ตอนที่ 1427 - ทำอย่างไร

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1427 – ทำอย่างไร

สัตว์อสูรระดับ 8 ที่โผล่ขึ้นมาจากหอคอยศักดิ์สิทธิ์ล้วนแต่เงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียง เมื่อพวกมันจ้องมองที่ซ่างเฉียง ดวงตาของพวกมันก็เต็มไปด้วยความเคารพ นี่คือความเคารพต่อจอมยุทธระดับ 9

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกมันได้ยินว่าพยัคฆ์ปีกเทวะผู้ยิ่งใหญ่ได้เข้าสู่ชั้นที่ 99 ของหอคอยสัตว์เทวะเพื่อรับมรดกของเขา อารมณ์ของพวกมันก็เริ่มแสดงออกมาบนใบหน้าของพวกมัน

พยัคฆ์ปีกเทวะเป็นเทพเจ้าสัตว์อสูร เขาจากไปโดยทิ้งอิทธิพลไว้อย่างถาวรในสมัยโบราณ อย่างไรก็ตามอิทธิพลนี้ได้ลดลงเมื่อเวลาผ่านไปซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมสัตว์อสูรน้อยมากที่ยังคงปฏิบัติต่อพยัคฆ์ปีกเทวะเป็นดั่งเทพเจ้า ผู้ปกครองสองคนของพวกมันเริ่มให้ความสนใจในการเข้ามาแทนที่พยัคฆ์ปีกเทวะ

อย่างไรก็ตาม โลกกำลังเผชิญกับการคุกคามของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง พวกมันได้เห็นพลังของต่างโลกเป็นการส่วนตัว เป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดพวกต่างโลก หากไม่มีจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิม เทพเจ้าสงครามแห่งเผ่าร้อยเผ่าพันธุ์กลับมาแล้ว มนุษย์มีเจี้ยนเฉินและอาณาจักรแห่งท้องทะเลมีเทพเจ้าแห่งท้องทะเล สามในสี่เผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ในโลกนี้มีจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิม มีเพียงสัตว์อสูรเท่านั้นที่ยังขาดจอมยุทธ สัตว์อสูรซึ่งแต่เดิมแข็งแกร่งกว่าร้อยเผ่าพันธุ์และมนุษย์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุดในครั้งนี้

เป็นผลให้สัตว์อสูรทั้งหมดเคลื่อนไหวเป็นพิเศษต่อการกลับมาของพยัคฆ์ปีกเทวะในเวลาที่พวกมันต้องการ

ส่วนหนึ่งของพวกมันไม่ได้แสดงอารมณ์เพราะพยัคฆ์ปีกเทวะเป็นเทพเจ้าสัตว์อสูรโบราณ แต่เนื่องจากการดำรงอยู่ของมันทำให้พวกมันสามารถดำรงตำแหน่งเดิมของพวกมันในระหว่างเผ่าพันธุ์ทั้งสี่ มีคนน้อยมากที่ยังคงบูชาพยัคฆ์ปีกเทวะ

เสียงของซ่างเฉียงดังขึ้นอีกครั้ง” วันนี้ข้าจะประกาศเรื่องสำคัญ สองในสามของผู้ปกครองของทวีปสัตว์เทวะของเรา ไคเซอร์และจักรพรรดิเสือได้พยายามที่จะทำอันตรายต่อสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ในอดีตและตอนนี้ได้หนีไปเพราะความผิดที่ได้ก่อไว้ พวกมันออกจากหอคอยสัตว์เทวะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกมันจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเราอีกต่อไป ข้าขอประกาศว่าตอนนี้จักรพรรดิแลงคีรอสและไคเซอร์นั้นเป็นที่หมายหัวของผู้คน เมื่อพบร่องรอยของพวกเขาแล้วเจ้าต้องรายงานเกี่ยวกับพวกมัน”

สิ่งที่ซ่างเฉียงพูดขึ้นในทันทีทำให้เกิดความปั่นป่วนเป็นอย่างมาก ทวีปสัตว์เทวะได้ถูกแบ่งออกเป็นสามดินแดน ไคเซอร์, จักรพรรดิเสือและซ่างเฉียงทั้งหมดปกครองหนึ่งในดินแดนที่พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในทวีป แต่ตอนนี้ซ่างเฉียงได้ออกประกาศจับเพื่อจับกุมผู้ปกครองอีกสองคนซึ่งทำให้ทุกคนตกใจทันที

