ตอนที่ 2913

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,913 : บรรพบุรุษทั้งสามของนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ!

 

“ขุนนางอมตะ 8 ชะตางั้นรึ?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่วูบไหวไปผุดโผล่เบื้องหน้าอาวุโสหง ตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 8 ชะตาของนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับปานภูตผี กล่าวถามออกมาเสียงเรียบ สีหน้าท่าทีช่างเฉยเมยไร้แยแสนัก

 

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนวูบมาปรากฏตัวเบื้องหน้าอาวุโสหงอย่างไร้ร่องรอย อาวุโสฉีที่อยู่ด้านข้างก็ตื่นตระหนกเสียขวัญไม่น้อย!

 

ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!

 

 

ทันใดนั้น ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใดๆ แสงสีม่วงพลันส่องสาดออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน และในชั่วพริบตามวลแสงก็ก่อตัวเกิดเป็นแถบริ้วพลังสีม่วง พุ่งไปรัดพันทั่วร่างอาวุโสหงฉับไว สุดที่มันจะทันได้ตั้งตัว!

 

จนเมื่ออาวุโสหงถูกแถบริ้วพลังสีม่วงต้วนหลิงเทียนพันธนาการร่างเอาไว้แล้ว เหล่าอาวุโสระดับสูงของนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับค่อยได้สติกลับคืน!

 

และพอพวกมันดึงสติให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้แล้ว พบว่าบัดนี้ต้วนหลิงเทียนได้พันธนาร่างอาวุโสหงเอาไว้ได้ชะงัด ถึงขั้นที่ไม่ว่าอาวุโสหงจะพยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างไร ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการของแถบริ้วพลังสีม่วงได้เลย…

 

ลูกตาพวกมันก็หดหยีลงแทบปิด!

 

“นี่…จะเป็นไปได้อย่างไร!?”

 

“จ้าวสวรรค์ช่วย! ข้าฝันไปหรือไม่!? นี่ข้ากำลังเห็นต้วนหลิงเทียนที่อายุไม่ถึงร้อยปี หัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อีจากพื้นที่รกร้างผู้นั้น…กำลังจับตัวอาวุโสหงเอาไว้งั้นหรือ!? อีกทั้งเท่าที่ดู ท่าทางอาวุโสหงจักมิอาจดิ้นรนหลุดพ้นพันธนาการของมันได้!!”

 

“ไม่ใช่ว่ามันเป็นยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับหรือไร? ยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับทรงพลังถึงขั้นนีตั้งแต่เมื่อไหร่!? ล้อเล่นหน่า!!”

 

“นะ…นี่มัน…จะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!!”

 

 

เมื่อเหล่าอาวุโสระดับสูงของนิกายอมะตสวรรค์ลี้ลับได้สติกันแล้ว เหล่าศิษย์และอาวุโสลาดตระเวนเองก็พึ่งจะรู้สึกตัว ตอนนี้พวกมันแต่ละคนอื้ออึงจนไม่รู้เหนือใต้!

 

ฉากเบื้องหน้านำความตกตะลึงพรึงเพริดมาสู่พวกมันแล้วจริงๆ!

 

“จะ…เจ้า ที่แท้เป็นเจ้าลงมือ!?”

 

มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง อาวุโสฉีที่ยืนอยู่ข้างๆอาวุโสหงที่โดนพันธนาการ บังเกิดความหวาดกลัวจนตัวสั่น เรียกว่าลูกตามันไม่เหลือความรู้สึกใดอื่นนอกจากความกลัว!

 

มาตอนนี้มันย่อมตระหนักได้แล้ว ว่าคนที่ลงมือเข่นฆ่าสังหารอาวุโสขอบเขตขุนนางอมตะ 6 ผสานไปก่อนหน้า หาใช่ยอดฝีมือเร้นกายในเงามืดอันใดไม่! ที่แท้เป็นชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียน หัวหน้าปรมจารย์โอสถของนากยอมตะไท่อี!!

 

นอกจากนั้นมันยังตระหนักได้อีกเรื่อง ยังเป็นเรื่องที่ทำให้มันผวาจับใจ…อีกฝ่ายหาได้ง่ายดายเช่นขุนนางอมตะ 9 ตำหนักไม่!

