ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1165 นี่คือหลุมพรางใหญ่ ได้แต่ต้องดูว่าจะกลบฝังผู้ใด

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“โอ้?” เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังเสวี่ยชูฉิง เกิดความสนใจ “สามคนไหนหรือ”

เยี่ยนตี๋มองมา ปรากฏความจริงจังหลายส่วน

เสวี่ยชูฉิงชูนิ้วสามนิ้ว “คนแรก จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ หากคำนวณดู สายสืบทอดของข้าเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดสายตรงของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานตี๋”

จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ มีชื่อว่าราชันหยกวิสุทธิ์ มีชื่อเต็มว่าเทวกษัตริย์เทวะกำเนิด ผู้ปกครองฟ้าจักรพรรดิอายุวัฒนา ราชันหยกวิสุทธิ์ เทพเจ้าผู้ส่งส่ง

“คนที่สอง เป็นจักรพรรดิโกวเฉิน ซึ่งถูกจัดอยู่ในสี่เทวราชเหมือนกับจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋”

จักรพรรดิโกวเฉิน มีชื่อเต็มๆ ว่า จักรพรรดิราชันฟ้าตำหนักสวรรค์โกวเฉิน

จักรพรรดิจื่อเวย จักรพรรดิายุวัฒนาหนานจี๋ จักรพรรดิโกวเฉิน รวมกับมารดาแห่งแผ่นดิน ทั้งสี่เรียกเป็นสี่เทวราชแห่งสำนักเต๋า ล้วนเป็นบุคคลระดับสุดยอดของสำนักเต๋า

“คนที่สาม พูดถึงศักดิ์ฐานะและประวัติความเป็นมา ยังเก่าแก่กว่า” เสวี่ยชูฉิงกล่าว “เป็นเจ้าแม่อู๋ตัง ลูกศิษย์ของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ ต้นกำเนิดของมรกตท่องฟ้าเมื่อสืบย้อนขึ้นไป”

เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ทวนชื่อของผู้ยิ่งใหญ่สำนักเต๋าสามคนนี้เบาๆ เริ่มเห็นเลศนัยส่วนหนึ่ง

“เจ้าแม่อู๋ตังไม่ต้องอธิบายมากความ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งอยู่เบื้องหลังมรกตท่องฟ้า” เยี่ยนจ้าวเกอพูดขึ้น “ส่วนอีกสองคน ราชันพระพฤหัสบดี ราชันพระอาทิตย์ และราชันพระจันทร์ ด้านหลังยืนไว้ด้วยจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กระมัง”

เยี่ยนตี๋ถาม “องค์เทพที่อยู่ด้านหลังกษัตริย์ดินกับกษัตริย์เร้นลับ เป็นจักรพรรดิโกวเฉินสินะ”

“เป็นเช่นนี้ไม่ผิด” เสวี่ยชูฉิงตอบ “พวกเขาสามคนปกติอยู่ในมิติต่างแดน แต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างโลกซ้อนโลก และมรกตท่องฟ้ากับพวกเขา ไม่อาจแบ่งแยกกันได้”

เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋พยักหน้าอย่างเข้าใจ

โลกซ้อนโลก มรกตท่องฟ้า ไปจนถึงโลกเบื้องล่างอย่างโลกแปดพิภพ หากอยู่ในโลกที่มีความเสถียรเช่นนี้ พวกจักรพรรดิโกวเฉินจะถูกเทวกษัตริย์ไร้ประมาณพบตำแหน่งได้ง่าย

การล่องลอยอยู่ด้านนอก อาศัยอยู่ในมิติต่างแดนชั่วนาตาปี ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงสภาพของตัวเองให้เข้าสู่สภาพกึ่งหลับใหล กึ่งล่องลอยจนแทบไม่มีตัวตน แม้จะเป็นเทวกษัตริย์ไร้ประมาณก็ยากจะค้นหาร่องรอยของพวกเขา

ยิ่งอย่าว่าแต่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณยังต่อสู้กับพระศรีอาริย์

ด้วยเหตุนี้ ขณะที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าจะรักษาพลังของตัวเอง กลับทำให้โลกสำนักเต๋าอย่างเช่นโลกซ้อนโลกกับมรกตท่องฟ้าปลอดภัยกว่าเดิม