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าที่จะส่งเสียงคัดค้านใด ๆ ตอนนี้การหายตัวไปของผู้ปกครองทั้งสองได้ถูกอธิบายไปแล้วบางเรื่อง ในเวลาเดียวกันนั้น พยัคฆ์ปีกเทวะได้เริ่มยอมรับมรดกแล้ว พวกมันทุกคนเข้าใจว่าความภักดีของพวกมันไม่ได้อยู่กับผู้ปกครองทั้งสามอีกต่อไป แต่มาอยู่กับเทพเจ้าสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่

เป็นผลให้แม้แต่สัตว์อสูรระดับ 8 ที่เป็นลูกน้องของจักรพรรดิเสือและไคเซอร์ก็ยังคงนิ่งเงียบเนื่องจากสถานการณ์พิเศษนี้

ซ่างเฉียงมองไปที่เจี้ยนเฉินและสีหน้าที่จริงจังของเขาก็หายไป เขาพูดกับเจี้ยนเฉินด้วยรอยยิ้มว่า “ราชันเจี้ยนเฉิน ข้าไม่แน่ใจว่าเมื่อไรที่พยัคฆ์ปีกเทวะจะได้รับมรดกของมัน ทำไมเจ้าไม่อยู่ที่หอคอยสัตว์เทวะต่อไปอีกไม่กี่วันข้างหน้า ? ข้าจะสามารถทำหน้าที่ของข้าในฐานะเจ้าบ้านได้”

เจี้ยนเฉินไตร่ตรองข้อเสนออย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะปฏิเสธคำขอร้องของซ่างเฉียงที่ให้พักอยู่ต่อ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไรที่พยัคฆ์ขาวจะรับมรดกของมันได้สำเร็จ มันไม่เป็นไรถ้าเพียงแค่ไม่กี่วัน แต่เขาไม่สามารถรอได้ถ้าใช้เวลาหลายปีหรือนานกว่านั้น เขามีเรื่องให้ทำมากมาย พยัคฆ์ขาวปลอดภัยบนชั้นที่ 99

เจี้ยนเฉินกลับไปที่หอคอยสัตว์เทวะภายใต้การนำของซ่างเฉียง เขาเดินผ่านชั้นที่ไคเซอร์และแลงคีรอสพักและพบคลังของพวกมัน เขาเอาทุกอย่างที่เข้าตาของเขา

เจี้ยนเฉินพบแกนสัตว์อสูรชั้นสูงจำนวนมากในคลังของพวกมันทั้งสองรวมถึงยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎและยุทธภัณฑ์ราชาที่พวกมันเก็บได้ เจี้ยนเฉินยังพบทักษะการต่อสู้ระดับเซียนที่สมบูรณ์และยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ 3 ชิ้น

ทักษะการต่อสู้ระดับเซียนและยุทธภัณฑ์เซียนล้วน แต่มีความเก่าแก่และแข็งแกร่ง พวกมันเป็นสมบัติหลายหมื่นปีที่ผ่านมา สิ่งของเหล่านั้นเป็นสมบัติที่ยิ่งใหญ่สำหรับมนุษย์ แต่พวกมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใดต่อสัตว์อสูรที่นอกเหนือไปจากการเก็บมันไว้ในของสะสม

อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินไม่พบสิ่งใดที่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาในคลังของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองสร้างความผิดหวังแก่เขา

เจี้ยนเฉินและนูบิสออกจากหอคอยสัตว์เทวะพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม รัมกุยเนสอยู่ข้างหลัง นางยืนกรานที่จะรอให้ลูกกลับมา

เจี้ยนเฉินขี่กระบี่จือหยิงในขณะที่เขาบินไปพร้อมกับนูบิสด้วยความเร็วช้า ๆ แสงเย็นชาแวววาวในดวงตาของเขา เขาจะหยุดและกวาดไปตามสภาพแวดล้อมด้วยความรู้สึกของเขาหลังจากบินในระยะทางที่แน่นอนทุกครั้งราวกับว่าเขากำลังมองหาบางสิ่งบางอย่าง