 

เพราะให้ขุนนางอมตะ 9 ตำหนักคนไหน ทรงพลังมากเพียงใด ก็ไม่มีปัญญาจัดการอาวุโสหงให้อยู่หมัดได้อย่างง่ายดายแบบนี้!!

 

ผู้ที่สามารถจัดการอาวุโสหงได้อยู่หมัดด้วยอริยาบถผ่อนคลาย กวาดตามองไปทั่ว 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ น่ากลัวจะมีแค่ตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศเท่านั้น!

 

มันก็เลยสรุปได้ในพริบตา…

 

ต้วนหลิงเทียนเบื้องหน้า ไหนเลยเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับได้? ที่แท้อีกฝ่ายเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศอันทรงพลัง!!

 

เป็นธรรมดาว่ามันกล้าคาดเดาด่านพลังต้วนหลิงเทียนว่าเป็นแค่ขุนนางอมตะ 10 ทิศเท่านั้น กับด่านพลังราชาอมตะมันยังไม่กล้าคาดเดา!

 

เพราะลำพังคนที่ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีบรรลุขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศได้ ก็ถล่มสามัญสำนึกของมันจนพังยับเยินแล้ว!

 

อายุไม่ถึงร้อยปี บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะหรือ?

 

ให้หลับมันยังไม่กล้าฝันถึงด้วยซ้ำ!

 

“เจ้าคิดว่าไงล่ะ?”

 

ได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงแตกตื่นของอาวุโสฉี ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบไปมองมันผ่านๆ พลางย้อนถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

 

และในขณะที่หันไปเหลือบมองย้อนถามอาวุโสฉีนั้น มือขวาต้วนหลิงเทียนก็ยกขึ้นโบกสะบัดไปทางอาวุโสหงส่งๆ คล้ายโบกปัดแมลงวัน…

 

ทีท่าแม้ไร้เรื่องราว หากแต่กลับทำให้สองตาอาวุโสหงถลึงมองแทบปริแตก!

 

“ไม่มมม—!!”

 

เสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวชของอาวุโสหง คล้ายมีพลังเวทมนตร์หนุนเสริมก็ไม่ปาน มันถึงกับดังสนั่นลั่นก้องไปทั่วนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ!

 

และในเวลาเดียวกันกับที่อาวุโสหงร้องโหยหวนออกมา ทุกคนในที่นี้ต่างล้วนเห็นกันชัดถนัดตา!

 

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนโบกมือขวาส่งๆปานปัดแมลงวันนั้น พลังสีม่วงขุมหนึ่งพลันผุดโผล่จากคววามว่างเปล่า โถมถันไปปานเพลิงโหม พริบตาก็กลืนร่างอาวุโสหง ก่อนจะป่นทำรายคนๆหนึ่งให้อันตรธานหายไปในความว่างเปล่า ไร้แม้กระทั่งละอองโลหิต!

 

เมื่อพลังสีม่วงที่โถมออกไปปานเพลิงโหมอันตรธานหายไป ณ จุดที่เคยมีอาวุโสหงถูกพันธนาการร่างอยู่ ก็หลงเหลือเพียงแหวนพื้นที่วงหนึ่งที่กำลังร่วงตกฟ้าไปอย่างเงียบงัน แต่สุดท้ายมันก็ถูกพลังดูดรั้งขุมหนึ่งฉุดดึงมาเข้ามือต้วนหลิงเทียน

 

หลังเก็บแหวนพื้นที่ของอาวุโสหงไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ปรายตาเหลือบมองอาวุโสฉีที่ยืนตัวแข็งอีกครั้ง และพอถูกต้วนหลิงเทียนเหลือบมองมา ร่างที่แข็งค้างของอาวุโสฉีก็เริ่มสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว ในแววตาหลงเหลือแต่ความหวาดผวา ไร้ซึ่งความกล้าแม้แต่จะมองหน้าต้วนหลิงเทียนสืบไป

 

“หลังผ่านไปอีก 3 ลมหายใจ หากยังไม่มีใครไปตามไป๋อวี่ซวนนายน้อยนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับให้ข้า…ข้าจะฆ่าอีกคน”

 

เมื่อวาจาประโยคดังกล่าวล่วงล้ำผ่านลำคอต้วนหลิงเทียนออกมา คนนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับที่ตกตะลึงสองตาเลื่อนลอยกับเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้น ก็เสมือนต้องถูกอัสนียามแล้งที่ฟาดผ่าลงมาโดยไร้ซึ่งการตั้งเค้าใดๆ ร่างกายขอพวกมันถึงกับสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวจับใจ!

