงพลังจริงๆ

 

อีกทั้งแม้จะอ่อนด้อยกว่าครั้งก่อน แต่พลังที่เขาพึ่งใช้ออกเมื่อครู่ ก็ยังเทียบได้กับการลงมือของตัวตนขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศ!

 

เรียกว่าเพียงส่วนหนึ่งของพลังขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศ ก็จบชีวิตหลี่ผิงบรรพบุรุษของนิกายยอมตะสราญรมย์ที่พึ่งทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้ง่ายดาย กระทั่งยังเข่นฆ่าระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์จนหมดประหนึ่งเหยียบย่ำมดฝูงหนึ่ง…

 

เรียกว่าความรู้สึกขณะลงมือเมื่อครู่ ได้มอมเมาต้วนหลิงเทียนให้รู้สึกเสมือนสามารถใช้หนึ่งมือบังฟ้า! และความรู้สึกของการที่สามารถควบคุมทุกสิ่งใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ไว้ในกำมือแบบนี้ ย่อมน่าอภิรมย์ไม่น้อย

 

เขาหลงใหลและพึงพอใจในความรู้สึกดังกล่าวนัก!

 

‘น่าเสียดาย…พลังนี้มันไม่ใช่พลังของข้าจริงๆ ใช้ไปส่วนหนึ่งก็หมดไปส่วนหนึ่ง…แถมตอนนี้อัตราการสูญเสียพลังงานก็มากกว่าที่คิด หากข้าลงมือแบบเมื่อครู่อีกสักครั้ง น่ากลัวระดับพลังอาจจะตกลงไปอยู่แค่ขอบเขตราชาอมตะ 8 ชะตาเท่านั้น’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบทอดถอนในใจอย่างลับๆ

 

การฆ่าหลี่ผิงบรรพบุรุษนิกายอมตะสราญรมย์ แม้จะใช้พลังไปส่วนหนึ่ง แต่ก็ถือว่าสิ้นเปลืองพลังไม่น้อย

 

แต่นี่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะหลี่ผิงยามใช้ทุกสิ่งก็ถือว่ามีพลังป้องกันไม่เลวเลยทีเดียว หากไม่ใช้พลังระดับนั้น เกรงว่าอาจจะต้องลงมือซ้ำ ยิ่งกลายเป็นสิ้นเปลืองมากกว่าเดิม

 

ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอยู่แม้จะลอบทอดถอนในใจ แต่ภายนอกยังคงแลดูสงบเฉยเมย

 

สำหรับจี้ฟ่านที่อยู่ด้านหลัง ก็รู้สึกหนาวสะท้านหัวใจ เริ่มวิตกกังวลไปอย่างหนัก

 

เพราะมันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าหลังเข่นฆ่าระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนใช่คิดจะเปลี่ยนใจ แล้วฆ่ามันทิ้งอีกคนด้วยหรือไม่…

 

มันก็เลยกังวลใจอย่างหนัก

 

‘ข้าก็โลภมากไปได้…แค่ได้รับอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองที่ใช้ได้ถึง 3 ครั้ง และสามารถครอบครองพลังขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว คนธรรมดาทั่วไป ชั่วชีวิตเผลอๆจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสสิ่งนี้ด้วยซ้ำ’

 

พอนึกถึงภายหลัง ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวไปมาเบาๆ ด้วยรู้สึกว่าตัวเองชักจะโลภเกินไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตามแม้จะบังเกิดความโลภ แต่ไม่ว่าใครหน้าไหนลองมาเป็นต้วนหลิงเทียนก็ไม่พ้นต้องบังเกิดความรู้สึกเช่นเดียวกันทั้งสิ้น

 

เรื่องบางอย่างหากยังไม่ได้ประสบกับตัวก็ไม่เป็นไร

 

แต่พอได้ประสบเข้ากับตัว และสัมผัสได้ถึงความหอมหวานของมันแล้ว ก็ยากที่จะเสียมันไป และยากที่จะไม่อยากสัมผัสถึงมันอีก…

 

ต้วนหลิงเทียนก็เป็นเช่นนั้น

 

“พวกที่เห็นพ้องต้องกันเรื่องฆ่าข้า…ยังมีใครเป็นปลาที่เล็ดลอดร่างแหหรือไม่?”

 

หลัจากนั้นไม่นานนัก ต้วนหลิงเทียนก็กลับมาสติแจ่มใสอีกครั้ง หันไปมองถามจี้ฟ่านเสียงเบา

 

“ไม่! ไม่มีแล้ว!!”