ระหว่างแต่ละฝ่าย พอจะเกิดเป็นสมดุลที่เปราะบางอย่าง

โถงเซียนยินดีย้ายความสนใจส่วนใหญ่ไปทางศาสนาพุทธ

ถึงแม้จักรพรรดิโกวเฉินจะระวังตัว พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับโถงเซียนและเทวกษัตริย์ไร้ประมาณอย่างเต็มที่ แต่ถ้าไม่มีความจำเป็นพิเศษ เขาย่อมไม่ยอมอยู่บนโลกซ้อนโลก และฝากความปลอดภัยของตัวเองไว้ในมือของคนอื่น

แต่ถ้าเป็นไปตามคำกล่าวของเสวี่ยชูฉิง ความสัมพันธ์ระหว่างโลกซ้อนโลกและมรกตท่องฟ้ากับพวกเขาไม่อาจแยกจากกันได้

ครั้งกระโน้นเก้านพเคราะห์เขาคุนหลุนศึกษาคัมภีร์เบิกนภา สร้างโลกซ้อนโลกขึ้น แม้ว่าจะเป็นการกระทำที่เกิดจากการสนับสนุนอย่างลับๆ ของจักรพรรดิโกวเฉินและจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ แต่สุดท้ายก็เพื่อสร้างสถานที่ที่ปลอดภัยให้แก่สำนักเต๋าสายหลัก

เจ็ดปราชญ์ท่องมรกตบุกเบิกมรกตท่องฟ้า ด้านหลังมีเงาของเจ้าแม่อู๋ตังอยู่เช่นกัน

ความแตกแยกระหว่างเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่ในตอนนั้น เป็นเพราะความคิดเห็นระหว่างจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับจักรพรรดิโกวเฉินเกิดความไม่ลงรอยกันอย่างรุนแรง

สุดท้ายพวกราชันพระพฤหัสบดีที่สนับสนุนจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ก็ได้ออกจากโลกซ้อนโลก

นี่เป็นผลลัพธ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ถึงอย่างไรก็ตาม ระดับการโจมตีที่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณและโถงเซียนยอมใช้ไปกับฝั่งจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ก็มีมากกว่า นี่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องอธิบายก็ทราบได้

“มรกตท่องฟ้ายังหัวรุนแรงยิ่งกว่าฝ่ายพวกเรา” เสวี่ยชูฉิงถอนใจกล่าว “ดังนั้นหลายปีมานี้ ยอดฝีมือระดับสุดยอดของมรกตท่องฟ้าจึงมีน้อยกว่าโลกซ้อนโลกมาโดยตลอด คนจำนวนมากตกตายเพราะความขัดแย้งกับโถงเซียน บูรพาจารย์ของพวกเราผู้นั้นบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกรงว่าสะสมจนยากฟื้นฟูแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง “ความจริงข้ามีคำถามถึงมาโดยตลอด ไม่เพียงแต่โถงเซียน ยังมีศาสนาพุทธ ถึงแม้พวกเขาจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน แต่ว่าลูกศิษย์สำนักเต๋าสายหลักอย่างพวกเราอาจจกลายเป็นเป้าหมายให้พวกเขาชำระล้าง ต่อให้ไม่ทำอะไรโลกซ้อนโลกที่ค่อนข้างอ่อนโยน แต่สมควรไม่อดทนต่อมรกตท่องฟ้าที่มีท่วงทำนองหัวรุนแรงกระมัง”

ตอนไปถึงศาสนาพุทธ นอกจากแดนขวางกั้นแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอยังได้ไปโลกศาสนาพุทธมามากมาย เขาพอจะมองออกว่าศาสนาพุทธไม่ใช่แข็งนอก ในแห้งแล้ง แต่ว่ามีพลังสมบูรณ์พร้อมจริงๆ

เป็นเพราะว่ามีพระศรีอาริย์คอยปกปักษ์ ศาสนาพุทธจึงไม่ได้ได้รับความเสียหายไปถึงรากฐานเหมือนอย่างสำนักเต๋า พื้นฐานยังดียิ่งกว่าโถงเซียนกับสามพิสุทธิ์สายหลัก