” เจ้ากำลังมองหาอะไรอยู่ ? ” นูบิสถามด้วยความสนใจ

” ย้อนกลับไปในอาณาจักรแห่งท้องทะเล หนึ่งในผู้ที่ฆ่าผู้อาวุโสของเผ่าเต่าพยายามหลบหนี เขาเรียกว่าหลี่เฟิงซินและเขาเป็นสมาชิกในทวีปสัตว์เทวะ” เจี้ยนเฉินกล่าว เขามาที่ทวีปสัตว์เทวะคราวนี้ด้วยความตั้งใจสองประการ หนึ่งในนั้นคือการให้พยัคฆ์ขาวเข้ามาในหอคอยสัตว์เทวะเพื่อรับมรดกขณะที่อีกอย่างหนึ่งคือการค้นหาหลี่เฟิงซิงผู้ซึ่งหนีไปได้ในอดีต

เจี้ยนเฉินไม่เคยลืมคนที่มีส่วนร่วมในการตายของผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเต่า ในอดีตเขาถูกห้ามไม่ให้เดินทางมายังทวีปสัตว์เทวะ ตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งที่อนุญาตให้เขาก้าวขึ้นมาที่ต่างดินแดนโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับจักรพรรดิ 3 คน

ความรู้สึกของเจี้ยนเฉินสามารถครอบคลุมพื้นที่กว่าสองแสนกิโลเมตรในคราวเดียวและนั่นก็ไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา แม้แต่มดตัวเดียวห่างออกไปหนึ่งแสนกิโลเมตรจากเขาก็ไม่สามารถหลบหนีจากความรู้สึกของเขาได้ พวกมันสามารถเข้าถึงลึกลงไปในพื้นดินทำให้เขาพบสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปด้านล่าง

ทวีปสัตว์เทวะนั้นกว้างใหญ่ แต่ก็ไม่ยากที่เจี้ยนเฉินจะค้นหาใครสักคนถ้าเขาตัดสินใจแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคือเวลาและพลังงาน

ในพริบตา เจี้ยนเฉินค้นหาอยู่ในทวีปสัตว์เทวะเป็นเวลา 3 วัน ในเวลานั้นเขาได้สำรวจทั่วทุกตารางนิ้วไปครึ่งหนึ่งของทวีป แม้ว่าเขาจะไม่พบร่องรอยของหลี่เฟิงซิงก็ตามแต่เขาก็ยังไม่รู้สึกท้อถอย

“ในอีกไม่กี่วันข้าจะค้นหาทุก ๆ ตารางนิ้วของทวีปนี้ ตราบใดที่หลี่เฟิงซิงยังอยู่ที่นี่ เขาจะไม่สามารถหลบหนีการค้นหาของข้าได้ หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าก็จะไปที่ทวีปเทียนหยวนและจากนั้นก็ไปที่ดินแดนของร้อยเผ่าพันธุ์ ถ้าข้ายังหาเขาไม่เจอ ข้าจะค้นหาโลกทั้งใบหลังจากจิตวิญญาณของข้าไปถึงระดับของขอบเขตดั้งเดิม เจี้ยนเฉินคิด เขาจะไม่ยอมให้หลี่เฟิงซิงหลุดไปจากเงื้อมมือ ไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาทำกับไคเซอร์และจักรพรรดิเสือ ในการต่อสู้กับโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง พวกมันทั้งสองได้พยายามแม้จะไม่ได้มีค่าอะไรมากมายนัก เป็นผลให้เขาได้ตัดสินปล่อยวางความเป็นปฏิปักษ์กับทั้งสองคนแล้วที่นั่น เจี้ยนเฉินไม่ใช่คนเดียวที่ต้องการฆ่าพวกมันทั้งสองคน แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะปล่อยวางแล้วก็ตาม พวกมันก็ยังคงเป็นศัตรูของพยัคฆ์ขาว

ความรู้สึกของเจี้ยนเฉินและนูบิสค้นหาไปทั่วดินแดนแห่งนี้ พวกเขามาถึงในภูมิภาคใหม่และประสาทสัมผัสอันทรงพลังของเจี้ยนเฉินก็สำรวจไปในแบบที่ไม่หยุดยั้งซึ่งปกคลุมไปทั่วสองแสนกิโลเมตร

เจี้ยนเฉินลืมตาของเขาในไม่กี่วินาทีต่อมา แสงทอประกายวาบขึ้นมาในดวงตาของเขาทันทีและเขาพุ่งออกมาเหมือนแสงซึ่งขี่อยู่บนกระบี่จือหยิง นูบิสตามติดมากับเขา