 

“ปรมาจารย์โอสถต้วน”

 

ตอนนี้เองอาวุโสฉีที่สูดอากาศเข้าลึกๆสะกดความหวาดกลัว ก็ได้รวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นมามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน ด้วยสีหน้าน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “นะ…นายน้อยไป๋อวี่ซวน ตอนนี้ได้ไปสำนึกผิดอยู่ที่ผาสำนึกตนของนิกายอมตะลี้ลับเรา และเป็นท่านประมุขสั่งการลงมาโดยตรง ว่าหากยังไม่ครบ 10 ปี คนมิอาจก้าวออกมาจากผาสำนึกตนได้แม้แต่ก้าวเดียว…นี่คือบทลงโทษสำหรับการตายของ เหอซาน บรรพจารย์ของนิกายอมตะไท่อีท่าน”

 

“ไปสำนึกผิดที่ผาสำนึกตน 10 ปี?”

 

ได้ยินคำของอาวุโสฉี ต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ค่อยยิ้มกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ไป๋หวู่จี้ ประมุขนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับของพวกเจ้าช่างประเสริญแท้…สำนึกผิดที่ผาสำนึกตน 10 ปี นี่ยังเรียกว่าลงโทษได้?”

 

“อ่อ…แล้วก็ตอนนี้ได้ผ่านไปครบ 3 ลมหายใจอีกครั้งแล้ว”

 

พอต้วนหลิงเทียนกล่าวประโยคนี้จบคำ สายตาที่มองไปยังอาวุโสฉีก็ฉายจิตฆ่าฟันออกมา พาลให้หน้าอาวุโสฉีเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง

 

แต่ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะลงมือเข่นฆ่าอาวุโสฉีนั้นเอง

 

“หยุดมือ!”

 

“หยุดมือ!”

 

 

สุรเสียงอันเปี่ยมล้นไปด้วยโทสะ พลันดึงก้องมาจากฟากฟ้าไกลตา

 

หลังจากนั้นพลันปรากฏเงาร่าง 3 ร่างพุ่งแหวกฟ้าลงมาฉับไวปานอัสนีฟาดผ่า พริบตาก็ลุมาถึงจุดที่ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆลอยร่าอยู่ ยังไปปรากฏตัวบังขวางอาวุโสฉีที่ต้วนหลิงเทียนคิดเข่นฆ่าสังหารเอาไว้เบื้องหน้า

 

“คารวะท่านบรรพบุรุษทั้ง 3!”

 

เมื่อเห็นร่างทั้ง 3 ปรากฏตัวขวางไว้เบื้องหน้า อาวุโสฉีที่หวาดกลัวต้วนหลิงเทียนจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่างก็ดึงสติกลับมา เร่รุดประสานมือโค้งคารวะออกไปโดยพลัน!

 

ร่างทั้ง 3 ผู้มาใหม่นั้น เป็นชายชรา 1 ชายวัยกลางคน 2

 

ชายชรามาในชุดคลุมสีขาว รูปร่างผ่ายผอม บรรยากาศทั่วร่างให้ความรู้สึกประหนึ่งเทพเซียน

 

ส่วนชายวัยกลางคนอีก 2 คนนั้น คนหนึ่มาในชุดคลุมสีน้ำเงิน ส่วนนอีกคนมาในชุดคลุมสีเขียวขี้ม้า ที่สำคัญจะรูปร่างหน้าตาของทั้งคู่ ก็ล้วนเหมือนกันราวกับแกะ เห็นได้ชัดว่าสมควรเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน!