“สำหรับโถงเซียนกับศาสนาพุทธ สำนักเต๋าที่อย่างน้อยยังมีเทพอยู่สามองค์ ไม่ใช่โรคเรื้อนที่ดีดนิ้วก็ขจัดทิ้งได้” เยี่ยนจ้าวเกอโบกฝ่ามือเบาๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไฉนไม่ร่วมมือแยกกันชำระล้างผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์อย่างพวกเรา จากนั้นพวกเขาค่อยไปแบ่งแพ้ชนะกัน”

เสวี่ยชูฉิงส่ายหน้า “ในนี้บางทีอาจมีความลับอื่น ข้ากลับไม่ทราบแล้ว”

“น้ำลึกกว่าที่คาดไว้…” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำกับตัวเอง

เขาใช้ความคิด พริบตาเดียวกลับนึกได้มากมาย เพียงแต่ส่วนใหญ่เป็นการคาดเดา ตอนนี้ยังไม่อาจพิสูจน์ ดังนั้นได้แต่เก็บไว้ก่อน

เยี่ยนจ้าวเกอได้สติ มองบิดาของตัวเอง จากนั้นก็มองมารดา แบมือ “ตอนนี้ปัญหาที่พวกเราต้องเผชิญ อันดับแรกสุดมีสองอย่าง”

“อย่างแรก ในโลกซ้อนโลกพวกเรามีคู่ต่อสู้แค่กษัตริย์ดินและกษัตริย์เร้นลับ หรือว่า…จักรพรรดิโกวเฉินอาจจะไสม้าด้วยตัวเอง”

“อย่างที่สอง โถงเซียนจะฉวยโอกาสนี้ลงมือหรือไม่”

เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ “ตรงกันข้ามกับพวกเขาก็คือ พวกท่านผู้เฒ่าจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ จะจับตาดูปาหี่นี้หรือไม่”

“ยากจะบอกได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของโถงเซียนกับแดนสุขาวดี” เสวี่ยชูฉิงตอบ

เยี่ยนจ้าวเกอปรบมือเบาๆ “เช่นนั้นพวกเราก็ดูแค่สถานการณ์ปัจจุบันไปก่อน”

“ก่อนหน้านี้ข้าพเนจรไปทั่ว ยังต้องตั้งใจซ่อนร่องรอย ทั้งวางค่ายกลเส้นรุ้งจตุรัส เปลืองทั้งเวลาและพลังงาน ” เสวี่ยชูฉิงกล่าว “มาวันนี้เพราะได้พวกเจ้าช่วยจึงเคลื่อนไหวบนโลกซ้อนโลกได้อย่างเป็นอิสระ คิดจะวางค่ายกลกลับเร็วกว่าเดิมมาก เพียงแต่ว่าทั้งๆ ที่รู้ว่าราชันพระอาทิตย์อาจจะมีแผนการบางอย่าง เราจะยังคงเคลื่อนไหวตามแผนเดิมหรือ”

เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างแช่มช้า “อย่างน้อยคู่ต่อสู้ของพวกเรากับเขาก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นคนเดียวกัน เช่นนั้นตอนนี้ก็เดินต่อไปก่อน ความสำคัญอยู่ด้านหลัง”

เสวี่ยชูฉิงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ลองติดต่อราชันพระอังคารดูก่อน ดูว่าจะยอมตอบรับหรือไม่”

“ท่านแม่ลองติดต่อกับราชันพระอังคารที่นี่ ข้าจะไปตามหากษัตริย์ดารา” เยี่ยนจ้าวเกอพูดขึ้น

แต่ในขณะเดียวกัน ในห้วงสมองของเขาก็ปรากฏเสียงหนึ่งขึ้น

‘เกาหานมีความคิดซ่อนเร้น น้อยครั้งจะลงหมากไร้ประโยชน์’

‘เขาอาจไร้เจตนา แต่อาจเป็นข้ามีเจตนา’

วาจาของทวนพระอังคารในอดีตดังขึ้นในหัวของเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง

‘นี่เป็นหลุมพรางที่ใหญ่นัก…’ เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา ‘ได้แต่ต้องดูว่าสุดท้ายแล้วจะกลบฝังผู้ใด’

เขาพลับคิดอะไรขึ้นมาได้ ถามเสวี่ยชูฉิงว่า “จริงด้วยท่านแม่ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”

“หือ?” เสวี่ยชูฉิงขาน “เรื่องอันใด”

“เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีต ท่านทราบมากน้อยขนาดไหน” เยี่ยนจ้าวเกอถามเสียงเบา

………………..