ในป่าโบราณที่เต็มไปด้วยพลังแห่งโลก กระท่อมไม้เรียบง่ายตั้งอยู่บนก้อนหินสีเทาขนาดใหญ่ มันตั้งอยู่ในสายลมอันอ่อนโยนเหมือนชายชราที่ยืนอยู่ที่ประตูแห่งความตาย ดูเหมือนว่าจะเกือบพังทะลายไปในสายลม

ภายในโทรมมาก ไม่มีเครื่องเรือนดังเช่นในบ้านอื่น กระท่อมว่างเปล่า ไม่มีอะไรนอกเหนือจากชายวัยกลางคนร่างหนาซึ่งนั่งอยู่ที่นั่น

ดวงตาของชายคนนั้นปิดเมื่อมีการรั่วไหลอย่างมากจากร่างของเขา เขาบ่มเพาะอย่างชัดเจน พลังงานที่มีชีวิตชีวารอบตัวเขาเริ่มสงบลงและเขาก็ลืมตาขึ้น

“ทวีปสัตว์เทวะได้รับความสูญเสียอย่างหนักจากการต่อสู้กับโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง จอมยุทธหลายคนเสียชีวิตและทวีปสัตว์เทวะก็ว่างเปล่า กล่าวกันว่าการบ่มเพาะนั้นง่ายมากกว่าเมื่ออยู่ในทวีปสัตว์เทวะ อาจเป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะเข้ารับตำแหน่งในหอคอยสัตว์เทวะก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้มันแตกต่าง … ชายวัยกลางคนบ่นกับตัวเอง ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยความกระตือรือร้นและความปรารถนา

อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น สีหน้าของเขาน่าเกลียดอย่างยิ่งในพริบตาและเขากำมือแน่น ความกลัวลึก ๆ ปรากฏในสายตาของเขาในขณะที่เขาคำราม “ข้าอาจไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้กับโลกภายนอก แต่ข้าได้ยินมาจากหลาย ๆ คนว่ามีผู้กำราบเซียนจักรพรรดิได้ปรากฏต่อหน้ามนุษย์บนทวีปเทียนหยวน ข้าได้มีเรื่องขัดใจกับเขาในอาณาจักรแห่งท้องทะเล ดังนั้นหากเขามาพบข้า ข้าจะทำอย่างไร …

“ได้มีการกล่าวว่าผู้นำของมนุษย์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพยัคฆ์ปีกเทวะ ถ้าเขามากับพยัคฆ์ปีกเทวะไปยังหอคอยสัตว์เทวะ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะหลีกเลี่ยงเขา เมื่อถึงตอนนี้ ข้าก็ยังไปที่หอคอยสัตว์เทวะไม่ได้ …

“อะไรก็ตาม การบ่มเพาะในหอคอยสัตว์เทวะเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจจริง ๆ แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของข้า ข้าไปที่หอคอยสัตว์เทวะไม่ได้ มันดีกว่าที่ข้าจะบ่มเพาะที่นี่ด้วยความสงบ ราชันมนุษย์ผู้นี้ยุ่งอยู่กับเรื่องของต่างโลก ดังนั้นเขาจะไม่มีเวลาสำหรับข้าอย่างแน่นอน นอกจากนี้ที่นี่อยู่ไกลพอ ถ้าเขาไปที่หอคอยสัตว์เทวะ..”

หลี่เฟิงซิงปล่อยหมัดของเขาอย่างไร้กำลัง ความกระตือรือร้นที่เขาแสดงก่อนหน้านี้ก็หายไปจากดวงตาของเขาเช่นกัน ทันทีที่เขาคิดเกี่ยวกับวิธีที่เขาได้หลุดรอดเงื้อมมือของมนุษย์ เขารู้สึกเหมือนจุดจบของโลกมาถึงทำให้เขาตัวสั่นภายใน

“หลี่เฟิงซิน เจ้าคิดว่าข้าจะไม่พบเจ้าเพียงแค่หลบหนีมายังทวีปสัตว์เทวะหรือ ? วันนี้จุดจบของเจ้ามาถึงแล้ว” ในขณะนี้เสียงดังมาจากภายนอก มันทำให้ภูเขาพังทลายและบดทะลายต้นไม้ กระท่อมเก่า ๆ ของหลี่เฟิงซินทรุดฮวบลงด้วยคลื่นเสียงอันดังกึกก้อง