 

ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน จี้ฟ่าน ผงะไปวูบหนึ่งจากนั้นก็เร่งสายหัวไปมาเป็นพัลวัน “ยกเว้นอาวุโสบางคนที่ไม่ได้อยู่ในนิกายอมตะสราญรมย์ตอนนั้น เหล่าระดับสูงที่ร่วมหารือเรื่องฆ่าท่านทั้งหมดอยู่ที่นี่หมดแล้ว”

 

กล่าวถึงจุดนี้ จี้ฟ่านคล้ายฉุกคิดอะไรขึ้นได้ มันจึงกล่าวเสริมออกมาด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ “แต่หากท่านจะถามถึงปลาที่เล็ดลอดร่างแหจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี…”

 

“ยังมีปลาตัวไหนเล็ดลอดร่างแหไป?”

 

ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น

 

“ก็…ข้าเอง”

 

จี้ฟ่านมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวั่นเกรง จากนั้นก็ยิ้มแหยๆพลางชี้มาที่ตัวเอง

 

“เจ้า?”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองจี้ฟ่านด้วยสายตาระอา จากนั้นก็คร้านจะสนใจเรื่องนี้สืบต่อ เอ่ยถามออกไปห้วนๆว่า “แล้วที่ข้าให้เจ้าใช้ลูกแก้วเงาลอยบันทึกเรื่องราวตอนฆ่าหลี่ผิงล่ะ ตกลงเจ้าได้บันทึกไว้รึยัง?”

 

“ถึงแม้จะเกิดเรื่องผิดคาดที่หลี่ผิงบรรลุถึงราชาอมตะได้…แต่ตอนที่ข้าฆ่ามันตัวมันก็ยืนนิ่งไม่ได้เคลื่อนไหว เช่นนั้นถึงเป็นลูกแก้วเงาลอยระดับขุนนางก็สมควรบันทึกฉากตอนมันตายตกได้อยู่…”

 

“แล้วเจ้าอย่าได้บอกเชียวว่าลืม…หากเจ้าลืมขึ้นมาจริงๆก็อย่าได้โทษข้าที่จะผิดสัญญา แล้วฆ่าเจ้าทิ้ง!”

 

กล่าวถึงท้ายประโยค ลูกตาต้วนหลิงเทียนก๋เผยประกายเยียบเยยย็นอำมหิตออกมา

 

“บันทึก! บันทึกไว้แล้ว…ท่านปรมจารย์โอสถต้วนข้าบันทึกไวทั้งหมด!!”

 

ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน จี้ฟ่านก็เร่งกล่าวตอบออกไปอย่างรีบร้อน ขณะเดียวกันในใจก็บังเกิดความรู้สึกโล่งอกขึ้นมา

 

“ต่อไป ข้ามีเรื่องหนึ่งให้เจ้าคิดไปกระทำ…”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยบอกเรื่องราวที่คิดจะให้จี้ฟ่านไปกระทำ “…หากครั้งนี้เจ้าทำได้ดี ข้าก็ไม่คิดติดใจเอาความเรื่องราวบาดหมางระหว่างข้ากับเจ้าอีก”

 

“แต่หากเจ้าทำไม่ได้…เจ้าสมควรรู้ดีว่าผลเป็นยังไง”

 

กล่าวถึงท้ายประโยค ประกายเยียบเย็นก็ฉายวาบขึ้นในดวงตาต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง

 

“ขอปรมาจารย์โอสถต้วนอย่าได้กังวล ข้าจี้ฟ่านจะกระทำทุกสิ่งที่ท่านสั่งอย่างดีที่สุด! ข้าไม่มีทางทำให้ปรมาจารจย์โอสถต้วนต้องผิดหวังเป็นแน่!!”

 

เผชิญกับวาจาและสายตาขู่ข่มของต้วนหลิงเทียน จี้ฟ่านก็เร่งรับปากระรัว

 

“ก็ดี”

 

หลังตอบคำสั้นๆ ต้วนหลิงเทียนก็หันหลังแล้วเหินร่างจากไป โดยไม่คิดจะสนใจอะไรจี้ฟ่านอีก

 

เมื่อเห็นแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนหายลับไปในม่านหมอกอันเกิดจากค่ายกลของนิกายยอมตะสราญรมย์แล้ว จี้ฟ่านก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขณะเดียวกันก็เริ่มเหินร่างลงไปหาศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์ที่ตัวเปื้อนไปด้วยเลือดของเหล่าอาวุโสระดับสูงด้านล่าง…

 

ด้านเหล่าศิษย์ของนิกายอมตะสราญรมย์ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนจากไปแล้ว…

 

หลังจากเห็นต้วนหลิงเทียนจากไป แต่พบว่าจี้ฟ่านกลับเหินลงมาหา สีหน้าของพวกมันก็เปลี่ยนไปอีกรอบ

 

“ตถาคต!”

 

“ตถาคต!”

 

 

แม้สีหน้าท่าทีพวกมันจะเปลี่ยนไป แต่สุดท้ายก็เลือกจะคารวะทักทายจี้ฟ่านด้วยท่าทีเคารพ คล้ายไม่ได้ยินเรื่องที่จี้ฟ่านประกาศถอนตัวออกจากนิกายอมตะสราญรมย์ก่อนหน้า