 

“คารวะท่านบรรพบุรุษทั้ง 3!”

 

“คารวะท่านบรรพบุรุษทั้ง 3!”

 

 

หลังอาวุโสฉีกล่าววคำคารวะร่างทั้ง 3 ออกไป ก็ประหนึ่งเสียงระฆังดึงสติเหล่าอาวุโสระดับสูงและเหล่าศิษย์ลาดตระเวนของนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ ทั้งหมดกลับมาสู่ความรู้สึกและเร่งรุดประสานมือโค้คารวะทักทายทั้ง 3 ออกไปด้วยน้ำเสียงท่าทีเคารพ!

 

ฟังจากวาจคารวะของพวกมัน ฐานะของทั้ง 3 ก็ถูกเปิดเผยทันที

 

เป็นบรรพบุรุษทั้ง 3 คนของนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ!

 

และบรรพบุรุษทั้ง 3 ของนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ ก็คือยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศอันลือชื่อของนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ! และด้วยการดำรงอยู่ของพวกมัน จึงหนุนส่งให้นิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับสามารถครองบัลลังก์นิกายอมตะใหญ่อันดับ 1 ใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างไร้ผู้ใดกังขา กระทั่งยังโด่งดังไปทั่วพื้นที่ชายแดนทั้งมวล!

 

ฟุ่บบ!!

 

และในขณะที่บรรพบุรุษทั้ง 3 ของนิกายอมตะสราญรมย์ปรากฏกาย พลันบังเกิดเสียงแหวกผ่าอากาศฉับไวดังมาแต่ไกล

 

หลังจากนั้นไม่ทันไร ร่างที่ต้วนหลิงเทียนยคุ้นเคยก็ปรากฏตัวขึ้น

 

“ประมุขนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ ไป๋หวู่จี้”

 

ก่อนที่ไป๋หวู่จี้จะเหินร่างมาถึง ต้วนหลิงเทียนที่มองเห็นความเคลื่อนไหวของมันแต่แรกก็จดจำมันได้ทันที ลุกตายังอดไม่ได้ที่จะฉายแววเยียบเย็นออกมา

 

วันนั้น เป็นไป๋หวู่จี้ผู้นี้ที่ลงมือสังหารบรรพจารย์ไท่อี!

 

“อาจารย์ปู่ อาจารย์อาทั้ง 2”

 

หลังไป๋หวู่จี้ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังบรรพบุรุษทั้ง 3 ได้ไม่ทันไร มันก็เร่งทักทายทั้ง 3 ออกไปด้วยน้ำเสียงเคารพก่อนใดอื่น

 

อาจารย์ปู่ที่มันเรียกหา ก็คือชายชราในชุดคลุมขาว ส่วนอาจารย์อาทั้งสองที่มันกล่าวถึง ก็คือชายวัยกลางคนที่เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน

 

“คารวะท่านประมุข!”

 

ขณะเดียวกันทางด้านอาวุโสฉี และอาวุโสระดับสูงของนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ ก็เร่งประสานมือคารวะทักทายไป๋หวู่จี้ออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพ

 

ไม่ว่าจะเป็นประมุขนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ ไป๋หวู่จี้ หรือบรรพบุรุษทั้ง 3 ของนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ ทั้งหมดล้วนถูกเสียงร้องโหยหวนของอาวุโสหงดึงดูดให้มาปรากฏตัวที่นี่ทั้งสิ้น

 

หลังจากที่พวกมันมาถึงแล้ว จึงได้รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปากของ ‘อาวุโสฉี’ อาวุโสระดับสูงของนิกายอมตะสววรรค์ลี้ลับ

 

ทันใดนั้นไม่ว่าจะไป๋หวู่จี้ หรือบรรพบุรุษทั้ง 3 ก็ดี สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็จำต้องแปรเปลี่ยนไปอย่าสิ้นเชิง!

 

เพราะฟังจากที่อาวุโสฉีกล่าว…

 

พลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมานั้น อย่างน้อยๆก็ต้องบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ!

 

“ปรมาจารย์โอสถต้วน”

 

ประมุขนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ ไป๋หวู่จี้ สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง จากนั้นก็ลอยร่างออกมาเบื้องหน้า มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงท่าทีเคร่งขรึม “ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ฆ่าเหอซานบรรพจารย์ไท่อีไป…แต่วันนั้นเป็นเพราะข้าบันดาลโทสะหลังรับทราบเรื่องไป๋อวี่ซวนถูกเหอซานฆ่าตาย”

 

“ต่อมาข้าจึงได้ทราบในภายหลัง ว่าไปอวี่ซวนยังไม่ถูกเหอซานบรรพจารย์ไท่อีฆ่าตาย…ตัวข้าก็รู้สึกผิดนัก จึงส่งคนไปนิกายอมตะไท่อีเพื่อจ่ายค่าชดเชย…แต่ทว่าเป็นประมุขนิกายอมตะไท่อีกล่าวปฏิเสธไม่รับ”

 

“แต่ข้าเองก็รู้ดีว่าครั้งนี้นิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับนับว่าติดค้างนิกายอมตะไท่อีเรื่องหนึ่ง…หากประมุขนิกายอมตะไท่อี หรือท่านมีข้อเรียกร้องอันใด และอยู่ในวิสัยที่นิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับเราจักกระทำได้ เพียงกล่าวออกมาเถอะ”

 

ฟังจากคำพูดคำจาของไป๋หวู่จี้แล้ว เห็นชัดว่ามันเองก็คิดประนีประนอม

 

ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น

 

อย่างไรก็ตามพลังฝีมืออันแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนนั้น คนนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับของมันที่อยู่ที่นี่แต่แรกล้วนประจักษ์กันดี เช่นนั้นแม้ใจมันจะไม่เชื่อมากเพียงใด มันก็จำต้องเชื่อ

 

‘ขุนนางอมตะ 10 ทิศ…มันเป็นถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศจริงๆหรือ!?’

 

ขณะที่มองต้วนหลิงเทียน ในใจไป๋หวู่จี้ก็อดไม่ได้ที่จะสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ

 

“ข้อเรียกร้อง?”

 

ได้ยินคำพูดของไป๋หวู่จี้ ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มบางๆ “นับว่าประมุขไป๋ตรงไปตรงมาดี…เช่นนั้นเจ้าตัดสินใจจบเรื่องในลักษณะนี้สินะ?”

 

“ก็ได้ ถ้างั้นข้าเองก็มีข้อเรียกร้องประการหนึ่ง…ยิ่งไปกว่านั้นข้อเรียกร้องของข้าก็นับเป็นข้อเรียกร้องเล็กๆน้อยๆสำหรับประมุขไป๋และนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“ขอปรมาจารย์โอสถต้วนโปรดกล่าว”

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะพูดออกมาราวกับเรื่องไม่สลักสำคัญและเป็นเรื่องอันง่ายดายไม่มีอะไร แต่เพราะแบบนี้ ทำให้ในใจของไป๋หวู่จี้บังเกิดสังหรณ์อัปมงคลหนึ่ง

 

“ข้อเรียกร้องของข้าก็ง่ายๆ…เพียงส่งตัวนายน้อยนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ ไป๋อวี่ซวน ออกมาเสีย! หากข้าจำไม่ผิด ไป๋อวี่ซวนก็เป็นลูกชายประมุขไป๋ไม่ใช่รึไง เช่นนั้นเจ้าคิดจะส่งตัวมันออกมาก็ลำบากเพียงแค่เอ่ยยคำไม่ใช่รึ?”

 

กล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องไป๋หวู่จี้ด้วยสายตาลึกล้ำ

 

วูบ!

 

ได้ยินข้อเรียกร้องดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หน้าไป๋หวู่จี้ก็เปลี่ยนสีไปทันที ในแววตาเริ่มฉายชัดถึงความลังเลยากตัดสินใจ

 

“หึ!”

 

ทว่าทันใดนั้นเอง 1 ใน 3 บรรพบุรุษของนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ อันเป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเขียวขี้ม้า อยู่ๆก็พ่นลมสบถออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนแคะ กระทั่งสายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเย็นลงทันที!